หลังจากพูดจบประโยคนี้แล้ว โหลชีก็กลับไปอยู่ข้างกายเฉินซ่า นางก็แค่ลุกขึ้นเดินเพื่อเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อยเท่านั้น ให้นางออกห่างจากเฉินซ่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้
นางนั่งอยู่ข้างเฉินซ่า ดูเขาทีราวกับเป็นคนตาย ยิ่งดูก็ยิ่งโมโห "ข้าว่า ทำไมในร่างกายของท่านถึงมีอะไรไม่รู้วุ่นวายไปหมด"
ตอนนี้ทำการป้องกันหัวใจของเขาเอาไว้ได้ชั่วคราว จิตใจของนางก็รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง สมองก็แจ่มใสขึ้นหลายส่วน สภาพของเฉินซ่าในตอนนี้ไม่ใช่การถูกพิษบางอย่างโดยกะทันหันแน่นอน แต่ในร่างกายของเขาเดิมทีก็มีบางสิ่งถูกควบคุมเอาไว้ ไม่ใช่พิษ ไม่ใช่กู่ ไม่ใช่คำสาป แต่ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ ตอนที่เขาได้กระอักเลือดออกมา ได้คลายสิ่งที่ถูกควบคุมเอาไว้ เพราะน้อยมากที่จะมีคนกระอักเลือดออกมา ถ้าหากจะเป็นกุญแจสำคัญในการคลายสิ่งที่ถูกควบคุมเอาไว้ก็ไม่แปลก
เพียงแต่นางไม่รู้ว่านี่มันเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายต่อเขากันแน่ ตอนนี้ดูท่าจะอันตรายมากกว่า แต่ว่าจุดตันเถียนของเขาก็น่าประหลาดจริงๆ
ตอนนี้นางได้ควบคุมสิ่งแปลกประหลาดที่อยู่ในร่างกายของเขาได้ชั่วคราว แต่นางไม่รู้ว่าถ้าปล่อยเขาไว้เช่นนี้เขาจะฟื้นหรือไม่ หรือปล่อยให้จุดตันเถียนของเขาที่ดูแล้วน่าแปลกแต่ก็นั่งเฉยไม่ทำอะไรจะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นหรือไม่ ฉะนั้นนางจึงนั่งเฉยๆไม่ได้
ก่อนหน้านี้นักพรตเลวเคยใช้วิชาลับของสำนักมาเข้าฝันของนางมิใช่หรือ ตอนนี้นางเองก็รู้สึกว่าการควบคุมความฝันของซีเฟยฮวน นางอยากจะลองดูว่าจะสามารถเข้าไปในความฝันของนักพรตเลวได้หรือไม่ ถ้าหากทำสำเร็จ นางจะได้ถามนักพรตเลวว่าเขารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินซ่ากันแน่
"เฉิงสิบ"
เฉิงสิบได้ยินเสียงนางเรียกก็รีบเข้าไปทันที"แม่นาง มีอะไรจะสั่งการหรือ "
"เจ้าอยู่เฝ้าฝ่าบาทที่นี่ ข้าขอนอนสักหน่อย จำไว้ ถ้าเกิดอะไรผิดปกติกับเขาให้เรียกข้าตื่นทันที"
เมื่อก่อนหากเจอกับปัญหาโหลชีจะทำให้ตัวเองใจเย็นลงก่อน นางไม่เคยร้อนใจมากมายเป็นพิเศษมาก่อน และไม่ชอบที่จะพึ่งพาคนอื่นด้วย แม้จะเป็นนักพรตเลวก็ตาม ไม่จำเป็นจะไม่ขอความช่วยเหลือ พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองอย่างสุดกำลัง แต่ว่าตอนนี้เกิดเรื่องกับเฉินซ่าแล้ว ทำให้นางร้อนใจจนอดไม่ได้ที่จะทำลายความคุ้นเคยในการปฏิบัติตัวของตนเอง
"พ่ะย่ะค่ะ "
แม้เฉิงสิบจะรู้สึกว่าโหลชีจะเข้านอนตอนนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก แต่เขาไม่ได้พูดมากเหมือนกับโหลวซิ่น ได้แต่ตอบรับสิ่งที่โหลชีสั่งการทันที
โหลชีลุกขึ้นเดินไปยังอีกมุมหนึ่ง หยิบเอาบุหรี่ที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษออกมาสามมวนซึ่งมีความยาวเท่ากับนิ้วมือ จุดไฟแล้วปักลงไปบนพื้นที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ทำท่าประสานอินหลายท่า
การที่ซีเฟยฮวนจะทำการควบคุมความฝันนั้นค่อนข้างยุ่งยาก อีกทั้งยังต้องใช้พลังการฝึกฝนของตัวเอง เมื่อโหลชีเรียนรู้จนสำเร็จแล้วได้ทำการปรับปรุงให้ดีขึ้น ที่มากกว่านั้นคือนางอาศัยพลังจิตที่แข็งแกร่งมากและการประสานอินที่มีลักษณะพิเศษ
จากนั้นนางก็นั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าธูปทั้งดอก หลับตาลง
มีเฉิงสิบอยู่นางก็วางใจได้
เฉิงสิบเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางแล้วก็รู้ได้ว่านางไม่ได้จะนอนหลับพักผ่อน แม้จะไม่รู้ว่านางทำอะไร แต่เขาก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นทันที เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ต้องเฝ้าดูทั้งฝ่าบาท และนางด้วย
แม้โหลชีจะรู้ว่าการเข้าสู่กระบวนการควบคุมความฝันแล้วตัวเองยังคงมีสติรับรู้อยู่ แต่ร่างกายก็ต้องเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา เดิมทีนางคิดว่าตนเองคงไม่สามารถเข้าสู่การหลับใหลได้อย่างง่ายดายนัก เพราะว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงกลางคืน และนางเองก็ไม่รู้สึกง่วง คิดไม่ถึงว่าพอนางหลับตาลงก็นอนหลับไปเลย
ในขณะที่นางเข้าสู่ห้วงนิทรา โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองชี ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งจะเดินเข้ามาดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที หยุดฝีเท้าลง ทันใดนั้นก็มองไปยังทิศทางที่เขาเซียนพิโรธตั้งอยู่
สาวรับใช้ที่ติดตามเขาอยู่ข้างหลังชะงักไปชั่วครู่ เอ่ยถามเบาๆว่า"คุณชาย มีอะไรผิดปกติหรือ"
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายมีอายุราวๆยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี รูปร่างของเขาไม่เลว แต่ว่าหน้าตาไม่ค่อยดี หน้าตาไม่ดีก็แล้วไปเถิด ที่สำคัญกว่านั้นคือดวงตาคู่นั้นมีประกายแห่งความชั่วร้ายแฝงอยู่ ทำให้รู้สึกเหมือนงูพิษตัวหนึ่ง ทำให้รู้สึกดีไม่ได้เลย
เขาส่ายหน้าและพูดว่า "ขึ้นไปข้างบนค่อยว่ากัน "
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสองแล้ว เข้าไปในห้องที่พวกเขาได้จองเอาไว้ เขาก็ให้สาวรับใช้ปิดประตู และลงกลอน
สาวใช้หน้าแดง เดินไปอยู่ข้างกายเขาด้วยความสมัครใจ เริ่มถอดเสื้อออก ชายหนุ่มกวาดตามองนางแวบหนึ่ง "ชุ่ยเอ๋อ เจ้าจะทำอะไร"
สาวรับใช้ที่ชื่อ ชุ่ยเอ๋อมองเขาอย่างอึ้งๆ "คุณชาย ท่านให้บ่าวปิดประตูมิใช่หรือ"
แต่ไหนแต่ไรมาการที่เขาให้นางปิดประตูลงกลอน นั่นหมายความว่าเขาต้องการการปรนนิบัติจากนาง มีอะไรไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ
"ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี เจ้าสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย"สีหน้าของชายหนุ่มไม่สู้ดีนัก
ชุ่ยเอ๋อใบหน้าแดงก่ำ กัดริมฝีปากราวกับถูกทำร้ายจิตใจเล็กน้อย ตอบรับหนึ่งเสียง และสวมเสื้อให้เรียบร้อย
"เจ้าออกไปสืบข่าวดู บนภูเขาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองชีมีคนอาศัยอยู่หรือไม่ เมื่อครู่ข้ารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังใช้วิชาควบคุมความฝันอยู่"
"อะไรนะ วิชาควบคุมความฝัน"ชุ่ยเอ๋อตกตะลึง "แต่ว่า องค์ชายหลีเคยบอกไว้ว่า เทพธิดาได้ถูกพระสนมของพั่วอวี้ฆ่าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ บนโลกใบนี้นอกจากเทพธิดา และเทพธิดาองค์ก่อนแล้ว ก็มีแต่คุณชายท่านเท่านั้นที่ใช้วิชาควบคุมความฝันได้ "
นางไม่ได้พูดเกินจริง วิชาควบคุมความฝันเป็นคำสาปเฉพาะของเทพธิดาองค์ก่อน หลังจากนั้นก็มีคนคนหนึ่งบังเอิญเรียนรู้จนสำเร็จ จึงถูกนางฆ่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าวิชาควบคุมความฝันไม่ใช่ว่าใครก็สามารถฝึกฝนได้ ต้องใช้พรสวรรค์ชั้นสูง อีกอย่าง แม้จะมีพรสวรรค์ก็ไม่มีคนสอน ฉะนั้น เท่าที่พวกเขารู้ในตอนนี้ มีเพียงสามคนเท่านั้น
เทพธิดาองค์ก่อนยังอยู่ที่ซีเจียง คุณชายอยู่ที่นี่ เทพธิดาซีเฟยฮวนได้ยินว่าตายด้วยน้ำมือของโหลชีแล้ว แล้วยังมีใครใช้วิชานี้ได้อีก นอกเสียจากว่าซีเฟยฮวนยังไม่ตาย
เมื่อคิดว่ามีความเป็นไปได้ ดวงตาของชุ่ยเอ๋อ ก็มีแววโหดเหี้ยมวาบขึ้นมา
"แม่นางอยากจะซื้ออะไรหรือ"เจ้าของที่เดิมทีคิดว่าในวันฝนตกคงไม่มีลูกค้าเข้ามาต้อนรับอย่างยินดี
ชุ่ยเอ๋อกวาดตามองเจ้าของร้านที่น่าจะมีอายุไม่เกินสามปีต้นๆอย่างวิเคราะห์โดยไม่ให้รู้ตัว ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยเสียงหวานว่า "คุณชายของข้าอยากจะเลือกเครื่องประดับศีรษะที่ทำจากอัญมณีสักชุดสองชุดเพื่อมอบให้กับฮูหยินน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน สั่งให้ข้ามาเลือกดูก่อน เถ้าแก่ มีอะไรสวยๆก็ยกออกมาให้ข้าดูก่อนเถิด "
สักชุดสองชุด
เจ้าของร้านฟังออกถึงประโยคสำคัญนั้นทันที จะเอาหลายชุดในคราวเดียว นี่มันลูกค้าใหญ่ชัดๆ แม้ว่าสาวใช้คนนี้จะดูแปลกหน้า แต่ว่าเมืองชีเป็นเมืองใหม่ มีคนย้ายเข้ามาอยู่แทบทุกวัน สามารถพูดได้ว่า คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้เป็นคนแปลกหน้าทั้งสิ้น ฉะนั้นจุดนี้จึงไม่น่าประหลาดใจสักนิด
"ได้ แม่นาง เอาอย่างนี้เจ้าขึ้นไปรอที่ห้องรับรองข้างบนก่อน ข้าจะไปเตรียมของมาให้ดู"
"ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะขึ้นไปรอเถ้าแก่ข้างบนแล้วกัน "ชุ่ยเอ๋อเอ่ยด้วยเสียงหวานหยดย้อยและหมุนตัวเดินขึ้นชั้นสองอย่างแช่มช้อย เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันมาส่งยิ้มให้เขา
ยิ้มนี้ ผู้ชายแทบทุกคนต่างก็มองออกว่าหมายความว่าอย่างไร หัวใจของเจ้าของร้านกระตุก มองดูเอวที่บิดไปมาของชุ่ยเอ๋อจนไม่อาจละสายตาได้แล้ว
รอให้เขาหยิบเครื่องประดับศีรษะหลายชิ้นยกขึ้นไปชั้นบน พอผลักประตูห้องรับรองออก ทันใดนั้นก็ต้องสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
เห็นเพียงชุ่ยเอ๋อที่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เหลือแค่ชุดชั้นน้อยตัวน้อยตัวเดียว ปิดความอลังการบริเวณทรวงอกของนางไม่ได้เลย
ชุ่ยเอ๋อกวักนิ้วเรียกเขา "เถ้าแก่ เข้ามาสิ"
ดวงตาของเจ้าของร้านเบิกกว้าง พุ่งเข้าหาชุ่ยเอ๋อทันที กดตัวนางนอนลงไปบนโต๊ะอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หาความสุขอย่างเต็มที่ เพียงแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาเสพสุขและล้มตัวลงบนร่างของชุ่ยเอ๋อนั้น เรือนร่างที่อวบอิ่มนั้นเหมือนถูกสูบจนเหี่ยวแห้งอย่างไรอย่างนั้น ยับย่นจนเหมือนจะเหลือแค่โครงกระดูกเท่านั้น
"เจ้า เจ้าทำอะไรกับข้า "เสียงของเจ้าของร้านก็แหบแห้งอย่างผิดปกติขึ้นมาในทันที เหมือนการพูดจาแค่นี้ก็ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตได้
ชุ่ยเอ๋อผลักเขาออกจากเรือนร่างของตนเองทันที จากนั้นก็ไปหยิบเสื้อผ้าของเขาขึ้นมา และสวมลงบนตัวทีละชิ้น
"เป็นท่านต่างหากที่ทำอะไรกับข้า " ชุ่ยเอ๋อมองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง พูดว่า"ข้าก็แค่หญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น "
อ่อนแอบ้าอะไร เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ แค่เสพสุขกับนางไม่กี่ครั้งทำไมจึงเหี่ยวแห้งกลายเป็นคนแก่ไปได้ แต่ว่าเขาพูดอะไรไม่ออกแล้ว เขาสามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้ร่างกายของตนเองกำลังสูญเสียชีวิตชีวาอย่างรวดเร็ว เขาสิ้นหวังแล้ว
ชุ่ยเอ๋อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย หยิบเอามีดสั้นออกมา นั่งลงไป มีดสิ้นที่เย็นเฉียบนั้นเขยิบเข้าไปใกล้ใบหน้าของเจ้าของร้าน เอ่ยเสียงต่ำว่า "ขออภัยด้วยจริงๆ คุณชายของพวกเราต้องการบ้านที่อยู่ใกล้กับจวนเจ้าเมืองมากที่สุด เพื่อจับตาดูโหลชี ฉะนั้น จึงขอยืมหนังหน้าของท่านมาใช้หน่อย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ