เดิมทีในใจเขาไม่ได้คิดมาก แต่เมื่อครู่เห็นนายท่านกับพระสนมหวานกันขนาดนั้นแล้ว เขาก็ไม่รู้เป็นอะไร ในสมองนึกถึงครั้งก่อนที่เป่ยชางในร้านอาหารนั้นขึ้นมาทันที แขนของเขาถูกหน้าอกของอามู่อย่างไม่ทันระวัง...
"เอ๊ะ"
ทางนั้นมีเสียงประหลาดใจของโหลชีดังขึ้น ขัดความคิดของอวิ๋น รอเขาหันตัวไปมองแล้ว โหลชีก็ลากเฉินซ่าเข้าใกล้รอยเลื่อนมองดูข้างล่างแล้ว
ความหวานแหววที่ชวนให้ใบหน้าร้อนผ่าวของสองคนนั้นผ่านไปเสียที อวิ๋นผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ สายตาที่มองโหลชีต่างไปมาก ถึงบอกว่านางงามวิไลจริงๆ แต่นายของพวกเขาก็มิใช่ไม่เคยเจอสาวงาม อาศัยเพียงรูปโฉม อย่างมากก็ทำให้นายท่านรับมาอยู่ข้างกาย ไหนเลยจะอดทนอดกลั้นต่อความรักอันร้อนแรงต่อนางเช่นนี้?
บัดนี้ดูแล้วนายท่านเชื่อในนางทั้งกายใจ เกรงแต่ความรักมอมเมาสติ ต่อจากนี้เขาต้องสังเกตพระสนมท่านนี้ให้มากแล้ว ดูว่านางดีหรือร้าย หากเก็บซ่อนแผนร้ายในใจ มอมเมาจนนายท่านเสียสติแบบนี้ ยังไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แม้ในใจมีความเด็ดขาดเช่นนี้แล้ว แต่อวิ๋นก็ไม่มีความจำไม่ดีอะไรกับโหลชี ในทางกลับกัน เขามีความจำต่อพระสนมท่านนี้ดียิ่ง และสยบให้กับความสามารถนางด้วย
เฉินซ่ากำลังจะหันไปเรียกเขา
อวิ๋นก็สาวเท้าเดินมา ปรายตามองโหลชีแวบหนึ่ง ทันใดนั้นหัวใจก็เต้น โหลชีสะสวยอย่างยิ่งอยู่แล้ว การจุมพิตอันเร่าร้อนเมื่อครู่ กลับทำให้ใบหน้านางคลุมเสน่ห์สะดุดตาหนึ่งชั้น มองเพียงแวบเดียวก็ทำให้เขาสูดลมหายใจเข้าแล้ว แทบเสียอากัปกิริยา เขารีบหันศีรษะไปอย่างหมดท่าเล็กน้อย
ทำหน้าขมึงดึงโหลชีเข้าอ้อมอกตัวเอง บอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้ท่าทางนางแบบนี้ถูกคนอื่นเห็น นางยังออกจากอ้อมกอดเขาอีก! เขาเขยื้อนเข้ากัดติ่งหูนางแรงๆ ทำจนนางตัวสั่นระริก
"อวิ๋น เจ้าไป..."
โหลชีฟังความหมายของเขาจะไล่องครักษ์อวิ๋นไปอีกแล้ว จึงรีบเอ่ย "อย่าเพิ่งรีบไล่องครักษ์อวิ๋น ดูข้างล่างสิ ใช่พวกพ้องเหล่านั้นที่เขาพามาหรือเปล่า?"
ผ้าพันคอที่ลำคอองครักษ์อวิ๋นเมื่อก่อนหน้านี้เห็นว่าเป็นธรรมเนียมของทุ่งหญ้า โหลชีมองทีหนึ่ง สังเกตเห็นการถักพิเศษมาก คล้ายคลึงกับสีเขียวอ่อนผืนนั้นที่อยู่ข้างล่างรอบเลื่อนมาก
เฉินซ่ายังไม่รู้ว่าอวิ๋นนำคนกลับพั่วอวี้แล้ว ครั้นได้ยินดังนั้นก็ชะงักเล็กน้อย มองทางอวิ๋น
ยามนี้อวิ๋นไหนเลยยังกล้ามองโหลชีอีก กระโดดลงไปข้างล่าง โหลชีเห็นสองเท้าเขาเหยียบกลางอากาศ ท่วงท่าตกลงช้าๆ ตกบนพื้นเบาๆ อดชื่นชมเป็นไม่ได้ "วิชาตัวเบาขององครักษ์อวิ๋นไม่เลวจริงๆ" ไม่มีการยืมพลังก็กระโดดลงไปทั้งอย่างนี้ ทั้งยังตกสู่พื้นอย่างไร้สุ้มเสียง เห็นได้ถึงวิชาตัวเบาและความกล้าที่มีมาก
ครั้นสิ้นเสียง นางก็ถูกอุ้มขึ้น รู้สึกถึงสายลมที่พัดข้างใบหู ท่วงท่าที่ตกก็ราบเรียบนุ่มนวลมาก ประหนึ่งเหยียบก้อนเมฆาลอยลงมา ขณะลงสู่พื้นยังไม่โคลงเคลงสักนิด นางอยู่ในอ้อมแขนของเฉินซ่าอย่างมั่นคง แถมยังไม่ทันได้สติเล็กน้อยด้วย
ข้างใบหูมีเสียงเบาของเฉินซ่าดังมา "วิชาตัวเบาของข้าดี หรือว่าวิชาตัวเบาของอวิ๋นดี?"
โหลชีตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลุดหัวเราะอย่างจนใจ นี่ยังต้องแข่งกันหรือ? เห็นได้ว่านางชมเชยผู้อื่นต่อหน้าเขาไม่ได้
"ท่านไร้เทียมทาน!"
เฉินซ่าพยักหน้า กล่าวอย่างภาคภูมิมาก "ถึงข้าจะไม่ไร้เทียมทาน แต่ในสายตาเจ้า ก็ควรเห็นข้าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดจึงจะถูก"
โหลชีกรอกตาขาว "หน้าล่ะ?"
เขายื่นหน้ามา ถามนาง "อยู่นี่ ชีชีอยากหอมหรือ?"
ทำจนโหลชีหน้าแดงขึ้นอีกครั้ง ครึ่งหนึ่งเขินอาย ครึ่งหนึ่งถูกความไร้ยางอายของเขากระตุ้น
"บนตัวท่านมีผ้าเช็ดหน้าหรือไม่?"
เฉินซ่าถามแล้วก็ยื่นมือคลำไปทางหน้าอกนาง โหลชีรีบคว้ามือเขาไว้ ถลึงตาทีหนึ่ง "มี ข้าหยิบเอง!" หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้ว นางถาม "จะทำอะไร?"
เขารับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วปิดหน้าให้นาง เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่ง มองประเมินนาง ดวงตาเขายังแวบความไม่พอใจนิดหนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำ "เหตุใดดวงตาคู่นี้ยังล่อลวงผู้คนนะ..." อยากปิดกระทั่งดวงตาคู่นี้
เมื่อนั้นโหลชีก็อารมณ์ขึ้น "ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?" เอาถุงกระสอบดำคลุมนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปเลยสิ! นางหันตัวไปไม่สนใจเขาอีก
อวิ๋นเก็บผ้าพันคอผืนนั้น สีหน้าเปลี่ยนนิดๆ "นี่เป็นของอามู่"
โหลชีถาม "อามู่ก็คือหนึ่งในพวกพ้องพวกนั้นที่มากับเจ้าหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ"
โหลชีตีแขนเฉินซ่า ให้เขาวางนางลง เฉินซ่าเม้มริมฝีปากบาง กระชับมือ ทีแรกไม่อยากวางนางลง แต่ถูกนางเหล่มองอย่างค้อนสายตาหนึ่งแล้ว จึงวางนางลงในที่สุด
ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้ามีมดแมลงมากมาย อวิ๋นเพียงลงมาครู่เดียวที่ลำคอกับมือก็ถูกกัดไปหลายจุดแล้ว ถึงไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็คันคะเยอ เพียงแต่เขาเคยชินกับความลำบาก ยังอดทนได้ แต่กลับเห็นจุดที่โหลชีอยู่ มดปลวกเหล่านั้นต่างถอยออกห่าง ดูเหมือนหลบนาง กระทั่งกลัวนาง อดประหลาดใจหมื่นส่วนเป็นไม่ได้
แต่เขาคาดคะเนเพียงตัวนางมียาไล่แมลงที่ดีเลิศ อยากเอ่ยปากขอจากนางเช่นกัน แต่คิดถึงท่าทางสะดุดตาราวคิ้วดอกเหมยราวปีศาจที่เหลือบเห็นเมื่อครู่แล้ว ก็ไม่กล้าเงยหน้ามองนาง กลับไม่รู้ว่านายของพวกเขาหึงหวงจะตายอยู่แล้ว กลัวว่าเขาจะเห็นท่าทางพริ้มเพรานั้นของโหลชี เอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้านางนานแล้ว
ขวดเล็กขวดหนึ่งโยนมาทางเขา อวิ๋นรับไว้ตามสัญชาตญาณ ได้ยินโหลชีเอ่ย "ยาถอนพิษไล่แมลง กินสองเม็ด"
"ขอบพระทัยพระสนม " อวิ๋นมองนางแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เห็นท่าทางเขาเป็นปกติ ได้ยินดังนั้นจึงเทสองเม็ดกลืนลงไป ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าอาการคันบนร่างระงับไปแล้ว มดแมลงเหล่านั้นก็ไม่เข้าใกล้เขาอีก เขาอดตะลึงงันเป็นไม่ได้
โหลชีไม่ได้สนใจเขา เรียกวู๊วูเสียงหนึ่ง เห็นสายเงินม่วงสายหนึ่งมุดมาพรวด เดิมทีวู๊วูอยากมุดอยู่ในอกของโหลชี แต่เห็นเฉินซ่าอยู่ข้างกายนาง จึงเปลี่ยนไปหมอบอยู่บนบ่านางทันที
"องครักษ์อวิ๋น เอาของมา วู๊วูช่วยตามหาคนได้"
เฉินซ่าเดินไปข้างหน้าด้วย โหลชีหยุดชะงัก ตามไปทันที ครั้นพวกเขาเหยียบเข้าบริเวณวงเสาหินก็รู้สึกผิดปกติ แต่จะถอยกลับสายไปแล้ว
ครั้นหันกลับมาเบื้องหน้าก็พร่าเบลอแล้ว คล้ายถูกอะไรบดบังจักษุ โพรงจมูกได้กลิ่นหอมเย็นสดชื่นนั้น ทั้งที่น่าจะสดชื่นถึงจะถูก พวกเขากลับวิงเวียนศีรษะ มือเท้าอ่อนแรงเล็กน้อย
มืออุ่นร้อนข้างหนึ่งยื่นออกมา จับมือนางไว้ จากนั้นนางก็ถูกฉุดเข้าอ้อมอกที่คุ้นเคย เฉินซ่าถามเสียงหนักข้างใบหูนาง "นี่ไม่ใช่พิษกระมัง?"
แม้เป็นการถาม ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นใจ พวกเขาต่างร้อยพิษไม่กล้ำกราย ไหนเลยจะถูกพิษได้?
โหลชีอือเสียงหนึ่ง "แต่ตอนนี้ข้าแยกแยะไม่ได้ว่านี่คืออะไร" พวกเขาเพียงแต่มึนๆ เบลอๆ นิดๆ ร่างกายอ่อนแรงบางส่วน เห็นชัดว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต
องครักษ์อวิ๋นยังคงเรียกชื่อของอามู่ ไม่นาน พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเล็กน้อยระลอกหนึ่ง เสียงใสที่พกพาความเป็นเด็กดังขึ้น เป็นอามู่ผู้นั้นนั่นเอง
"พี่อวิ๋น!"
ถึงกับโถมตัวเข้าอกอวิ๋นได้แม่นยำ
อวิ๋นโอบคนที่โถมตัวเข้าอกทันที ถึงกับทำให้เขาคอแห้งผากขึ้นมาเล็กน้อย ในหัวสมองปรากฏภาพที่เห็นเมื่อก่อนหน้านี้ นายท่านกับพระสนมกอดกันแน่น ริมฝีปากลิ้นเกี่ยวรัดกัน
"อามู่..." เขาส่งเสียงพึมพำ
"พี่อวิ๋น พวกเราถูกผีเสื้อประหลาดที่สวยมากตัวหนึ่งล่อมาถึงที่นี่ ยังนึกว่าท่านจะตามหาเราไม่พบแล้ว"
อามู่กอดเอวกำยำแน่น ใบหน้าแนบชิดทรวงอกเขา ได้ยินเสียงหัวใจทรงพลังเต้นตุบตับๆ ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงรู้สึกร่างกายอ่อนแรงยิ่งกว่าเดิม
เวลานี้อวิ๋นแน่ชัดแล้วว่าอามู่เป็นสตรี เขาแตกตื่นในใจ ทั้งจนปัญญาบางส่วน คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนนี้อยู่ข้างกายเขามาตั้งนาน กลับปิดบังถึงตอนนี้ได้
"อามู่ พวกเขาล่ะ?"
อวิ๋นอยากดึงนางออก แต่อามู่กลับโอบแน่นกว่าเดิม หน้าอกที่อวบอิ่มนุ่มนิ่มแนบสนิทเขายิ่งกว่าเดิม ศีรษะของอวิ๋นมึนหนักมากขึ้น
"พวกเขาอยู่ทางนั้น ไม่กี่ก้าวนี่เอง พี่อวิ๋นไม่เห็นหรือ?"
เสียงของอามู่ยิ่งเปล่งยิ่งนุ่ม อวิ๋นอดก้มหน้ามองนางไม่ได้ นางเขย่งเท้าเงยหน้าขึ้นพอดี เดิมอยากขยับเข้าใกล้พูดข้างใบหูเขา แต่กลับเหมือนกำลังส่งริมฝีปากตัวเองไปพอดี ถูกริมฝีปากของเขาจูบเข้าอย่างจัง
ทั้งสองพลันตะลึงงัน แต่กลับไม่มีใครขยับ ริมฝีปากยังติดกันอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ