ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 477

ดวงหน้าเฉินซ่าขมึงตึงทันที

โหลชีผิวปากอย่างไม่อาย "เรือนรับรองของเขาเวิ่นเทียนเยอะจริงๆ! คนเขาผัวเมียก็แยกกันอยู่คนละหลังได้"

อีกฝ่ายย่อมฟังออกว่านางกำลังถากถาง แต่ก็เพียงมองล่าง สั่นเทิ้มนิดๆ ความกดดันของเฉินซ่าน่าสะพรึงโดยแท้ ทำให้พวกนางแทบรับไม่ไหวแล้ว

โหลชีถอนหายใจ ถาม "พาพวกเราไปเรือนชิงอี้"

ไม่ต้องคิดก็รู้ เรื่องนี้ต้องเป็นน่าหลานฮั่วซินวางแผนแน่ เจ้าบ้านสามชิวกับฮูหยินก็ไม่ได้แยกกันอยู่

"เชิญพระสนมเสด็จตามข้าน้อยไปที่เรือนหลานเฉิน..." สาวใช้ผู้นั้นยังไม่ลดละ

โหลชีหัวเราะเย็น "เจ้าอยากตายข้าก็ไม่ห้ามนะ"

สาวใช้ผู้นั้นถอยห่างออกไปอย่างตกใจกลัว

อวิ๋นขมวดคิ้ว มองไปยังศาลาอาคารหอเหล่านั้นที่อยู่สูงสุดของภูเขา น่าหลานฮั่วซิน...นางจะก่อเรื่องอะไรอีก? หลายวันก่อนเขาได้ฟังเรื่องหลังจากที่เขาจากไปโดยละเอียดแล้ว ฟังเรื่องโหลชีเป็นหลัก เพราะเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของนายท่านที่มีต่อโหลชีเป็นที่สุด ดังนั้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ย่อมต้องเอ่ยถึงน่าหลานฮั่วซินด้วย

ครั้งนี้ เขาอยากจะดูสิว่าน่าหลานฮั่วซินเป็นอสรพิษอย่างนั้นจริงไหม เมื่อก่อนเขาสนับสนุนน่าหลานฮั่วซินเป็นจักรพรรดินี แต่หากนางมีใจเป็นอสรพิษจริง พวกเขาจะไม่ยอมให้โอกาสนางแม้แต่น้อยนิด

แล้วพอมาดูอีก พวกเขาเพิ่งถึง น่าหลานฮั่วซินก็เริ่มแล้ว

อวิ๋นเป็นกังวลอยู่บ้าง กล่าวกับเฉิงสิบ "ต้องคุ้มครองพระสนมให้ถี่ถ้วน" อย่างไรเสียที่นี่คือเขาเวิ่นเทียน พวกเขามาแค่ไม่กี่คน กลัวก็กลัวแต่อีกฝ่ายจะลงมือแบบที่พวกเขาไม่อาจมีกำลังทัดทานเป็นครั้งๆ ไปได้

แต่เฉิงสิบกลับนิ่งมาก "แม่นางเก่งมาก" ดังนั้นไม่มีผู้ใดวางอุบายกับนางได้ แล้วครั้งนี้นางก็มาอย่างเตรียมพร้อม เขาก็อยากจะดูเหมือนกัน ว่าน่าหลานฮั่วซินเบื่อจะมีชีวิตแล้วจริงหรือไม่

พวกเขาไปยังเรือนชิงอี้

เรือนชิงอี้ยังต้องเดินขึ้นไปอีกหน่อย ใกล้กับยอดเขามาก ยิ่งสูง ก็ยิ่งหมายถึงฐานะที่สูงส่ง และระหว่างทางพวกเขาผ่านเรือนหลานเฉิน นั่นเป็นเพียงเรือนรับรองหลังเล็กๆ เท่านั้น แถมยังอยู่ห่างไกลในมุมมืด หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งสองมีสายตาเป็นเลิศมองเห็น ยังไม่รู้ว่านั่นคือเรือนรับรองที่วางแผนให้พระสนมแห่งแคว้นพัก เรือนเล็กๆ ห้องเดี่ยวนั้น แม้แต่ลานก็ไม่มี เหตุใดจึงเหมือนกับให้อนุซึ่งไม่เป็นที่โปรดของตระกูลเศรษฐีอยู่อย่างนั้น?

นี่เป็นการฉีกหน้ากันชัดๆ รังแกกันเกินไปแล้ว!

เฉินซ่ากำหมัด โหลชีกุมกำปั้นของเขา แล้วส่ายหน้ากับเขา

ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เล่นสนุก

ในดวงตานางแวบแสงแห่งความคึกคักเล็กน้อย

แยกกันอยู่? แยกกันอยู่บ้านเจ้าสิ!

เรื่องนี้ต้องเป็นน่าหลานฮั่วซินวางแผนแน่ และแค่ใช้สมองคิดสักหน่อยก็รู้ได้ พวกเขาต้องไม่ได้วางแผนแค่เรื่องนี้แน่ เจตนาเดิมของน่าหลานฮั่วซินไม่ใช่อยากแยกพวกเขาออกจากกันจริง แต่เบ่งบารมีกับนาง บอกนาง ว่าที่นี่คือเขาเวิ่นเทียน นางคือเทพธิดาแห่งเขาเวิ่นเทียน ที่นี่เป็นสมรภูมิชัยของนาง เวลา ที่ตั้ง กำลังคน โหลชีเป็นแกะน้อยที่เข้ามารอถูกเชือดเท่านั้น

เพียงแต่น่าหลานฮั่วซินต้องคิดไม่ถึงแน่ ยามนางนี้ไม่ได้กลัวหรือถอยหนี แต่เป็นการรอคอยและความตื่นเต้น

ใช่แล้ว นางกำลังรอรูปแบบแสวงหาความตายของน่าหลานฮั่วซินอยู่!!!

เฉินซ่ามองนางสายตาหนึ่ง พบว่าดวงตาทั้งคู่ของโหลชีในตอนนี้เป็นประกายเป็นพิเศษ ประกายชนิดนั้นเป็นแบบที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ส่วนความรู้สึกที่นางมอบให้เขานั้นก็เปลี่ยนฉับ ไม่ทำตัวน่ารักไม่แสร้งโง่ แต่ไม่ใช่ไม่เป็นพิษเป็นภัยเด็ดขาด ในทางกลับกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงอันตรายจากตัวนาง

นางในตอนนี้คล้ายดอกมั่นถัวหลัวที่มีพิษร้ายแรงดอกหนึ่ง กำลังยืดขยายกลีบดอกที่สวยงามเย้ายวน แผ่กลิ่นจางๆ แห่งมโนภาพ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว รอเพียงคนไม่กลัวตายมาถึงที่ทีละคน

นางที่เป็นแบบนี้ ถูกรสนิยมของเขามาก มากเหลือเกิน!

นางปีศาจ!

เขาแอบกัดฟัน มุมหน้าผากกระตุก ถึงกับอุ้มนางด้วยท่าเจ้าหญิงขึ้นมาทันที แล้วล็อกใบหน้านางไว้กับอกตัวเอง ไม่ให้ผู้ใดเห็นดวงหน้าของนางที่ดึงดูดถึงชีวิตนี้

เขากลับไม่รู้ นี่เป็นด้านที่งดงามที่สุดของโหลชี นี่เป็นสภาวะที่ราชินีแห่งความมืดยุคปัจจุบันมีขณะที่ได้รับภารกิจระดับสูง และภารกิจแบบนั้น...

โดยทั่วไปคือการปลิดชีพคน

ที่ปลิดชีพล้วนไม่ใช่คนธรรมดา คนที่คนอื่นคิดว่าเอาชีวิตไม่ได้

จุดจบของภารกิจแบบนั้น...

ปกติล้วนเป็นนางที่ทำสำเร็จอย่างสวยงาม คนที่สมควรตายล้วนต้องตาย!

นี่คือโหลชีที่รับการท้าชิง เป็นโหลชีที่มีความอยากสงคราม เป็นโหลชีที่เชื่อมั่นจนแทบจะทะนงตนอย่างยิ่งยวด

ในเนื้อเฉินซ่าก็เป็นคนเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงถูกโหลชีดึงดูด ความดึงดูดแบบนั้นแทบถึงชีวิต ทำให้เลือดเขาที่เย็นชาไร้หัวใจในแต่เดิมเดือดพล่านขึ้นมา

คนอื่นกลับถูกเขาทำให้ตกใจ

ใบหน้าสาวใช้ทั้งสองแดงขึ้นมา รู้สึกเพียงหน้าร้อนผ่าวหัวใจเต้น นี่ๆๆ ต่อหน้าธารกำนัลนะ องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้แต่ในห้องนอนหรือ?

หลังจากโหลชีถูกเฉินซ่าอุ้มเข้าห้องแล้วจึงดิ้น "วางข้าลง อยู่ดีๆ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา?"

นางใจอ่อนลง ทีแรกยังอยากมีทิฐิกับเขา แต่ก็ลดทอนลงไม่น้อยแล้ว

กว่าเฉินซ่าจะยอมวางนางลง กวาดสายตาไป เห็นกระจกทองเหลืองบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้อง เสียงแหบเล็กน้อยกระซิบ "ข้าจะให้เจ้าเห็นสตรีที่งามที่สุด"

ว่าแล้วก็อุ้มนางขึ้นมาอีก เดินเข้าด้านใน

โหลชีชะงัก ถลึงตาด้วยความโมโหใส่เขาทีหนึ่ง เพิ่งจะคลายอารมณ์โกรธไป เขาคงไม่ใช่จะปลุกปั่นขึ้นมาอีกกระมัง? ขณะกำลังจะพูด ก็ถูกเขากดให้นั่งเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง เขายื่นมือปรับมุมกระจกให้ตรงกับนาง ฟุบอยู่กับหลังนาง ราวกับกอดนางทั้งตัวไว้ในอ้อมอก แล้วพูดข้างใบหูนาง "ดู"

ในกระจกไม่เพียงมีในหน้าที่เพิ่งแดงเรื่อของนาง ยังมีเขาที่ใบหน้าหล่อเหลาแววตาลึกซึ้ง

"...สตรีที่งามที่สุด กับชายที่คู่ควรกับนางที่สุด"

ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้ของเขาแล้ว ในที่สุดโหลชีก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ "ฝ่าบาท หน้าท่านล่ะ?"

นางคิดไม่ถึง คนที่เย็นชาไร้จิตในเฉกเช่นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ กลับเอ่ยมธุรสวาจาเช่นนี้เป็นด้วย นี่ทำให้นางรู้สึกไม่สมมาตรอยู่บ้าง แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ นางเป็นดั่งเด็กสาวแรกแย้ม รู้สึกว่าในใจหวานชื่นกว่าปกติ

รักษาไม่ได้แล้วๆ นางหมดทางเยียวยาแล้ว!

นางหันกลับมา เผชิญหน้ากับเขา ยื่นมือฉุดคอเสื้อของเขา "ตอนนี้จะพูดได้หรือยัง ตอนนั้นท่านรับปากเงื่อนไขทอนอำนาจทำแคว้นเสื่อมเสียอะไรของอาหญิงของซู่หลิวอวิ๋น?"

สีหน้าเฉินซ่าจนใจเล็กน้อย "ในความคิดของข้าตอนนั้น นั่นไม่นับเป็นเรื่องอะไร จึงรับปากนาง"

"ฉะนั้น คืออะไร?"

"ข้าพูดแล้วเจ้าห้ามหาเรื่องนะ"

โหลชีถลึงตา "จะพูดหรือไม่พูด?"

"นางหวังว่าต่อไปข้าจะมีทายาทกับบุตรสาวคนหนึ่งในตระกูลซู่ และบุตรสาวตระกูลซู่ ในตอนนั้นข้าคิดว่า...มีเพียงซู่หลิวอวิ๋น..."

ครั้นเฉินซ่าพูดจบก็รู้สึกว่าความกดอากาศในห้องลดฮวบทันที คล้ายคลึงกับเมื่อก่อนตอนเขาจะโมโหอยู่บ้าง

"ฝ่าบาทของเราคิดว่า บุตรสาวตระกูลซู่นั้น ซู่หลิวอวิ๋นสามารถทำให้เจ้ารับได้ใช้ไหม? ท่านคิดว่าจะเลือกนางเป็นคนที่ทำตามสัญญาในตอนนั้นได้? ฉะนั้นก็เลยยอมนางเสียมากมาย?" โหลชีมองเขาอย่างเย็นชาและเย้ยหยัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ