ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 481

ที่ผ่านมาซู่หลิวอวิ๋นมีภาพพจน์สูงส่งเหนือธรรมดา เฉิดฉายอ่อนโยนประดุจเทพเซียนต่อหน้าผู้คน ไม่เคยเป็นเหมือนตอนนี้เลยที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ดูเย้ายวนยิ่งนัก ขนาดองครักษ์ลับของนางยังอดหอบหายใจหนักขึ้นไม่ได้

"ขวางเขาไว้!" ซู่หลิวอวิ๋นถีบฟ่านฉางจื่อที่โผเข้ามากระเด็น ตนเองก็กลิ้งลงใต้เตียงด้วยความอ่อนแรง นางพยายามลุกขึ้น

นางจะออกไป มีแต่คนนั้น คนผู้นั้นถึงจะช่วยนางแก้พิษนี้ได้

ถึงองครักษ์ลับของนางจะโดนเข้าเหมือนกัน และสายตาที่มองตนเริ่มเร่าร้อนขึ้นมา แต่ยังพยายามอดกลั้นไว้ และสกัดผู้อาวุโสสามฟ่านที่จะโผเข้าหาซู่หลิวอวิ๋นอีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟ่านฉางจื่อ แต่สกัดไว้ครู่หนึ่งก็ยังได้อยู่

ซู่หลิวอวิ๋นวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานออกไป ชาตินี้นางไม่เคยมีสภาพอนาถเยี่ยงนี้มาก่อน!

ต้องรู้ไว้นะว่าเจ้าสิ่งนี้เดิมทีน่าหลานฮั่วซินเตรียมไว้ต่อกรกับเฉินซ่า เฉินซ่ากำลังภายในล้ำลึกเพียงนั้น นางย่อมต้องเติมสิ่งที่สะกดกำลังภายในไว้ในนั้นอยู่แล้ว ซู่หลิวอวิ๋นกำลังภายในไม่ล้ำลึกเท่าเฉินซ่า มีหรือจะยังยืนหยัดอยู่ไหว? เวลานี้นางไม่มีกำลังภายในแม้เพียงนิดให้ใช้ได้เลย ได้แต่เดินล้มลุกคลุกคลานออกไปข้างนอก กลางดึกเงียบสงัด ไม่มีใครสักคนอยู่ด้านนอก นางเริ่มสติเลอะเลือน ดังนั้นเลยลืมหานางกำนัลให้เอาเสื้อคลุมอะไรมาให้นาง

ที่ที่นางอยู่อยู่ในขอบเขตเรือนหลักของเขาเวิ่นเทียน และเพราะอาหญิงของนาง สตรีผู้นั้นที่เคยช่วยเหลือเฉินซ่ามาก่อน อันที่จริงแล้วนางคือน้องสาวของผู้ครองเขาเฉินอวิ๋น แต่กลับถูกผู้ครองเขาเฉินอวิ๋นส่งให้ผู้อาวุโสใหญ่ตั้งแต่ตอนอายุสิบกว่าปี เปลี่ยนชื่อเป็นเหยาซู่ กลายเป็นอนุของผู้อาวุโสใหญ่ และคือคนที่ยืนอยู่กับซู่หลิวอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมองดูน่าหลานฮั่วซินวางแผนจัดการพวกเฉินซ่า

เขาเวิ่นเทียนและเขาเฉินอวิ๋น อันที่จริงแล้วต่างไม่ชอบหน้ากันมานานแล้ว แอบลงมือเล่นงานอีกฝ่ายในที่ลับนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

โหลชีนั่งลง ด้านนอกมีเสียงก๊อกก๊อกดังขึ้นแผ่วเบา นางหันไปมองเฉินซ่าที่หลับตาพักอยู่ พูดเสียงเบาว่า "ท่านนอนก่อนเลย ข้าออกไปดูหน่อย"

"อืม" เฉินซ่าตอบทั้งๆไม่ลืมตา

โหลชีเปิดประตู หลงเอี๋ยนปราดเข้ามา พูดกระซิบข้างหูหลายคำ

"หา?" โหลชีอึ้งเล็กน้อย ทนไม่ไหวเอามือปิดปากหัวเราะขึ้นมา หางตากลับเห็นสีหน้า แดงเล็กน้อยของหลงเอี๋ยนนางไอกลบเกลื่อน พูดเสียงต่ำว่า "ให้เฉิงสิบส่งวู๊วูไปทางผู้อาวุโสใหญ่ พวกเจ้าห้ามเข้าใกล้ วิทยายุทธ์ของผู้อาวุโสใหญ่พวกเจ้าเทียบไม่ติด ระวังตัวหน่อย"

"ขอรับ"

วู๊วูนั่นคล่องแคล่วเฉลียวฉลาด และเร็วพอ ต้องจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่

และก็แค่ให้มันไปวาบผ่านเท่านั้นเอง

โหลชียืนอยู่หน้าประตู มองไปยังระเบียงที่แสงจันทร์สาดส่องลงมานั่น สายตามีประกายสว่างวาบผ่าน

แหะแหะ ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์มานานในสายตาผู้คนอย่างเขาเวิ่นเทียนจะสามารถรับมือกับพายุลมฝนที่จะตามมาได้ไหม

ในความมืด ร่างของวู๊วูปราดพุ่งบินออกไป เกิดเสียงลมขึ้นเล็กน้อยภายนอกหน้าต่างห้องผู้อาวุโสใหญ่

สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่เคร่งเครียดขึ้น ผู้ใดกันวิชาตัวเบาสูงส่งเพียงนี้?

เขาพุ่งร่างออกไปทันที วิ่งไล่ตามเงาดำนั่นไป แต่แค่ไม่กี่ก้าว เขามาถึงเรือนข้างของเรือนหลังของตน ลมหายใจผู้นั้นกลับหายไปแล้ว

ถึงผู้อาวุโสใหญ่จะวิทยายุทธ์สูงส่ง ไหนเลยจะคิดได้ว่าตอนนี้วู๊วูหารูหนูภูเขาอะไรสักอย่าง และมุดเข้าไปหลบซ่อนตัวก็ได้แล้ว

นี่คือ...เรือนของเหยาเอ๋อร์

สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่พลันเย็นชาลงเล็กน้อย

สำหรับเหยาซู่ เมื่อก่อนเขารักใคร่นางมากจริงๆ แต่ต่อมาเขารู้สึกว่าภายใต้ใบหน้างดงามและอ่อนโยนของเหยาซู่มีบางสิ่งที่เขามองไม่ออก ดังนั้นเลยจืดจางไป

แต่ในเรือนหลังของเขา เหยาซู่มีฐานะไม่เลวเลย และถึงนางจะมีความลับบางอย่าง แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอกมาตลอด ไม่เคยก่อเรื่องหึงหวงกับฮูหยินคนอื่น จุดนี้ผู้อาวุโสใหญ่พอใจมาก ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ฟ้าก็ใกล้สางแล้ว มารักใคร่นางสักครั้งแล้วกัน

พอคิดแบบนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็เดินเข้าไปเปิดประตูห้องเหยาซู่ และเดินเข้าไป เดินไปทางห้องด้านใน

ไม่นานในห้องชั้นในก็มีเสียงร้องเสียงต่ำของเหยาซู่ที่โดนปลุกจากการนอนขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่พูดเสียงต่ำ "เหยาเอ๋อร์ ข้าเอง"

"ผู้อาวุโสใหญ่...."

เหล่าฮูหยินของเขาล้วนแต่เรียกเขาว่าผู้อาวุโสใหญ่ เขาชอบชื่อนี้ มันทำให้ความเป็นเซียนของเขาไม่ลดลง หากเรียกแค่นายท่านหรือท่านพี่อะไรพวกนั่น มันจะทำให้เขารู้สึกว่าตนไม่ต่างอะไรกับเหล่าบุรุษในโลกานั้น

"เหยาเอ๋อร์นอนหลับพอหรือยัง?" เสียงของผู้อาวุโสใหญ่แหบพร่าขึ้นมา เสียงซวบซาบคุ้นเคยดังมาระลอกหนึ่ง ไม่นานก็มีเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของบุรุษและเสียงครางแผ่วเบาของสตรีขึ้น

ปึ้ง

ประตูด้านนอกถูกคนผลักออกโดยแรง มีคนกระโดดเข้ามา

เหยาซู่รู้สึกอัปยศอดสูยิ่งนัก

"ไฟไหม้!"

ไม่รู้มีเสียงร้องเสียงดังนี้จากที่ไหน ทำลายความเงียบสงัดในคืนนี้

ปฏิกิริยาของทุกเรือนในเขาเวิ่นเทียนถือว่าไวนัก แต่ละหน้าต่างล้วนสว่างขึ้นด้วยแสงตะเกียง มีคนรีบวิ่งออกมา "ที่ไหนไฟไหม้?"

ไม่มีใครเห็นว่า อินทรีหิมะตัวมหึมาตัวหนึ่งกำลังกระพรือปีกบินออกจากเขาเวิ่นเทียนก่อนที่จะร้องเสียงดังออกมา และโหลชีที่ก่อนหน้านี้นั่งเลือกสถานที่จะทิ้งดอกไม้ไฟที่อยู่บนหลังมันอย่างสนุกสนานได้ปรบมือ และลอบกลับไปเรือนชิงอี้ ดึงเฉินซ่าเข้ามาถามด้วยสายตาเป็นประกายว่า "อยากดูเรื่องสนุกหรือไม่?"

นางออกไปทำงานมากกว่าครึ่งชั่วยาม เขากลับไม่กังวล กลับนอนหลับเสียสบาย เพราะก่อนหน้านี้นางบอกเขาไว้แล้วว่า กลับมาเขาเวิ่นเทียนครั้งนี้นางเอาอะไรมาด้วย และวางแผนอะไรไว้ ถึงต่อมาจะเปลี่ยนแผนเพราะของที่น่าหลานฮั่วซินทำออกมา แต่เขาเชื่อใจสตรีของเขาว่าไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบแน่ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังใช้ราชันอินทรีเขาหิมะและจิ้งจอกม่วง

ตอนนี้เห็นนางดูตื่นเต้นเยี่ยงนี้ สายตาเป็นประกายเยี่ยงนี้ เขาทนไม่ไหวรั้งศีรษะนางเข้ามากัดที่ริมฝีปากพลางถาม "เจ้าทำอะไร?" โหลชีหัวเราะออกมาพลางว่า "ไม่ใช่แค่ข้าทำอะไรหรอก พวกเขาโชคไม่ดีต่างหาก สวรรค์ยืนข้างข้านะ" ดังนั้นเรื่องราวมากมายในคืนนี้พัฒนาไปเกินความคาดหมายของนางทั้งนั้น นางก็แค่ตามน้ำเท่านั้นเอง เป็นไปตามธรรมชาติ เอ่อ ใส่ไฟลงในกองฟืนแห้งเท่านั้นเอง

"ยังไงซะ งานวันเกิดของผู้อาวุโสใหญ่ครั้งนี้ครึกครื้นมากแน่ๆ รีบลุกขึ้น" นางอุตส่าห์ตั้งใจกลับมาปลุกเขาไปดูละครด้วยกัน ไม่ดูก็สิ้นเปลืองละครฉากนี้สิ?

ทุกที่มีแต่คน หลายที่ไฟลุกไหม้ ถึงไฟจะไม่มาก แต่ต่อให้ไฟเล็กแค่ไหนก็ต้องรีบไปดับไฟให้ทันเวลา ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ไม้แห้งบนเขา ถ้าไม่ระวังจะไหม้ขึ้นมาทุกที

สถานที่อย่างเขาเวิ่นเทียนถ้าเกิดเผาไหม้ขึ้นมาจริงๆ ต้องขายขี้หน้าต่อหน้าคนทั้งใต้หล้าแน่

ดังนั้นศิษย์ทุกสำนักต่างเรียกคนพุ่งไปทางที่มีแสงไฟอย่างรีบร้อน

และในสถานที่เหล่านี้ ที่หนึ่งคือเรือนของฮูหยินเหยา ที่หนึ่งคือหอเทพธิดา ที่หนึ่งคือเรือนหมิงเฟิงซึ่งเป็นที่พักของนางฟ้าหลิวอวิ๋น และยังมีอีกสามเรือนเป็นที่พักของศิษย์คนอื่น

ดังนั้นก่อนฟ้าจะสาง ความวุ่นวายที่ทำให้คนแทบไม่อยากดูกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเขาเวิ่นเทียนก็เปิดเผยออกมาอย่างนี้ต่อหน้าผู้คน

ในหอเทพธิดา ภาพหญิงสองคนนัวเนียพัวพัน ภาพนั้นทำให้เลือดกำเดาคนแทบพุ่ง

บนตั่งของนางฟ้าหลิวอวิ๋น ผู้อาวุโสสามฟ่านกดทับองครักษ์ชายหนุ่มแน่นคนหนึ่ง เร่าร้อนจนได้เลือด

ฝั่งฮูหยินเหยานั่น ปกติมักจะดูงดงามประหนึ่งเทพเซียนต่อหน้าผู้คนเสมอ ผู้อาวุโสใหญ่ที่ดูศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามใส่แต่กางเกงตัวเดียว ฮูหยินเหยาและนางฟ้าหลิวอวิ๋นมีแค่เสื้อตัวใน นางฟ้าหลิวอวิ๋นยังล้มอยู่ในอ้อมแขนฮูหยินเหยา สองตาปิดแน่น แต่ใบหน้ากลับแดงผ่าวอย่างที่ทำให้คนคิดไปไกล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ