ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 483

โหลชีและเฉินซ่ากลับทำตัวสบายๆราวกับไม่รู้อะไรเลย กำลังจะพาคนไปชมทิวทัศน์ในหุบเขา ราวกับมาพักร้อนกันก็ไม่ปาน

สำหรับความแค้นใจและทุกข์ทรมานของพวกผู้อาวุโสใหญ่และน่าหลานฮั่วซิน พวกเขาไม่เอามาใส่ใจเลย

พวกอวิ๋นตามหลังพวกเขาพลางเว้นระยะห่างเล็กน้อย เพราะตอนนี้ฝ่าบาทและพระสนมรักใคร่กันดี ตามติดมากไปพวกเขาต้องหน้าแดงเป็นระยะๆ

"เมื่อคืน..." อวิ๋นกดเสียงต่ำถามเฉิงสิบ "เป็นฝีมือคนผู้นั้น?"

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ เมื่อคืนพวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตื่นเช้ามา เขาเวิ่นเทียนที่ศักดิ์สิทธิ์แทบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พอออกไปสืบสักครู่ อวิ๋นรู้สึกว่าโลกของเขาถูกเปลี่ยนใหม่หมด

นี่มันช่าง....

เฉิงสิบยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา เขาไม่ได้ตอบอย่างชัดเจน เพียงแค่พูดว่า "ข้าน้อยเคยบอกแล้วว่า จะตามติดแม่นางชั่วชีวิต"

อวิ๋นรู้สึกหน่ายใจ

เวลานี้เองมีคนวิ่งมาทางด้านหลังพลางเรียก "พี่อวิ๋น!"

พอหันกลับไปดู คุณหนูรองชิวแห่งอุทยานเขาธนูเทพพาหลายคนเดินตามมา สีหน้าอามู่เคร่งเครียดลง เตะก้อนหินก้อนเล็กที่พื้นออกไปก้อนหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์

อวิ๋นมองนางหนึ่งที "อามู่เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่?"

"เปล่า ไม่เหนื่อย! เพียงแต่คุณหนูรองชิวนี่เหตุใดเลียนแบบข้าเรียกท่านว่าพี่อวิ๋นเล่า?"

"น้องอามู่ ข้าเรียกว่าพี่อวิ๋นมิได้รึ?" คุณหนูรองชิวมาถึงหน้าพวกเขาแล้ว พลางถอนหายใจแผ่วเบา เอียงคอมองอามู่อย่างขี้เล่น

"พวกท่านมิสนิทกันสักหน่อย" อามู่ไม่ชอบท่าทางเยี่ยงนี้ของนางเลย พูดพลางเหล่อวิ๋นหนึ่งที หวังว่าเขาจะสามารถพูดจาเข้าข้างนาง อวิ๋นลอบถอนหายใจ

ถ้าอามู่ไม่อยู่ เขาต้องยับยั้งคุณหนูรองชิวแน่ พวกเขาไม่สนิทสนมกันจริงๆ และเขาไม่รู้สึกว่าคุณหนูรองชิวเหมาะจะเป็นภรรยาเขา นางดูอ่อนแอแน่งน้อยกว่าอามู่เสียอีก

แต่เพื่อไม่ให้ความหวังอามู่ เขาจึงแค่พูดเสียงเรียบว่า "ก็แค่คำเรียกเท่านั้นเอง"

หัวใจของอามู่ราวกับโดนมือหนึ่งบีบเค้น เจ็บปวดมาก คุณหนูรองชิวดีใจมาก "พวกท่านชมทิวทัศน์กันอยู่รึ? หา ฝ่าบาทและพระสนมอยู่ด้านหน้า ข้ามีเรื่องจะขอร้องพอดี" ระหว่างพูด นางยกกระโปรงเล็กน้อยวิ่งตามเฉินซ่าและโหลชีไป

"นี่..." พวกอวิ๋นได้แต่รีบตามไป โหลชีกับเฉินซ่าได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลังนานแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณหนูรองชิวจะไล่ตามมา โหลชีหมุนร่างกลับมา เห็นนางยกชายกระโปรงวิ่งมาหา รู้สึกว่าคุณหนูรองชิวในแบบนี้ดูสดใสงดงามมาก อีกทั้งยังร่าเริงตรงไปตรงมา ดูน่าชอบกว่าผู้หญิงมากมายในโลกนี้นัก

"คารวะฝ่าบาท คารวะพระสนม!" คุณหนูรองชิววิ่งมาจนหน้าแดงผ่าว สายตาเป็นประกาย

"คุณหนูรองชิวทำกระไรนี่?"

เฉินซ่าขี้เกียจคุยกับคนอื่นอย่างที่เป็นมา เลยเดินนำไปสองก้าว โหลชียิ้มถามคุณหนูรองชิว

กลับไม่คิดว่าคุณหนูรองชิวจะคุกเข่าลงให้นาง พลางพูดด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดว่า "ชิ่นเซียนขอพระสนมช่วยด้วย"

การกระทำที่มาโดยไม่ได้คาดหมายนี้ทำเอาทุกคนต่างตกตะลึง ขนาดเฉินซ่ายังเหล่มองมา

"คุณหนูรองชิวรีบลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ชินที่มีคนคุกเข่าคุยกับข้า" โหลชีเบี่ยงตัวหลบหนึ่งก้าว

"ชิ่นเซียนขอพระกรุณาแต่งงานกับใต้เท้าองครักษ์อวิ๋น ขอฝ่าบาทพระสนมอนุญาตด้วย" ในโลกนี้เรื่องการแต่งงานขององครักษ์ปกติต้องให้เจ้านายจัดการให้ ดังนั้นชิวชิ่นเซียนถึงได้มาขอโหลชีตรงๆ

เมื่อครู่ทุกคนแค่งงเล็กน้อย ตอนนี้อึ้งกิมกี่เลย โดยเฉพาะอวิ๋นและอามู่ เหมือนโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้สติ

อย่าว่าแต่คุณหนูรองแห่งอุทยานเขาธนูเทพรักใคร่อวิ๋นที่ตอนนี้เสียโฉมเลย การกระทำของสตรีที่กล้าคุกเข่าขอแต่งงาน ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเชื่อได้

โหลชีที่มาจากยุคปัจจุบันยังตกใจเลย

แต่ตอนนางก้มหน้าลงสบตาชิวชิ่นเซียน กลับจับประกายผ่อนคลายและเศร้าสร้อยในแววตานางได้ โหลชีอึ้งเล็กน้อย

การกระทำที่มาอย่างไม่ได้คาดหมายนี้ของคุณหนูรองชิวต้องมีเงื่อนงำแน่ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาถามไถ่ เพราะยังมีคนของเขาเวิ่นเทียนแอบซ่อนตัวในหุบเขานี้ กำลังจับตาดูพวกเขาทุกฝีก้าว

"คุณหนูรองชิวลุกขึ้นก่อนเถิด" โหลชีส่งสายตาให้อิ้นเหยาเฟิง อิ้นเหยาเฟิงรีบเข้าไปพยุงชิวชิ่นเซียนลุกขึ้น

โหลชีมองอวิ๋น พลางพูดกับเฉินซ่าว่า "พวกเรากลับกันเถอะ ข้าจะพาคุณหนูรองชิวกลับไปคุยสักหน่อย"

เฉินซ่าพยักหน้า

เรื่องนี้ไม่นานก็แพร่ออกไป เจ้าบ้านสามชิวโกรธจนหน้าดำหน้าเขียว "นังชิ่นเซียนนั่นน้ำเข้าสมองหรือไง? ทั้งๆที่รู้ว่าพานางมาครั้งนี้ก็เพื่อ..."

จะทำอะไร เขาไม่ได้พูดมันออกมา

ทางผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินข่าว แค่แค่นเสียงเย็นพลางว่า "ปล่อยนางไป ก็แค่หาเรื่องตายเท่านั้น" พูดจบ ก็บอกสาวใช้ของจิ่งเมิ่งที่มาว่า "ให้เจ้านายเจ้าวางใจได้ ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร ข้าจะจัดการเอง บอกนางอย่าผลีผลาม!"

พอนางถอยออกไป สายตาเขามีประกายทะมึนแวบผ่าน

โหลชีพาคุณหนูรองชิวกลับเรือนชิงอี้ ทั้งหมดนั่งลงในห้องโถง ถึงพบว่าเรือนชิงอี้เริ่มตื่นเต้น

พอเห็นพวกเขาทุกคนเบิกตากว้างใส่ตน คุณหนูรองชิวพลันพูดเสียงเบาอย่างเก้อเขินว่า "ข้าสนใจกับสิ่งนี้มาตั้งแต่เล็ก..."

โหลชีถามขึ้น "เช่นนั้นวิชาธนูของคุณหนูรองชิวเป็นอย่างไร?"

ถามถึงจุดนี้ คุณหนูรองชิวก็ยืดหลังตรงโดยพลัน พูดอย่างไม่ถ่อมตนเลยสักนิดว่า "เข้าเป้าไม่เคยพลาด ในระยะหนึ่งร้อยก้าว!"

ซี๊ด

ทุกคนพากันสะท้านเยือก

นี่มันช่าง...

เชื่อมั่นในตนเองยิ่งนัก

"เจ้าเองก็เป็นธนูนำวิถี? กำลังภายในของเจ้ามิเท่าไหร่นี่" โหลชีพูดอีก คุณหนูรองชิวพยักหน้าบอก "ข้าเป็น ข้ามีพรสวรรค์ในเรื่องวิชาธนูตั้งแต่เล็ก ถึงกำลังภายในของข้าต่ำต้อย แต่กำลังแขนแข็งแกร่งตั้งแต่เกิด" ระหว่างพูด นางพลันปราดเข้าไปสะบัดแจนใส่เฉิงสิบที่อยู่ใกล้นางมากทุ่ด

เฉิงสิบเกร็งคิ้ว ยกมือขึ้นป้องกัน แขนของคุณหนูรองชิวโดนฝ่ามือเขาสกัดไว้ ดูแล้วบอบบางผอมมาก แต่ยามนางดึงแขนกลับ เฉิงสิบกลับเผยฝ่ามือเขาต่อหน้าทุกคนด้วยความตะลึง

ฝ่ามือเขาแดงเล็กน้อย

นั่นเป็นความแดงที่เกิดจากการโดนโจมตีอย่างแรง กำลังภายในของเฉิงสิบพวกเขารู้ดีแก่ใจ ต่อให้เป็นยอดฝีมือธรรมดาคนหนึ่งก็ไม่แน่จะทำฝ่ามือเขาแดงช้ำได้ แต่คุณหนูรองชิวที่ดูอ่อนแอบอบบางกลับทำได้

นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ แต่ตอนนี้ทุกคนพากันเชื่อแล้วว่านางสามารถยิงธนูนำวิถีได้

"คนของอุทยานเขาธนูเทพไม่รู้?" โหลชีเลิกคิ้วถาม ถ้าคนของอุทยานเขาธนูเทพรู้ว่านางไม่เพียงจะดัดแปลงขนลูกศรได้ ยังรู้ธนูนำวิถี จะยอมส่งนางให้กับผู้อาวุโสใหญ่รึ?

นั่นไง คุณหนูรองชิวส่ายหัวบอก "พวกเขาไม่รู้ ข้าแอบฝึกมาตลอด แต่ก่อนข้าออกมา น้องสามของข้าพบความลับนี้ ก่อนข้าออกมาก็จับนางมัดไว้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าพบว่ามีจดหมายของอุทยานส่งไปที่อาสาม น่ากลัวว่าคนของอุทยานจะช่วยน้องสามไว้ได้แล้ว และส่งข่าวมา ดังนั้น...."

ดังนั้นนางจึงเดินแผนแบบนี้เลย นางต้องให้ขอให้ฝ่าบาทพระสนมช่วยก่อนที่พวกเขาจะรู้ ไม่งั้นก็ไม่ทันการแล้ว

โหลชีสบตากับเฉินซ่า

เฉินซ่าเห็นแววชื่นชมคุณหนูรองชิวนี่ในดวงตาของนาง

ใช่ มาแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางได้หนึ่งปีแล้ว ยังไม่เคยมีสตรีคนไหนเหมือนกับคุณหนูรองชิวที่ทำให้โหลชีรู้สึกว่าไม่เลวเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ