อันดับแรก คุณหนูรองชิวเป็นลูกสาวคนที่สองของภรรยาเอกในอุทยานเขาธนูเทพ มีพรสวรรค์อันนี้แต่เล็กอยู่แล้ว แต่กลับปกปิดทุกคนแอบฝึกธนูนำวิถี ต้องเป็นเพราะนางพบความลับของอุทยานเขาธนูเทพตั้งแต่ยังเล็กมากแน่ ความลับนี้ทำให้นางหวาดระแวงครอบครัวของตนเอง เลยตัดสินใจออกมา ฝึกธนูไปพลาง ใช้เทคนิคการดัดแปลงของตนที่มีต่อธนูมารักษาตำแหน่งฐานะไปด้วย นี่ช่างกล้าหาญกล้าคิดละเอียดรอบคอบเสียจริงๆ
นิสัยแบบนี้โหลชีชอบนัก อีกอย่างทั้งที่รู้ว่ามาเขาเวิ่นเทียนครั้งนี้คือมาเป็นของขวัญให้กับผู้อาวุโสใหญ่ นางก็ยังคงมาอยู่ดี แสดงว่านางถือโอกาสครั้งนี้เป็นโอกาสในการหนีจากอุทยานเขาธนูเทพ เดิมต้องวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ แต่เพราะพบว่าที่บ้านส่งจดหมายมา ยังไม่ทันรู้เนื้อหาจดหมาย ก็รีบเปลี่ยนแผนดำเนินการทันที วิ่งมาขอให้นางช่วยจัดงานแต่งให้ต่อหน้านาง ความกล้าและการตัดสินใจมั่นคงเด็ดขาดแบบนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจะมีได้
นี่เป็นแค่สาวน้อยอายุสิบกว่าปีเท่านั้นเองนะ
ดังนั้นโหลชีชื่นชมคุณหนูรองชิวคนนี้มาก
"ข้ารับปากเจ้า" นางกะพริบตาให้เฉินซ่าก่อนจากนั้นหันไปทางคุณหนูรองชิว ดวงตาคุณหนูรองชิวมีน้ำเอ่อคลออย่างรวดเร็ว รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะสามครั้ง "บุญคุณที่ช่วยชีวิตของฝ่าบาทและพระสนม ชิ่นเซียนจะขอเป็นทาสเป็นบ่าวรับใช้ตอบแทนทั้งสองท่าน!"
"ลุกขึ้น" โหลชีส่งสายตาให้เฉิงสิบ เฉิงสิบนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเข้าไปพยุงนางลุกขึ้น
โหลชีทนไม่ไหวหัวเราะออกมา พลางส่งสายตาหาเขา เฉิงสิบ "..."
แม่นาง ไม่ทำเยี่ยงนี้ได้หรือไม่?
นายบ่าวสองคนส่งสายตากันไปมา มีแต่เฉินซ่าที่มองเห็นแล้ว เขาเลิกคิ้ว ทนไม่ไหวเหล่มองอวิ๋น รู้สึกหน่ายใจอีก ชีชีของเขารักพวกพ้องเสมอมา มีของดีอะไรต้องเอาให้คนกันเองก่อน เห็นได้ชัดว่า เฉิงสิบกับอวิ๋น เฉิงสิบถึงจะเป็นคนกันเองกับนาง
เขาได้แต่ยอมตามใจนาง
คุณหนูรองชิวโดนเฉิงสิบพยุงขึ้นมา รู้สึกแต่ว่ามีความอบอุ่นมากแผ่ซ่านมาจากฝ่ามือเขาที่จับท่อนแขนนางไว้ ทำให้นางใจกระตุกวูบ ทนไม่ไหวหันมองเขาหนึ่งที
เฉิงสิบกลับปล่อยนางออกแล้วถอยไปหลายก้าว กลับไปยืนข้างหลังโหลชี คุณหนูรองชิวมองทั้งห้องโดยรอบ เฉินซ่าพูดเสียงเรียบ "พวกเจ้าถอยไป อวิ๋นกับเฉิงสิบอยู่ก่อน"
อิ้นเหยาเฟิงขบกัดริมฝีปากแผ่วเบา มองเฉิงสิบหนึ่งที ก่อนจะเดินตามอามู่ออกไป และช่วยพวกเขาปิดประตู
คราวนี้คุณหนูรองชิวถึงหายใจคล่องคอหน่อย พลางว่า "ข้ามิใช่ลูกสาวแท้ๆของเจ้าสำนักแห่งอุทยานเขาธนูเทพ อันที่จริงเขาเก็บพวกเรามาเลี้ยง อีกอย่าง ท่านพี่ใหญ่นาง...ก็รับใช้เจ้าสำนักตั้งแต่อายุสิบสี่ปีแล้ว..."
อะไรนะ?
โหลชีขมวดคิ้ว ตระกูลน่ารังเกียจอีกตระกูลละ พ่อในนาม กับลูกสาวในนาม...
และเพราะค้นพบความลับอันน่ารังเกียจเหล่านี้ ชิวชิ่นเซียนจึงเริ่มปกปิดตัวเอง และพยายามเพื่อให้สามารถหลุดพ้นจากอุทยานเขาธนูเทพ แต่คราแรกนางแสดงฝีมือการดัดแปลงขนลูกศรออกมาเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ ต่อมาจะจากไปมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว
ครั้งนี้ต้องโดนเอาไปส่งตัวให้ผู้อาวุโสใหญ่ ทำให้นางแทบอยากฆ่าตัวตาย แต่นางค้นพบในทันทีว่านี่ก็เป็นโอกาสที่ดีมากโอกาสหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากเกิดเรื่องมากมายขึ้นเมื่อคืน ถึงนางจะไม่มีหลักฐานะ แต่ก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นฝีมือของเฉินซ่าและโหลชี
ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสามารถปกป้องคุ้มครองนางได้ คุณหนูรองชิวครุ่นคิดอยู่สองชั่วยามก็ตัดสินใจตัดทางรอดแล้วเดินหน้าเอาให้สำเร็จ
"บอกความลับที่เจ้ารู้มา" ถึงโหลชีจะชื่นชมผู้หญิงคนนี้ เฉินซ่ากลับไม่มีความอดทนเท่าไหร่ในการนั่งอยู่ที่นี่ฟังนางพล่าม มีเวลาเขาไม่สู้เอาไปอยู่บนเตียงกับชีชีดีกว่า
ได้ยินแววเย็นชาและรำคาญของเขา คุณหนูรองชิงสะท้านเยือก นางหวาดกลัวเฉินซ่าจริงๆ ดังนั้นเลยเลื่อมใสโหลชีเอามากๆที่สามารถอยู่กับเขาได้อย่างผ่อนคลายสบายเช่นนี้
"ความลับนั้น..." คุณหนูรองชิวสูดลมหายใจเข้าปอด และกดเสียงต่ำอีกครั้ง "เจ้าสำนักของอุทยานเขาธนูเทพมิใช่เจ้าสำนักแต่เดิม! ข้าไม่รู้ชื่อจริงของเขา แต่เขามาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน เขาติดต่อเจรจากับคนที่เรียกว่าท่านอริยะมาตลอด"
เฉินซ่ากับโหลชีสบตากันอีก
"ท่านอริยะมีชื่อว่าจางมิ่ง?" โหลชีถาม
คุณหนูรองชิวอึ้งเล็กน้อย "พระสนมรู้?"
"เจ้าพูดต่อเลย"
"ข้าเคยแอบฟังพวกเขาคุยกันลับๆหนึ่งครั้ง วิทยายุทธ์ของเจ้าสำนักแห่งอุทยานเขาธนูเทพสู้จางมิ่งไม่ได้ ดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งของเขา พวกเขากำลังตามหากองทหารกองหนึ่งมาตลอด! ได้ยินว่า กองทหารกองนั้นมาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน นั่นเป็นทหารของราชตระกูลเฉิน! ทหารห้าหมื่นนายนั้นมาตามหาองค์รัชทายาทของพวกเขา และพวกเขาก็รู้ร่องรอยของกองทหารกองนั้นแล้วด้วย พวกเขายังบอกอีกว่า"
นางเหลือบมองเฉินซ่าอย่างรวดเร็ว และพูดต่อว่า "ฝ่าบาทน่าจะเป็นสายเลือดราชตระกูลเฉิน! กองทหารกองนั้นมีห้าหมื่นนาย แต่ละคนโดนกักขังไว้ด้วยวิชาชนิดหนึ่ง พวกเขาไม่มีทางแก้ไขได้ ทหารที่แก้ไขไม่ได้ก็ไม่สามารถใช้การเพื่อพวกเขาได้ จางมิ่งบอกว่า บางทีอาจจะลองหลอกฝ่าบาทให้หลงกล บางทีอาจจะมีแต่สายเลือดราชตระกูลเฉินถึงจะแก้ไขการกักขังชนิดนั้นได้"
โหลชีเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
ดังนั้นจางมิ่งหลอกพวกเขา?
ดังนั้นคือห้าหมื่นคน ไม่ใช่ห้าแสนคน?
โหลชีสบตากับเฉินซ่าหนึ่งครั้ง สมองทั้งคู่วิ่งวนอย่างรวดเร็ว และเอาข่าวที่ได้มาต่อกัน จางมิ่งเจ้าเล่ห์กว่าที่พวกเขาคิดมากนัก ต่อให้นางใช้ซือเอ๋อร์ไปล่อหลอกเขา ก็ยังถามเรื่องจริงออกมาไม่ได้ กลับโดนหลอกแทนซะอีก
อีกอย่างพวกเขาคงหากองทหารห้าหมื่นนายนั่นเจอแล้วแน่ และควบคุมไว้แล้วด้วย ในเมื่อทหารห้าหมื่นนายนี่โดนอะไรกักขังไว้ ต้องแสดงอานุภาพเดิมออกมาไม่ได้แน่
หลงเอี๋ยนก็บอก "นอกจากนี้แล้ว ยังมีลัทธิดอกงู มาถึงเขาเวิ่นเทียนตั้งแต่หลายวันก่อน บัดนี้ยังไม่พบร่องรอยเลย"
โหลชีครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนบอกว่า "...แม่งเอ๊ย"
จะให้พูดอะไรอีก? นี่มันเป็นกับดักชัดๆ ทุกคนต่างเตรียมตัวกันมาอย่างดี จะลงมือกับพวกเขา
เฉินซ่าแค่นเสียงเย็น สีหน้าไม่มีแววลนลานแม้แต่น้อย แต่กลับดูเกรงขามมากขึ้น พลางพูดอย่างเย็นชาว่า "ส่งข่าวกลับไป สั่งอิง ซู่ฉงโจวรวมถึงแม่ทัพใหญ่ ให้ทั้งสามคนพาทหารมาคนละหนึ่งหมื่น รีบพุ่งตรงไปยังอุทยานเขาธนูเทพ เขาเฉินอวิ๋นและเขาปี้เซียน ทำลายล้างให้สิ้น!"
พาศิษย์ฝีมือดีมารวมตัวที่นี่เพื่อฆ่าเขามิใช่รึ? เขาจะอาศัยโอกาสนี้จัดการทำลายล้างรังพวกมันให้สิ้นซากเลย!
โหลชียกนิ้วโป้งให้ ไม้นี้ของเฉินซ่าโดนใจนางจริงๆ! ร้ายพอ!
เฉินซ่าพูดอีก "ทำอย่างลับๆ อย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว"
อวิ๋นพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไปเขียนจดหมายทันที เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ ไม่งั้นตงชิงกับเป่ยชางจับสังเกตได้รับรองต้องยื่นมือเข้ามาเกี่ยวแน่ ถึงเวลานั้นแต่ละกลุ่มที่พาคนกลุ่มละหมื่นคนออกมารับรองไม่พอให้กองทัพพวกเขาทำลายเลย
ยังไงซะ ราชวงศ์ต้าเซิ่งที่กล้าลงมือกับสามที่นี้พร้อมกัน จะทำให้ประเทศอื่นครั่นคร้ามและเกิดความคิดฆ่า
หลังจากครั้งนั้น อำนาจแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางต้องตัดแบ่งใหม่แน่ รับรองว่าสะท้านสะเทือนไปทั้งใต้หล้า
และสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญตอนนี้ก็ไม่อนุญาตให้มองโลกในแง่ดีได้เลย สามเขาหนึ่งอุทยานก็ประเมินความสามารถของเฉินซ่ามากเกินไป ถึงกับส่งคนมากมายขนาดนี้เพื่อมาต่อกรกับพวกเขาไม่กี่คน
"บางทีพวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะพาคนมาแค่นี้" เฉินซ่ายิ้มเย็นชา รังสีอำมหิตพลุ่งพล่าน หันมองโหลชี "ชีชีครั้งนี้ต้องต่อสู้ฆ่าฟันเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าแล้ว กลัวหรือไม่?"
ทั้งสามฝ่ายด้านนอกพาคนฝีมือดีมาอย่างละสองร้อย ลัทธิดอกงูคือสตรีเย้ายวนอำมหิตเหล่านั้นที่พวกเขาเคยเจอที่ทุ่งน้ำแข็ง บวกกับคนทั้งหมดของเขาเวิ่นเทียน อย่างน้อยสองพันคน สู้กับพวกเขาเจ็ดแปดคน
"วู๊วู"
วู๊วูไม่รู้มุดมาจากตรงไหน กระโดดขึ้นไหล่โหลชี เชิดหน้าอย่างเยิ่อหยิ่ง ท่าทางเยี่ยงนั้นราวกับจะบอกว่า มีข้าด้วยมีข้าด้วย
ริมฝีปากแดงฉ่ำของโหลชีเม้มแน่น สายตาเป็นประกาย "ข้าเคยกลัวที่ไหนกัน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ