ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้ฝ่าบาทดูอ่อนโยนต่อหน้านางมากไปหน่อยหรือเปล่า นางรู้ว่าเขาเท่มาก ใจแคบ เอะอะก็ชอบลักจูบนาง นางเลยลืมไปว่าภาพแรกที่เห็นเขาคืออาวุธทำลายล้าง!
กล้าเมินเฉยต่อความบ้าคลั่งเลือดเดือดของอาวุธทำลายล้าง ช่างน่าตายนัก นางรู้สึกเห็นใจเทพธิดาน่าหลานขึ้นมา รักเฉินซ่ามานานหลายปีขนาดนี้ นางจะรู้หรือไม่ว่า สุดท้ายไม่เพียงตายด้วยน้ำมือเขา ยังตายอย่างน่าเกลียดน่าขยะแขยงขนาดนั้นด้วย? ขนาดเกียรติยศเล็กน้อยตอนสุดท้ายยังไม่มี แค่ซากศพเต็มร่าง เฉินซ่ายังไม่เหลือไว้ให้นางเลย
โหดร้ายนัก
ผู้อาวุโสใหญ่กำหมัดแน่น อีกเพียงนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียวเขาจะทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปปะทะกับเฉินซ่าแล้ว แต่ในตอนสุดท้าย เหยาซู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขากระตุกเสื้อเขา ทำให้เขาอดกลั้นมันไว้ได้
ในหุบเขายังเตรียมตัวไม่พร้อม ยังขาดอีกเล็กน้อย ตอนนี้ยังลงมือกับเขาไม่ได้ แต่ลูกสาวที่รักใคร่มาหลายปี ลูกสาวเพียงคนเดียวต้องมาตายอนาถต่อหน้าเขา เขามีหรือจะอดกลั้นความอัปยศนี้ไหว? การอดกลั้นทำให้เขาหายใจแรง เกือบจะบาดเจ็บภายในเสียแล้ว
เฉินซ่าเลิกคิ้วปรายตามองมาอย่างท้าทาย
โหลชีเข้าใจความหมายของเขาในทันที
ทั้งๆที่ผู้อาวุโสใหญ่มีความได้เปรียบขนาดนั้น มีคนมากมายคอยช่วยเหลือขนาดนั้น ทำไมยังไม่ลงมือกับพวกเขาอีก? เขารออะไรอยู่กันแน่?
เฉินซ่าฆ่าล้างน่าหลานฮั่วซินต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าจะบีบให้เขาลงมือ
ไม่คิดว่าขนาดนี้เขายังทนได้
โหลชีตัดสินใจโหมไฟให้อีกแรง
"ผู้อาวุโสใหญ่ ถ้าไงท่านจัดการเรื่องตัวเองก่อนเถิด นางฟ้าหลิวอวิ๋นนาง... อ้อ ตอนนี้เขาเวิ่นเทียนต้องการงานมงคลมาล้างอาถรรพ์จริงๆ"
ไร้ยางอาย
พวกเจ้าพึ่งฆ่าลูกสาวเขาไปนะ นี่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นรึ?
สีหน้าซู่หลิวอวิ๋นกลับซีดเผือด เดิมก็อ่อนแออยู่แล้ว ตอนนี้กลับยิ่งดูน่าสงสาร โหลชีสังเกตเห็นสายตาที่ปรายมองมาของฮูหยินเหยานั่น สายตานั่นมาดร้ายนัก
ผู้อาวุโสใหญ่สูดลมหายใจเข้าปอด พลางว่า "ก็ได้ เรื่องเมื่อครู่ฮั่วซินลงมือก่อน มันเป็นชะตาของฮั่วซิน ใครก็ได้มาหาม...คุณหนูใหญ่ออกไป"
ศพน่ะหามออกไปแล้ว แล้วเศษเลือดเต็มพื้นที่นี้ล่ะ?
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนอดสะท้านยะเยือกกับความอดทนและเยือกเย็นของเขาไม่ได้ นี่ลูกสาวแท้ๆของเขานะ ให้หามออกไปแบบนี้....
คราวนี้จิ่งหยาวไม่กล้าแม้แต่จะมองเฉินซ่า นางฉลาดเล็กน้อย และชอบพอเฉินซ่า แต่นางไม่มีความกล้าที่จะไปหาเรื่องเทพสังหารเยี่ยงนี้อีกแล้ว
เขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก
สายตาผู้อาวุโสใหญ่มองไปทางซู่หลิวอวิ๋น ในสมองปรากฏภาพงดงามเย้ายวนของนาง สตรีงามเยี่ยงนี้เก็บเข้าเรือนหลังดูแล้วก็มิเลว
เหยาซู่เห็นเขามีความคิดเยี่ยงนี้จริงๆ ในใจกลับร้อนเร่าดุจจะกระอักเลือด นางไม่สนใจใครอื่น วิ่งออกมาคุกเข่าลงต่อหน้าเฉินซ่าทันที "ไม่รู้ว่าคำสัญญาตอนนั้นของฝ่าบาทยังมีผลหรือไม่? ตอนนั้นฝ่าบาทให้สัญญาว่าจะตบแต่งบุตรสาวตระกูลซู่คนหนึ่ง บัดนี้เหยาซู่ขอให้ฝ่าบาทให้ฐานะหนึ่งแก่นางฟ้าหลิวอวิ๋นด้วย"
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่นั่นพากันฮือฮา
"เหยาเอ๋อร์" ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตามองเหยาซู่อย่างมาดร้าย เหยาซู่ตอบกลับ "ผู้อาวุโสใหญ่ กลับไปเหยาเอ๋อร์จะอธิบายให้ท่านฟัง!" แววตานางเผยแววขอร้องอ้อนวอนออกมา ผู้อาวุโสใหญ่ใจกระตุก คิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง เลยพยักหน้า
"ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า ฝ่าบาทเคยให้สัญญาไว้เช่นนี้ เมื่อวานนางฟ้าหลิวอวิ๋นไม่สบายเล็กน้อย เหยาเอ๋อร์พอดีมียาเท่านั้นเอง ฝ่าบาทและนางฟ้าช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก...."
ซู่หลิวอวิ๋นไม่คิดเลยว่าเรื่องจะพลิกผันตาลปัตรเพียงนี้ นางมองเหยาซู่อย่างสงสัย เรื่องนี้เหยาซู่ไม่เคยบอกนางมาก่อนเลย! หากเฉินซ่าเคยให้คำมั่นสัญญาไว้เยี่ยงนี้จริง เหตุใดไม่รีบพูดออกมา? ถ้ารีบพูดออกมา จะมีเรื่องโหลชีรึ? นางรู้สึกลิงโลดในใจนัก สีหน้าซีดเผือดเริ่มมีสีเลือดขึ้น พอจะพูด กลับโดนโหลชีแย่งไป
โหลชีกะพริบตาปริบๆบอก "แปลกยิ่งนัก ฝ่าบาทของเราเหตุใดให้คำมั่นสัญญาไว้เยี่ยงนี้? แต่เหตุผลไม่สำคัญดอก ยังไงซะก็เป็นตอนเขายังเด็ก ฮูหยินเหยาเคยได้ยินคำพูดหนึ่งหรือไม่?"
เหยาซู่รู้ทั้งรู้คงไม่ใช่คำดีอะไร แต่จำต้องถามกลับ "มิทราบว่าพระสนมหมายถึงคำใดกัน?"
โหลชีเผยรอยยิ้มเบิกบาน พูดช้าๆว่า "คำพูดเด็กไร้เดียงสาอย่างไรเล่า!" ในเมื่อเป็นเฉินซ่าตอนเด็กรับปาก นางก็จะถือว่าคำพูดเด็ก ใครจะยึดเอาคำพูดเด็กเป็นจริงจังกัน?
มือของซู่หลิวอวิ๋นกำพนักเก้าอี้ไว้แน่น บางคนทนไม่ไหวหัวเราะออกมา แต่ก็รีบปิดปากกลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน
โหลชีพูดต่อเนือยๆว่า "อีกอย่าง ฝ่าบาทของเราได้มีราชโองการประกาศแล้วว่า ตำหนักหลังไม่รับสนมอีก คำพูดที่พูดสมัยเด็กกับราชโองการหลังครองราชย์ จะยึดอันไหนเป็นสำคัญเล่า?"
ยังต้องถามอีกรึ?
เหยาซู่ไม่คิดเลยว่าพอโหลชีเข้ามาแทรกแซงก็ทำลายคำสัญญาที่ได้มาไม่ง่ายเมื่อตอนนั้นของนางไปเสียสิ้น นางโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
ยังไม่จบ โหลชีพูดขึ้นอีก "เท่าที่ดู ถึงเมื่อคืนผู้อาวุโสใหญ่กับนางฟ้าหลิวอวิ๋นอาจจะเข้าใจผิดกัน แต่ร่างของนางฟ้าหลิวอวิ๋นก็โดนผู้อาวุโสใหญ่เห็นหมดแล้วกระมัง นางฟ้าหลิวอวิ๋นเองก็เห็นร่างผู้อาวุโสใหญ่หมดแล้วด้วยกระมัง? เหอะเหอะ...." โบราณไม่ใช่แบบนี้หรือไง? พวกเจ้าต่างเห็นเรือนร่างกันและกันหมดแล้ว คนอื่นใครจะกล้าเอาเจ้าล่ะ!
"โหลชี!"
ในที่สุดซู่หลิวอวิ๋นทนไม่ไหวตะคอกออกมา
ดังนั้นครั้งนี้โหลชีกับเฉินซ่าเลยเตรียมมา "ตกหลุมพราง" หลังจากทุกคนเข้าสู่งานแล้ว มีกลุ่มสาวใช้ในชุดคลุมสีเขียวท้องฟ้าเดินเข้ามา ร่ายรำกลางตำหนัก ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เหมือนคนที่ลูกสาวสุดที่รักพึ่งตายเลย เขายิ้มบาง ยกแก้วดื่มคารวะกับคนอื่นเป็นระยะ
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ คนมากมายเริ่มหันมาคารวะเหล้ากับเฉินซ่า และคารวะเหล้ากับโหลชี มีเหตุผลมากมายในการเกลี้ยกล่อมให้ดื่ม แต่ส่วนมากจะยินดีตามที่เฉินซ่าวาดหวัง อาทิเช่น ขอให้ทั้งคู่อยู่กันจนแก่เฒ่า มีบุตรสืบทอดโดยไว ขอให้ต้าเซิ่งเจริญรุ่งเรืองเป็นต้น เฉินซ่ากับโหลชีราวกับปฏิเสธไม่ค่อยได้ เลยชนแก้วรัวๆ พอดื่มไปได้สามรอบ ก็มีคนก้าวออกไป ดูเหมือนจะเป็นเหล่าสตรีอาทิเช่นฮูหยินเจ้าบ้านสามชิว และเหล่าสาวใช้ เหยาซู่กับนางฟ้าหลิวอวิ๋นก็ไม่รู้ว่าลุกจากที่นั่งไปตอนไหน
"ชีชีต้องอยู่ข้างกายข้าตลอด จำได้แล้วใช่ไหม?" เฉินซ่ามองโหลชี
เวลานี้เองพวกอวิ๋นและเฉิงสิบเดินเข้ามา ด้านหลังพวกเขา ศิษย์เขาเวิ่นเทียนสิบกว่าคนต่างมีประกายระยิบระยับ
โหลชีกับเฉินซ่าสบตากัน
เดิมจะให้พวกเขารออยู่ด้านนอก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายกลับบังคับพาพวกเขาเข้ามาด้วย
ดูท่า จะรวบพวกเขาทั้งหมดให้สิ้นซากในเขาเวิ่นเทียนนี่เลย
"เหตุใดคุณหนูรองชิวมาด้วยเล่า?"
เห็นคุณหนูรองชิวที่เดินตามเฉิงสิบมา โหลชีก็เลิกคิ้ว แต่เจ้าบ้านสามชิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามปรายตามองมา "ชิ่นเซียน ยังไม่อยู่ข้างอาอีก?"
คุณหนูรองชิวก้มหน้าลงต่ำทำเหมือนไม่ได้ยิน เฉิงสิบกลับกดเสียงต่ำรายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า "แม่นาง พวกเขาส่งผู้อาวุโสออกไปสามคน และยังมีมือธนูของอุทยานเขาธนูเทพ"
โหลชีเข้าใจความหมายของเขาทันที อีกฝ่ายใช้ยอดฝีมือบีบบังคับพวกเขามา อวิ๋นและเฉิงสิบล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยเลย
"ระวังตัวกันหน่อย" โหลชีพูดแค่นี้
การเปลี่ยนแปลงเริ่มในตอนที่นางพึ่งพูดจบ เสียงดังสนั่นดังขึ้นติดกัน รอบด้านของตำหนักชมจันทร์มีกำแพงหินหนาขึ้นมาเรียงราย พริบตาเดียวก็สูงเหนือหัว ทำให้ตำหนักที่เดิมโปร่งสบายกลายเป็นห้องปิดตายที่แม้แต่แมลงวันก็บินออกไปไม่ได้ ยามเมื่อกรงมืดปิดลงมา ก็มีคบไฟถูกดีดไปที่เสาพวกนั้น และส่องสว่างไปทั่วตำหนัก
ประกายไฟมีสีฟ้าทะมึน
โหลชีไวกว่าคนอื่น แทบจะในเวลาเดียวกันนางก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของตำหนักปิดตายนี้ อย่างเช่น ผงยาที่นางสาดออกไปในทันทีพลันตกลงสู่พื้น ลอยออกไปไม่ได้
และยังมี การหายใจเริ่มลำบากมากขึ้น
"เฉินซ่า..." นางร้องออกมาทันที แต่วินาทีต่อมานางก็อึ้งไป
นางไม่ได้ยินเสียงตัวเอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ