ตอนลูกไฟออกมาเมื่อครู่ทั้งๆที่ได้ยินเสียงแท้ๆ แต่ในตำหนักนี้กลับเงียบอย่างเหลือเชื่อ ไม่ได้ยินเสียงเลยสักนิด ขนาดเสียงที่นางพูดเองยังเหมือนโดนอะไรกินไปทันที ไม่ได้ยินเลยสักนิด
ในวินาทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ทั้งๆที่ทุกคนยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะยังมีอาหารเหล้าเลิศรสมากมายวางอยู่ ตอนนี้กลับหายไปหมดแล้ว
นางกับเฉินซ่านั่งอยู่ด้วยกัน แต่พอนางหันไปมองเขา กลับพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว
ทุกคนหายไปหมดแล้ว ทั่วทั้งตำหนักว่างเปล่า ดูใหญ่โตนัก และตัวนางกลับดูเล็กและโดดเดี่ยว
โหลชียืนขึ้น ยื่นมือไปด้านข้าง ถ้านี่เป็นม่านบังตาหรือค่ายกลบังตา เฉินซ่าน่าจะยังนั่งอยู่ที่เดิม นางยื่นมือไปก็น่าจะเจอเขา
แต่มันกลับว่างเปล่า และการขยับนี้นางก็พบว่า นางเริ่มขยับตัวยากขึ้น ราวกับมีน้ำหนักมหาศาลกดทับไว้ ทำให้นางเคลื่อนไหวช้าลงมาก
พริบตาเดียวนางคิดไม่ออกเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สถานการณ์ของเฉินซ่าเหมือนกับนาง อันที่จริงแล้วปฏิกิริยาของเขาไวกว่านางเสียอีกตอนเกิดเรื่องขึ้น เขาไม่ได้คิดถึงว่าจะสาดผงยาอะไร แต่ลุกขึ้นยื่นมือไปกอดนางทันที แต่เขาก็พลาด
ตอนนี้เขามองตำหนักที่ว่างเปล่า สายตาดำลึกหรี่ลง รังสีอำมหิตแข็งแกร่งไร้ใครเทียมพุ่งจากใจออกไป
"ชีชี!"
เขาเรียกโหลชี จากนั้นพบว่าเสียงหายไปแล้ว ส่งเสียงไม่ได้เลย เฉินซ่าหมุนตัว ก้าวไปยังเสาต้นที่ใกล้ที่สุด ตำหนักว่างเปล่านี้มีเสายี่สิบแปดเสา และทุกเสาจะมีคบไฟสองอัน นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ถ้ามีปัญหา หรือมีกลไกอะไร ต้องเกี่ยวข้องกับเสาและคบไฟพวกนี้แน่
ถึงพวกเขาจะจงใจตกหลุมพราง คิดจะใช้โอกาสนี้มาสืบข่าวเรื่องกองทหารห้าหมื่น แต่วิธีการของอีกฝ่ายก็อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาเหมือนกัน
ครั้งนี้เขากับโหลชีดูจะเชื่อมั่นในตัวเองและเหิมเกริมมากเกินไปหน่อยละ ทั้งๆที่รู้ว่า สามเขาหนึ่งอุทยานร่วมมือกันแล้ว เขาเวิ่นเทียนคงอยู่มานานหลายปีขนาดนั้นในฐานะผู้นำยุทธภพ ที่นี่มีหรือจะบุกเข้ามาง่ายขนาดนั้น?
น่าหลานฮั่วซินสามารถทำยาที่น่ากลัวขนาดนั้นออกมาได้ ผู้อาวุโสใหญ่ที่เป็นทั้งอาจารย์และบิดานางมีหรือจะฝีมือด้อยไปกว่า?
บวกกับเขาเฉินอวิ๋น ซู่หลิวอวิ๋นต้องวางกลไกไว้ในนี้แน่ อีกอย่างถึงวิทยายุทธ์จะไม่ถือว่าสูงมาก แต่นางฟ้าเมิ่งปี้ที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย ยังมีลัทธิดอกงู ไม่รู้ว่าเอาของจากหนานเจียงมามากมายแค่ไหน
แผนการที่พุ่งมาที่เขาฉากนี้ ยังมีตำหนักนี้ ไม่รู้ว่าพวกเขาเตรียมการมานานแค่ไหนแล้ว
แต่ว่าต่อให้พวกเขาเดาได้ว่าอีกฝ่ายจัดวางฉากแข็งแกร่งขนาดนี้ ด้วยนิสัยของเขาก็คงต้องบุกเข้ามาแน่ และเขาดีใจยิ่งนัก โหลชีไม่เหมือนสตรีอื่น ที่พอมีอันตรายก็เกลี้ยกล่อมให้เขาถอยให้เขาหลีกเลี่ยง นางยืนหยัดเผชิญหน้าพร้อมกับเขาเสมอมา
นางดีมาก เขาไม่มีทางยอมปล่อยมือแน่ ไม่มีทางให้นางเกิดเรื่อง เฉินซ่ายื่นมือไปหาคบไฟที่อยู่ค่อนข้างต่ำสุดบนเสาตรงหน้า เขามองเห็นประกายไฟสีน้ำเงินกำลังเต้นเร่า ในใจพลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง รีบปราดถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ประกายไฟนั้นพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างแปลกประหลาด ก้อนหมอกกลุ่มก้อนสีเทาเหลืองที่ตามติดมาด้านหลังประกายไฟ ถ้าสายตาไม่ดีเพียงนิดคงจะไม่สังเกตเห็นแน่
เฉินซ่าดึงกระบี่ดื่มเลือดออกมา
พอกระบี่ชักออกจากฝักก็สั่นสะท้านในมือเขาครู่หนึ่ง เหมือนกับกำลังตื่นเต้น เฉินซ่ารู้ว่านี่มันคือเรื่องอะไร ความอำมหิตและอาฆาตของกระบี่ดื่มเลือดโดนกระตุ้นจากความแปลกประหลาดในนี้แล้ว ครั้งที่แล้วหลังจากโหลชีช่วยเขาวาดค่ายกลเลือดควบคุมเคยบอกเขาเอาไว้ว่า ถ้าเป็นไปได้ ก่อนจะช่วยเติมจิตวิญญาณกระบี่ที่ขาดหายไปของกระบี่ดื่มเลือด อย่าใช้มันฆ่าล้างบาง
เพราะความอาฆาตของกระบี่นี้แรงนัก ฆ่าคนมากเกินไป เจอเลือดมากเกินไปเป็นไปได้ว่าจะระเบิดออกมาอีก จะทำให้เขากลายเป็นมาร เหมือนกับตอนที่อยู่เขาเซียนพิโรธครั้งก่อน ค่ายกลเลือดบนตัวเขาจะระเบิด แล้วจะควบคุมเขาไม่ได้อีก
ถ้าเวลานี้เขายังอยู่กับโหลชี บางทีเขาอาจจะไม่ใช้กระบี่ดื่มเลือด แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่านางเจออันตรายอะไรบ้าง เขาเพียงแต่อยากทำลายตำหนักนี้ให้เร็วที่สุดแล้วไปตามหานาง
กระบี่ดื่มเลือดอะไร เอาไว้ก่อนแล้วกัน
กระบี่พึ่งพุ่งเข้าไปหาประกายไฟนั่น และฟันมันกระเซ็นซ่านไป ประกายไฟค่อยๆตกลงเป็นหย่อมๆ กลุ่มหมอกสีเทาเหลืองก้อนนั้นด้านหลังกลับพุ่งมาข้างหน้า ระยะใกล้ขนาดนี้เขาถึงมองเห็นชัดเจนว่า มันคือแมลงตัวเล็กที่คล้ายยุงคล้ายผึ้งกลุ่มหนึ่ง
เฉินซ่าเก็บกระบี่ซัดฝ่ามือ กำลังจะใช้ฝ่ามือซัดลมไปทำพวกมันแตกกระจาย สิ่งนั้นกลับกระจายร่างกันไป จากนั้นล้อมรอบเขา และรวมตัวกันด้านหลังเขา ในตอนที่เขาหมุนตัวกลับอย่างเร็ว สิ่งนั้นพลันบินหมุนตัว หันก้นเข้าหาเขาโดยพร้อมเพรียง ร่างเล็กๆพร้อมกันยกขึ้น และพ่นไอหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งออกมา
เหม็น......
ไม่เคยได้กลิ่นเหม็นเยี่ยงนี้มาก่อน
แน่นอน ที่แย่ยิ่งกว่าคือสีหน้าเฉินซ่า เขาไม่เคยโดนหนอนกลุ่มหนึ่งรังแกเยี่ยงนี้มาก่อน นี่คือ...ผายลม?
ถ้าโหลชีอยู่ที่นี่ เห็นฉากนี้เข้า ไม่แน่อาจจะหลุดหัวเราะพรืดออกมา ฝ่าบาทโดนกลุ่มหนอนที่ผายลมไอพิษกลุ่มหนึ่งต่อกรเข้าให้หรือนี่?
ซู่หลิวอวิ๋นหันกลับไปมองผู้อาวุโสอีกคนที่โดนนางล่อหลวงจนพานางมา ในใจก็ขุ่นมัวจนแทบกลายเป็นผุยผง กลายร่างเป็นมาร
เพื่อให้ได้เข้ามาในห้องลับควบคุมนี้ นางฟ้าหลิวอวิ๋นอย่างนางต้องใช้ความงามเข้าล่อลวง
ทั้งหมดนี่เป็นเพราะโหลชี นางจะไม่ให้โหลชีได้ตายดี แต่นางจะไม่โง่เหมือนกับน่าหลานฮั่วซิน "ข้าสามารถสร้างเขตกักกันที่เอาชีวิตโหลชีได้ และทำให้เฉินซ่าสูญเสียความสุขุม และควบคุมเขาได้ง่ายขึ้น" นางมองดูผู้อาวุโสใหญ่ พลางเอื้อนเอ่ยเสียงเบา นางมิได้หลบคนอื่นในห้องลับนี้ นางจะต้องลากโหลชีลงนรก ต่อให้ตอนนี้ต้องให้นางเอาใจบุรุษอายุที่มากพอจะเป็นบิดานาง
ผู้อาวุโสใหญ่อึ้งก่อนกุมมือนาง ดึงนางเข้าอ้อมกอด "มา อวิ๋นเอ๋อร์บอกข้าสิ"
โดนผู้อาวุโสใหญ่รั้งเข้าอ้อมกอด แววตาซู่หลิวอวิ๋นฉายแววเคียดแค้นพูดเสียงต่ำว่า "กลไกบวกกับค่ายกล และผสานเข้ากับผงยาพิษที่ใช้ในการเผาผลาญไฟที่มีแต่แต่เดิมในนี้ จะทำให้โหลชีเกิดภาพลวงตาที่ขัดขืนไม่ได้"
ประกายสว่างเย็นเยียบของไข่มุกเรืองแสงส่องสว่างทุกที่
โหลชีเดิมตั้งใจว่า เฉินซ่าหรือพวกเฉิงสิบเห็นเลข7แล้ว จะมารวมตัวกันที่นี่กับนาง ขอแค่อยู่ด้วยกัน นางเชื่อว่าต้องรับรู้ถึงอีกฝ่ายได้ และสามารถหาทางทำลายเขตกักกันนี้ได้แน่
จากนั้นนางก็รู้สึกว่าพื้นใต้เท้าขยับ ทำให้นางต้องถอยไปสองก้าว
สองก้าวนี้เพียงพอให้เข้าไปอีกโลกหนึ่งเลย
อันที่จริงแค่ถอยโหลชีก็รู้ว่าผิดละ นางได้ยินเสียงฝีเท้าตนเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินเสียงเลย จากนั้นแรงกดทับรอบตัวดูจะน้อยลงไปมาก เหมือนกลับเป็นปกติ
นางเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ในมือเขาถือขลุ่ยหนึ่งอัน ค่อยๆหมุนแผ่วเบา จากมุมของนางเห็นใบหน้าด้านข้างของเขา ทั้งหล่อเหลาและสง่างาม
โหลชีอึ้งตะลึงไปทั้งตัว
นางคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางได้เจอหมิงเลี่ยอีกแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาจะมาปรากฏตัวต่อหน้านางอีก แถมยังไม่เปลี่ยนไปเลย เหมือนกับไม่เคยจากไปมาก่อน
เขาค่อยๆเบนหน้ากลับมาช้าๆ สายตาประดุจแสงตะวันอบอุ่นจับจ้องมาที่ใบหน้านาง เวลาหยุดชะงักไปชั่วครู่ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่น
"ราชินีของผม คุณมาแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ