ราชินีของผม
ตอนนั้นก่อนที่หมิงเลี่ยจะมาติดตามนาง เขาเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่ปลดประจำการเพราะเคยได้รับบาดเจ็บครั้งหนึ่งจนประสาทฟังของหูข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
หลังจากติดตามนาง เขาก็ไม่รู้เป็นอะไร ไม่นานก็ทิ้งความแกร่งกล้าของทหารในอดีตไปหมด กลายเป็นสง่างามมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูโดดเด่นเหนือใคร คนอื่นมองเขายังนึกว่าเป็นคุณชายผู้ดีบ้านไหน แต่ "คุณชายผู้ดี"แบบนี้ เมื่ออยู่ข้างกายนางกลับเป็นพ่อบ้าน คนรับใช้ พ่อครัว ผู้ช่วย สรุปแล้วเขาทำทุกเรื่อง
เพียงแต่ในตอนนั้นนางอายุยังน้อย รู้สึกว่ามีคนคอยตามอยู่ข้างๆมันดูคุณหนูไปหน่อย และไม่อิสระ เพราะนางชอบเสี่ยง เขาเลยมักกำชับนางไม่หยุดไม่หย่อนให้ระวังโน่นระวังนี่ นางไปเข้าป่า ไปทะเลทราย เขาเป็นคนเตรียมสัมภาระให้นาง
ต่อมานางรับงานหนึ่ง ไปซากปรักหักพังของประเทศโบราณอันลึกลับในทะเลทราย แต่กลับไม่ได้สืบโดยละเอียด เลยตกหลุมพรางของศัตรูเมื่อก่อนนี้ของนาง
ที่นั่นจัดวางตาข่ายกับดักไว้รอนาง ยังมีอาวุธล้ำเทคโนโลยีอีกมากมาย
หมิงเลี่ยตายเพราะช่วยนางออกมา
ตอนนั้นนางยังเล็กมาก ยังไม่ถึงสิบห้าปี ต่อมานางเลยพยายามให้มากขึ้น พัฒนาตัวเอง นางไม่ค่อยคิดถึงหมิงเลี่ย มันเป็นคำสั่งเสียของเขา เขาไม่อยากให้นางจำเขาได้มากนัก
ปีนี้ ครั้งแรกตอนพบและทลายค่ายกลหญ้าปีศาจอันดิบชื้นที่ตำหนักจิ่วเซียว ภาพแปลงของเขาก็ออกมา และต่อมาก็เป็นครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ครั้งนี้เขาอยู่ต่อหน้านาง ดูเหมือนจริงมาก
"หมิงเลี่ย" นางพึมพำออกมาเบาๆ และเห็นหมิงเลี่ยเดินเข้ามา กางแขนโอบรัดนางเข้าอ้อมกอด
"ราชินีของผม ผมคิดถึงคุณยิ่งนัก" เสียงหมิงเลี่ยประหนึ่งถอนหายใจ ทำให้โหลชีใจกระตุก เจ็บปวดเบาๆ จากนั้นนางก็โอบเอวเขาเหมือนกัน
หมิงเลี่ยปล่อยนางออกเล็กน้อย จากนั้นยกมือขวาขึ้น จับคางนางไว้ และเชิดมันขึ้นเล็กน้อย สายตาโหลชีสบตากับเขา สายตาเขาเริ่มเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเขาค่อยๆก้มหน้าลงมาหานาง
ในห้องลับควบคุมท่ามกลางค่ายกลบังตามีแสงและเงาสาดส่องลงมาเป็นระยะ ซู่หลิวอวิ๋นโอบเอวผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสใหญ่จับคางนางไว้ ให้นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย และค่อยๆก้มหัวลงหานาง น้ำเสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อย "ค่ายกลบังตาเยี่ยงนี้ช่างเหลือเชื่อจริงๆ พวกเราทำอะไรในนี้ บุรุษในภาพลวงตานั่นจะทำอะไรกับโหลชีกัน?"
ซู่หลิวอวิ๋นรับคำออกมา ระยะใกล้ขนาดนี้ นางเห็นรอยตีนกาของผู้อาวุโสใหญ่ ผมสีขาวหลายเส้นบนหัว แทบจะสำรอกออกมา ในใจยิ่งเคียดแค้นโหลชีมากขึ้น
เดิมคนที่โอบนางแบบนี้ควรจะเป็นเฉินซ่า
ผู้อาวุโสใหญ่กลับรู้สึกว่าซู่หลิวอวิ๋นงดงามยิ่งนัก มองดูใกล้ๆแบบนี้ ผิวพรรณเรียบเนียนนุ่มลื่น โอบนางไว้ รูปร่างงามงอน แผ่ซ่านความเยาว์วัยสดใสออกมาอย่างเห็นได้ชัด เหยาซู่เทียบไม่ติดเลย
ริมฝีปากที่เริ่มแห้งผากของเขาประทับเข้ากับริมฝีปากงดงามซู่หลิวอวิ๋นอย่างช้าๆ และเผยอมันออกอย่างไม่ลังเล แทรกลิ้นเข้าไป
ซู่หลิวอวิ๋นอยากอาเจียน แต่อดทนไว้ นางดีดนิ้วเปิดค่ายกลบังตาของเฉินซ่าออก ให้เขามองเห็นสถานการณ์ฝั่งโหลชี พลางคิดๆ จับมือข้างหนึ่งของผู้อาวุโสใหญ่มาวางไว้บนหน้าอกตน
จะทำ ก็ต้องให้สุดๆ ให้เฉินซ่าเห็นโหลชีทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้กับชายอื่น เพราะต้องเอาปฏิกิริยาโต้ตอบของนางมาชักนำโหลชี ดังนั้นนางจะเอาแต่จ้องมองโหลชีไม่ได้ แต่ต้องเข้าอารมณ์ให้มากขึ้น นางเริ่มตอบสนองผู้อาวุโสใหญ่
เมื่อคืนตอนแรกผู้อาวุโสใหญ่คิดจะไประบายอารมณ์กับเหยาซู่ ต่อมาโดนตัดบท และเห็นภาพงดงามของนางอีก ประกายไฟในตัวโดนบังคับกดทับลงไป ตอนนี้นางรุกเร้าเข้ามาเอง เขามีหรือจะทนไหวอีกต่อไป มือล้วงเข้าไปในคอเสื้อนาง
รอจนเสื้อผ้าพวกเขากระจายเกลื่อน ผู้อาวุโสใหญ่ครอบครองนางอย่างแท้จริง หางตาซู่หลิวอวิ๋นมีประกายน้ำตาไหลลงมาอย่างเย็นชาหนึ่งหยด นางจึงหันไปมองทางโหลชี
เวลานี้โหลชีน่าจะเหมือนกับนาง เสื้อผ้าถูกถอดกระจาย ถูกบุรุษที่ภาพลวงตาสร้างออกมากดทับไว้ใต้ร่าง เขาต้อง...ครอบครองนางแล้ว และเฉินซ่าก็มองเห็นภาพนี้พอดี
แต่ยามนางมองไปทางโหลชี นางแทบจะกรีดร้องออกมา
นี่มันเรื่องอะไรกัน? เป็นไปได้อย่างไร!
เฉินซ่าก็พบว่าแสงสว่างเย็นชาเบื้องหน้าพลันสว่างขึ้น เขาเหลือบตามองไป มองเห็นโหลชี ไข่มุกเรืองแสงลูกนั้นกลิ้งอยู่ที่เท้า นางหันหลังให้เขาอยู่ มีบุรุษผู้หนึ่งยืนประจันหน้ากับนาง สายตามองเลยนางมาทางเขา
แค่เพียงแวบเดียว เฉินซ่าก็จำได้ว่า บุรุษผู้นั้นเป็นภาพแปลงที่เคยปรากฏต่อหน้าโหลชี แต่ตอนนั้นที่โหลชีมองเห็นภาพแปลงของเขา แววตาอึ้งตะลึง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เดิมเขาไม่ได้คิดถึงภาพแปลงนั้นอีก แต่ตอนนี้บุรุษผู้นั้นมาปรากฏกายอีกครั้ง ช่างดูเหมือนจริงยิ่งนัก
สีหน้าเฉินซ่าทะมึนลง
"ชีชี"
พอได้ยินเสียงเขา ชีชีหันกลับมาอย่างไว เฉินซ่าเห็นดวงตาแดงก่ำของนาง และน้ำตาที่ยังไม่ทันได้เช็ดออกบนใบหน้านั้น หัวใจรู้สึกราวกับถูกเข็มแทงฉับพลัน
"มานี่" เขามองนางอย่างลึกซึ้ง และไม่ก้าวเข้าไป ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ในตอนนี้กลับดึงดันขึ้นมา
ในเวลาคับขัน นางหันมองเฉิงสิบร้องว่า "พระสนมให้ท่านคุ้มครองข้า!" เฉิงสิบอึ้งไป แต่ก็ได้สติเร็วมาก เขารีบเข้าไปรับหน้าเจ้าบ้านสามชิว และวิทยายุทธ์ของเจ้าบ้านสามชิวดีกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้หน่อย ยังไม่รอเขาได้สติกลับมา สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไป
แต่ในตอนนั้นเอง กระบี่ของเขาได้แทงเข้าที่ไหล่ของเจ้าบ้านสามชิว เลือดหยดลงพื้น ทำให้เขาสังเกตเห็นร่องรอยของเจ้าบ้านสามชิว
แต่ที่เฉิงสิบคาดไม่ถึงคือ ด้านหลังเขากลับมีมือเรียวยาวที่มีรังไหมบางจับเสื้อผ้าเข้าไว้แน่น พอเขาหันกลับไป ก็มีธนูลูกศรพุ่งมาที่หน้าอกเขาแล้ว
สำหรับวิชาธนู คุณหนูรองชิวมีฝีมืออยู่อย่างหนึ่ง นางแทบจะวิเคราะห์ได้ในพริบตา เฉิงสิบหลบธนูนี้ไม่ทัน และนางยังได้ยินเสียงดึงคันธนูจากที่ลับ มันเป็นพรสวรรค์ที่น่าตกใจชนิดหนึ่ง ทั้งๆที่เฉิงสิบกำลังภายในลึกล้ำกว่านางแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ยิน
นางกำเสื้อเขาไว้แน่น หมุนตัวอย่างรวดเร็ว จนเข้าไปในอ้อมกอดเขา ร่างอ่อนนุ่มโผเข้าหน้าอกผายกว้างของเขาอย่างแรง
ฉึก
เสียงบางอย่างดังขึ้น เป็นเสียงอาวุธเข้าเนื้อ
เฉิงสิบรู้สึกคนในอ้อมกอดแข็งเกร็ง ตกตะลึง ก้มมองใบหน้างดงามของนาง "เจ้า..." ทำไมต้องมากันธนูลับนี้ให้ข้าด้วย? คุณหนูรองชิวเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงยิ้มออกมา นางว่า "ข้าไม่ใช่เจ้านายของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตายแทนข้า"
นางให้เขามาเอง มิเช่นนั้นตอนนี้เขาคงอยู่ข้างกายพระสนม
เฉิงสิบกอดนางไว้ ถอยร่นอย่างรวดเร็ว เจ้าบ้านสามชิวยังซ่อนอยู่ในที่ลับ เขาต้องถอยหนีก่อน ไปทายาให้คุณหนูรองชิว
คุณหนูรองชิวอยู่ในอ้อมกอดเขา ดวงตาปิดแน่น นางพูดขาดห้วงเป็นช่วงๆว่า "ท่านรู้ไหม? ข้า หลายปีมานี้ หวังว่า จะออก ออกจากสถานที่สกปรกอย่างอุทยานเขาธนูเทพ ต่อให้ข้าตาย ขอร้องท่าน ฝังข้าไว้ที่ใดก็ได้ ได้ทั้งนั้น อย่าให้ข้าตกในมือพวกเขา..."
"เจ้ามิตายดอก" เฉิงสิบสีหน้าไร้อารมณ์ แต่พูดคำนี้ออกมาอย่างแข็งเกร็ง
"หาก...จะสลักป้ายชื่อให้ข้า ได้ไหม...อย่าเขียนชิวชิ่นเซียน เขียนเพียงแค่ชิ่นเซียนก็พอ ข้าไม่อยากแซ่ชิวแล้ว..." นางยังคงพูดพึมพำ เฉิงสิบตัดบทนาง "เจ้ามิตายดอก" เดิมเขาก็ซื่อบื้ออยู่แล้ว เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี เพียงแต่กอดนางแน่น อยากหาที่ที่ดูปลอดภัยเสียหน่อย แต่เบื้องหน้าตอนนี้ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน แต่ก็ดูเหมือนจะอันตรายไปทุกที่
จากนั้นเขาก็เห็นอิ้นเหยาเฟิงผูกคาถาตามที่โหลชีสอนทั้งสองมือ เลยผลุนร่างออกไป
"แม่นางเหยาเฟิง! ช่วยข้าช่วยนางหน่อย!" เฉิงสิบผลันร่างมาโผล่หน้าอิ้นเหยาเฟิง อิ้นเหยาเฟิงมองคุณหนูรองชิวในอ้อมกอดเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง และเงยหน้าขึ้นมองเขา นางหนักอึ้งในใจทันที เพราะนางไม่เคยเห็นสภาพลนลานเยี่ยงนี้มาก่อนของเฉิงสิบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ