ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 489

เฉิงสิบจะวางคุณหนูรองชิวลง แต่กลับเห็นว่ามือนางยังกำเสื้อเขาไว้แน่น และเพราะใช้แรงมาก นางกำจนข้อนิ้วเป็นสีขาว

อิ้นเหยาเฟิงเอื้อมมือไปจะแกะนิ้วนางออก แต่แกะนิ้วมือนางไม่ออกเลย นางกำลังจะใช้แรงมากขึ้น เฉิงสิบก็อุ้มคุณหนูรองชิวถอยหลังแล้ว "เจ้าระวังหน่อย ข้าจะใส่ยาให้นางเอง"

ระหว่างพูด เขาก็อุ้มคุณหนูรองชิวถอยไปถึงข้างกำแพง ข้างกำแพงดูจะปลอดภัยแล้วกระมัง

เขาก้มหน้ามองนางที่แม้จะสลบไปแล้วหากยังกำเสื้อผ้าเขาแน่น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกปวดใจ

นางกลัวว่า หากปล่อยมือ นางจะถูกเจ้าบ้านสามชิวแย่งกลับไป และต้องกลับไปอุทยานเขาธนูเทพอีกใช่หรือไม่?

"วู๊วู"

เฉิงสิบดีจาก ก้มหัวมองไปทันที และเห็นวู๊วูกำลังกัดรองเท้าเขา ดวงตามันเป็นประกายน่ารัก

"เจ้าหาแม่นางพบแล้ว?"

"วู๊วู วู๊วู"

"แม่นางให้เจ้ามาหาข้าใช่หรือไม่?"

"วู๊วู!"

หัววู๊วูผงกไม่หยุด ท่าทางน่ารักนั่นทำให้เฉิงสิบผ่อนคลายลงอย่างมาก แม่นางไม่เป็นไร และยังให้วู๊วูมาหาเขา แสดงสถานที่นี้กักขังนางไม่ได้ และฝ่าบาทเองก็ต้องไม่เป็นไรด้วยแน่

เฉิงสิบมองคุณหนูรองชิว มีแววลำบากใจ "แต่นางได้รับบาดเจ็บ ข้าต้องดึงอาวุธออกรักษานางก่อน"

วู๊วูเปลี่ยนมุมดูอาการคุณหนูรองชิว จากนั้นกระโดดขึ้นตัวเฉิงสิบ ขาหน้าสองข้างจับสายรัดเอวเขา และดึงขวดยาจากในนั้นออกมาหนึ่งขวด

"ใช้ยานี้?" ถึงบนตัวเฉิงสิบจะมีสายรัดเอวทำพิเศษที่โหลชีให้ แต่เขาก็รู้จักยารักษาแผลไม่กี่ขวด ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ายาไหนเป็นยารักษาบาดแผลชั้นเลิศที่โหลชีใช้ปลาดุกเทพทำออกมา อีกอย่าง จะใช้ยานั่นก็ต้องดึงอาวุธออกมาก่อนถึงจะได้

"วู๊วู" วู๊วูกระโดดขึ้นลง เหมือนกำลังบอกว่า "แน่นอนสิ ทำไมเจ้าโง่อย่างนี้?

เฉิงสิบอ่านความหมายอย่างนี้ออกจากสายตามัน และหยิบขวดยานั้นขึ้นมาอย่างจำใจ ป้อนหนึ่งเม็ดให้คุณหนูรองชิว นิ้วมือเขาโดนริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางอย่างช่วยไม่ได้ ทำเอาใจเขากระตุก

เขากดทับความรู้สึกประหลาดในใจนั้น อุ้มคุณหนูรองชิวขึ้นมา "วู๊วู ไป" วู๊วูกระโดดแผ่วเบา ชนเสาหนึ่งอย่างจัง เฉิงสิบอึ้ง ก่อนจะเห็นเสานั้นหายวับไปก่อนที่หัวของวู๊วูจะพุ่งชน

เหมือนภาพลวงตาถูกปลีกออก ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนแปลง ยังเป็นตำหนักเดิม แต่กลับดูเหมือนจริงนัก และเขาเห็นพวกโหลชี

อิ้นเหยาเฟิงก็เดินตามหลังเขาเข้ามา

"ฝ่าบาท แม่นาง" เฉิงสิบรีบรุดขึ้นหน้า

พวกโหลชีเห็นคุณหนูรองชิวในอ้อมกอดเขา ต่างอึ้งกันไป โหลชีเดินเข้ามา จับชีพจรคุณหนูรองชิวอย่างรวดเร็วพลางถาม "นางเป็นอะไร?"

"ลูกศรธนูของเจ้าบ้านสามชิว"

"เจ้าดึงออกให้นาง" โหลชีกลับไม่คิดจะรักษาคุณหนูรองชิวด้วยตัวเองในตอนนี้ สายตานางเย็นชามาก เฉิงสิบเห็นว่ามันมีร่องรอยโดนน้ำตาคลอเบ้ามาก่อน อดอึ้งไม่ได้ โหลชีควักยาขวดเล็กออกมายื่นให้เขา จากนั้นบอกว่า "พอดึงธนูออกก็ใช้ยานี่ นางจะไม่เป็นไรหรอก"

"แม่นาง ท่านมิเป็นไรกระมัง?" เฉิงสิบรับยามา แต่ยังมองนางอย่างกังวลมาก

"ไม่เป็นไร"

เฉินซ่าปรายตามองมาจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ไกล "ชีชี มานี่"

โหลชีรีบวิ่งไปหาเขาทันที

"ตอนนั้นที่เขาเฉินอวิ๋น ข้าไม่ทันระวังเข้าไปในห้องลับของพวกเขา และอยู่ในนั้นคืนหนึ่ง" เฉินซ่าจูงมือนางเดินไปที่เสาต้นหนึ่ง พลางส่งกระแสจิตบอกนาง "ในนั้นมีเคล็ดวิชากลไกของเขาเฉินอวิ๋น"

โหลชีเอียงคอมองเขาอย่างแปลกใจ อัจฉริยะสุดๆ นี่เขาหมายความว่า การที่เขารู้เรื่องกลไกของเขาเฉินอวิ๋น เพราะตอนนั้นที่อยู่ในนี้ทั้งคืน จากนั้นก็เรียนรู้เอง?

"ต่อมา ซู่หลิวอวิ๋นพบเรื่องนี้เข้า หากบอกผู้ครองเขาเฉินอวิ๋น เขาต้องไม่ยอมปล่อยข้าแน่"

"ดังนั้นนางเลยช่วยท่านปกปิด?" โหลชีถึงบางอ้อ

เฉินซ่าพยักหน้าบอก "ต่อมานางใช้เรื่องนี้มาแลกเปลี่ยนข้อตกลงหนึ่งครั้งกับข้า" นี่เป็นเหตุผลที่เขารับปวกจะตกลงกับซู่หลิวอวิ๋น โหลชีไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขามาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ แต่คำพูดต่อมาของเขาทำให้สีหน้านางเปลี่ยนทันที

ทุกคนพากันมองพวกเขาอย่างตกตะลึง เมื่อครู่พวกเขาโดนวิชาภาพลวงตาแบ่งแยกกัน และสามารถเห็นเหตุการณ์ในตำหนักด้านนอก แต่ไม่เห็นทางด้านโต๊ะควบคุมนี้ ตอนนี้วิชาภาพลวงตาโดนทำลาย ในนี้ก็มีบรรยากาศวาบหวานที่ทุกคนยกเว้นจิ่งหยาวต่างคุ้นเคยกันดี บวกกับเสื้อผ้าซู่หลิวอวิ๋นไม่เรียบร้อย ใบหน้าแดงเรื่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใครก็เดาออกว่า เมื่อครู่พวกเขาทำอะไรกัน

ถึงก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสใหญ่บอกจะไปสู่ขอซู่หลิวอวิ๋น แต่นางฟ้าคนงามที่เดิมชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า กลับมามีสัมพันธ์กับผู้อาวุโสใหญ่แทบจะต่อหน้าต่อตาพวกเขาทุกคน นี่มันช่างยิ่งกว่าหญิงแพศยาเสียอีก!

"เจ้าทำอะไร!"

ซู่หลิวอวิ๋นไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสใหญ่จะเปิดกำแพงลวงตาด้านนี้ ให้คนมากมายเพียงนี้เข้ามาเห็นสภาพนางในตอนนี้ นางใกล้จะเสียสติแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมานางมักจะมีภาพพจน์งดงามเหนือธรรมดา อ่อนโยนสูงส่งประดุจเทพเซียน ตอนนี้ป่นปี้หมดแล้ว! ย่อยยับหมดแล้ว! สายตาที่คนพวกนี้มองนาง ต่างอะไรกับมองหญิงนางโลมผู้หนึ่ง?

โดยเฉพาะบุรุษ สายตายังปรายมองไปยังผิวพรรณนางที่โผล่พ้นร่มผ้าด้วยประกายละโมบ

ซู่หลิวอวิ๋นที่รู้สึกว่าตนเองสูงส่งเหนือใครมาแต่ไหนแต่ไรเกือบจะเสียสติ เพียงแต่กลับมีผู้หนึ่งเสียสติก่อนนาง เหยาซู่พุ่งเข้าหาผู้อาวุโสใหญ่ด้วยดวงตาแดงก่ำ ยกมือตบฉาดไปที่หน้าเขาอย่างแรง

"เดรัจฉาน! เจ้ากล้าทำลูกสาวข้าแปดเปื้อน...."

อาจเป็นเพราะพึ่งร่วมรักกับซู่หลิวอวิ๋นมาเลยทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ยังมึนงง บางทีอาจเพราะเขาไม่คิดว่าเหยาเอ๋อร์ที่อ่อนโยนเป็นสายน้ำมาตลอดจะทำอย่างนี้ ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้หลบหลัก และรับฝ่ามือฉาดนี้เข้าหน้าเขาเต็มๆ

หลังจากความเจ็บชาปะทะมา เขาถึงได้สติ จับสังเกตคำพูดของนางเมื่อครู่ "เจ้าว่าอะไรนะ? หลิวอวิ๋นเป็นลูกสาวเจ้า?"

ลูกสาวของอนุของเขา?

ซู่หลิวอวิ๋นยิ่งตะลึงหนัก "เจ้าพูดบ้าอะไร?" เหยาซู่เหมือนใกล้บ้า นางปิดหน้าตนเองร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา "อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเป็นลูกสาวของข้า ลูกสาวแท้ๆของข้านะ..." นางต้องมามีบุรุษเดียวกับลูกสาวแท้ๆของตนเองอย่างนี้ได้อย่างไร?

"เหลวไหล เจ้าพูดเหลวไหล เจ้าว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ๆของพ่อบุญธรรม เจ้าเป็นอาแท้ๆของข้า..." เสียงร้องโหยหวนของซู่หลิวอวิ๋นหยุดชะงัก มองเหยาซู่ตัวสั่นเทาอย่างไม่เชื่อสายตา ใบหน้าซีดเผือด "เจ้าคือซู่เหยาใช่หรือไม่? น้องสาวแท้ๆของพ่อข้า?"

ทุกคนมองสบตากัน ต่างไม่กล้าส่งเสียง แต่ในแววตาสับสนของจิ่งหยาวมีประกายตื่นเต้นขึ้นมา

ใต้หล้ามีสามเขา แต่ละเขาล้วนมีหนึ่งสาวงาม ตั้งแต่เล็กจนโต น่าหลานฮั่วซินและซู่หลิวอวิ๋นอยู่เหนือนางมาตลอด แต่ตอนนี้คนหนึ่งตายอย่างอนาถ อีกคนก็เหมือนจะต้องแบกรับความแพศยาต่อไป?

เหยาซู่ ซู่เหยา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ