เหยาซู่ถอยหลังไปหลายก้าว เนื้อตัวสั่นเทาราวกับใบไม้ร่วงท่ามกลางลมฤดูหนาว
ถ้าเพื่อดีกับซู่หลิวอวิ๋น เวลานี้นางไม่ควรพูดเหลวไหล แต่เหยาซู่ในเวลานี้ไม่นิ่งไม่ใจเย็นแล้ว ความลับพวกนี้นางเก็บงำมานานมากเหลือเกิน นางเองก็อดทนมานานเกินไปแล้ว ไม่ได้เจอกับลูกสาวตนเองมานาน ซู่หลิวอวิ๋นมาครั้งนี้ ผู้ครองเขาเฉินอวิ๋นส่งข่าวมาบอกว่า ให้นางอยู่กับลูกสาวให้ดี ลูกสาวจะทำอะไรก็ช่วยนาง
นางตั้งใจอย่างนี้ แต่ใครจะรู้ว่าลูกสาวจะ...วินาทีที่นางโดนยาของน่าหลานฮั่วซินแล้ววิ่งมาที่ห้องนางก็ไม่ถูกแล้ว
นางคิดหาทางมาตลอด คิดหาทางยับยั้งไม่ให้ผู้อาวุโสใหญ่แต่งกับซู่หลิวอวิ๋น เมื่อครู่ยังคิดหาหนทางตามเข้ามาด้วย เข้ามาห้องลับควบคุมกลไกนี่ แต่นางไม่คิดเลยว่า ต่อหน้านางแท้ๆ ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ผู้อาวุโสใหญ่กับซู่หลิวอวิ๋นจะ...
สายเกินไปแล้วจริงๆ
สองแม่ลูกมอบกายให้บุรุษคนเดียวกัน ยังจะมีอะไรน่าอัปยศอดสูยิ่งกว่านี้อีก?
นางทำเพียงร้องไห้ ไม่ได้ตอบคำถามซู่หลิวอวิ๋น แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ใครต่างก็ดูออกถึงคำตอบของนาง
จิ่งหยาวทำทีไร้เดียงสา กะพริบตาปริบๆถามออกมาเสียงต่ำว่า "เช่นนั้นนางฟ้าหลิวอวิ๋นต้องเรียกฮูหยินเหยาว่าอะไรกันแน่เล่า? เรียกอาหญิง หรือเรียกท่านแม่? อ๊า หรือเรียกว่าท่านพี่?"
ท่านพี่ เพราะพวกนางร่วมกันมอบกายให้บุรุษคนเดียวกัน เหยาซู่เป็นอนุที่มาก่อนนาง สตรีที่มาทีหลัง เรียกท่านพี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่นี่มันสับสนมั่วซั่วเพียงไรกันนี่!
มันช่าง....
สุดจะทนจริงๆ
สายตาทุกคนที่มองซู่หลิวอวิ๋นเปลี่ยนไปหมดแล้ว
ซู่หลิวอวิ๋นเห็นคำว่าแพศยา เย้ยหยัน ตกใจ ไม่แยแสและดูถูกจากแววตาเหล่านั้น เมื่อก่อนพวกเขามักมองนางด้วยสายตาตะลึง ชื่นชม เลื่อมใส บางทียังมีอิจฉาและริษยา ไม่เหมือนกับตอนนี้เลย
มันทำให้นางรับไม่ได้
เหยาซู่กลับเดือดจัดกับคำพูดนั้นของจิ่งหยาว นางชักกระบี่ออกจากเอวผู้อาวุโสคนหนึ่งข้างๆ และแทงไปทางจิ่งหยาว ในเวลาเดียวกันก็ร้องบอกอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน "เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเย้ยหยันพวกเราแม่ลูก? จิ่งเมิ่งนังแพศยานั่นชอบพี่ชายตนเอง หลังจากเขาแต่งงานมีลูกสาวก็ริษยาจนแทบบ้า เลยฆ่าพี่ชายพี่สะใภ้ตายหมด แล้วเอาลูกสาวเขามาเลี้ยงข้างกายตนเอง เจ้าคิดว่าเจ้ามีดีอะไรกัน?"
....ข่าวสะเทือนเลือนลั่นอีกข่าวหนึ่งแล้ว
จิ่งหยาวหันไปมองนางฟ้าเมิ่งปี้ทันที
สีหน้านางฟ้าเมิ่งปี้เขียวสลับขาว ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ ใครก็ดูออกว่าที่เหยาซู่พูดเป็นความจริง
ฮูหยินเจ้าบ้านสามชิวแห่งอุทยานเขาธนูเทพแอบเบ้ปาก ในใจร้องไอ๊หยา
สามขุนเขาที่คนทั้งใต้หล้ายกย่องเลื่อมใส ที่แท้ก็สกปรกโสโครกเยี่ยงนี้ แต่ละคนช่างน่ารังเกียจ นางกลับไม่รู้ว่า อุทยานเขาธนูเทพก็ไม่ได้ดีไปยิ่งกว่าหรอก?
"พอได้แล้ว!" ผู้อาวุโสใหญ่ตะคอกเสียงดัง ซัดฝ่ามือใส่ไหล่ขวาเหยาซู่ กระบี่ในมือเหยาซู่หล่นลงพื้น มองเขาด้วยสีหน้าซีดเผือด มีแววสับสนในแววตานั้น
ตอนแรกนางแค้นเขานัก แต่ยิ่งแค้นพี่ชายตนมากยิ่งกว่า ผู้ครองเขาเฉินอวิ๋น เพราะทั้งๆที่นางมีลูกสาวกับเขาแล้วแท้ๆ แต่เขากลับส่งนางให้ผู้อาวุโสใหญ่เพราะความงามของนาง เพราะได้ลิ้มลองรสชาติบนเตียงอันเลิศรสของนางแล้ว
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะในมือผู้อาวุโสใหญ่มีกองทหารห้าหมื่นนายนั่น พี่ชายนางก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจเขาเพียงนี้ ดังนั้นนางก็แค้นผู้อาวุโสใหญ่
แต่หลายปีมานี้ ที่จริงผู้อาวุโสใหญ่ดีกับนางไม่น้อย อีกอย่าง เขาก็หน้าตาหล่อเหลาองอาจ ทำให้นางพึงพอใจยามอยู่บนเตียงได้...
หลังจากแม่แท้ๆของน่าหลานฮั่วซินตายลง นางก็ไม่ต่างอะไรกับฮูหยินปกครองในเรือนหลังของเขา ดังนั้นหนึ่งปีมานี้นางรักเขาจริงๆ อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาอย่างมีความสุข แต่เวลานี้เอง เขากับลูกสาวนางกลับ...
เหยาซู่ไม่มีทางรับเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว
นางยิ้มอาดูร มองผู้อาวุโสใหญ่หนึ่งครั้ง และมองซู่หลิวอวิ๋นอีกครั้ง จากนั้นหมุนตัวพุ่งเข้าชนเสาอย่างแรง
หัวแตกเลือดไหล ค่อยๆเอนร่างลง และไม่มีลมหายใจไปเลย ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าเขียวปั๊ด สองมือสั่นเทา ซู่หลิวอวิ๋นพลันร้องกรี๊ดออกมา ดึงทึ้งผมเผ้าตนเอง
จิ่งหยาวขยับเข้าคาดคั้นจิ่งเมิ่ง "นางหลอกข้าใช่ไหม? ท่านฆ่าพ่อแม่ข้า? ท่านก็ชอบพี่ชายแท้ๆของตนเอง? ท่านก็วิกลจริตด้วยงั้นรึ หา!" ก่อนหน้านี้นางยังเย้ยหยัน ซู่หลิวอวิ๋น ช่างน่าขันยิ่งนัก!ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนี่ มีเสียงเย็นชาดังเข้าหูทุกคน
"ครึกครื้นขนาดนี้เลย?"
ทุกคนพลันหันขวับไปมอง เห็นโหลชีกับเฉินซ่าจูงมือกันมายืนอยู่ตรงหน้า ลูกน้องของพวกเขาตามหลังมา กำแพงที่ภาพลวงตาสร้างขึ้นตรงหน้ามองไม่เห็นแล้ว เห็นได้ชัดว่า พวกเขาทำลายค่ายกลบังตา และยังทำลายกลไก จนสามารถหาห้องลับควบคุมนี้เจอ
"หลิวอวิ๋น ตั้งสติหน่อย ฆ่าเฉินซ่ากับโหลชีก่อน!" ผู้อาวุโสใหญ่ไม่สนใจเหยาซู่อีก เขาปราดมาข้างกายซู่หลิวอวิ๋น โอบเอวนางแนบชิด
ซู่หลิวอวิ๋นสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นช้าๆ เห็นคนคู่นั้นที่เคียงคู่กันมา พวกเขาสิถึงเรียกว่าคู่ควร นางกับผู้อาวุโสใหญ่เป็นตัวอะไรล่ะ? แววตาซู่หลิวอวิ๋นแปรเปลี่ยนคล้ายปกคลุมด้วยหมอกควันทะมึน ใบหน้างดงามเลิศล้ำพลันเปลี่ยนไป
โหลชีรับคำ ก่อนกวาดตามองทางเฉิงสิบ จากนั้นชักแส้ปลิดวิญญาณออกมา หันตัวฟาดไปทางเจ้าบ้านสามชิว
ในเมื่อคุณหนูรองชิวมาขอพึ่งนาง ก็ถือเป็นคนของนางแล้ว คนของนาง นางต้องคุ้มครอง ล้างแค้นให้คุณหนูรองชิวแล้วกัน
สะบัดแส้ไปทีหนึ่ง รังสีอำมหิตทะมึน เจ้าบ้านสามชิวใจกระตุก พบว่าตนไม่มีหนทางหลบแส้อันเจ้าเล่ห์นี้ของโหลชีได้ เขาจึงเอื้อมมือไปดึงภรรยามาบังหน้าตน
"อ๊า!"
เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น ฮูหยินเจ้าบ้านสามชิวโดนแส้นี้เข้าไปจนเสื้อผ้าฉีกขาด นอนแบบลงพื้น นางไม่คิดเลยว่าสามีตนจะเอาตนเป็นโล่กันแส้ จ้องมองเขาตาเขม็ง
"อุทยานเขาธนูเทพก็น่ารังเกียจจนทำให้คนอยากอาเจียนจริงๆนะ" โหลชียิ้มเย็น สายตาไหววูบ สะบัดเข็มเงินสามเข็มด้วยมือซ้ายไปทางด้านหลังอิ้นเหยาเฟิง ผู้ชายที่จะลอบโจมตีอิ้นเหยาเฟิงล้มลงอย่างช้าๆ
"อิ้นเหยาเฟิง ถ้าเจ้ายังเอาแต่มองเฉิงสิบ เขาจะไม่เป็นไร แต่เจ้าจะตายอยู่ที่นี่" อิ้นเหยาเฟิงสะอึก รีบตั้งใจพุ่งเข้าหาศัตรูสองคนตรงหน้า เมื่อครู่นางก็แค่... อยากดูว่าชิวชิ่นเซียนที่อยู่บนหลังเฉิงสิบจะทำอะไร และนางก็เห็นเฉิงสิบคอยปกป้องชิวชิ่นเซียนบนหลังตลอด ซึ่งก็หมายความว่า เขาจะพยายามรับมือศัตรูอย่างสุดกำลัง ไม่ให้ชิวชิ่นเซียนตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด
นางไม่เคยเห็นเฉิงสิบทำกับสตรีคนอื่นใดแบบนี้เลยนอกจากโหลชี เฉิงสิบคอยปกป้องชิวชิ่นเซียนที่อยู่บนหลังจริง เขากลัวนางจะได้รับบาดเจ็บอีก มือหนึ่งประคองร่างนางไว้ อีกมือจับกระบี่ฟาดฟันศัตรู ไม่ได้สังเกตเลยว่าฝ่ามือเขาที่จับก้นของชิวชิ่นเซียนค่อยๆเลื่อนลงไปอยู่ในตำแหน่งที่น่ากระอักกระอ่วน
ยามชิวชิ่นเซียนฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกได้แล้ว สีหน้านางแดงก่ำฉับพลัน นางพิงหลังเฉิงสิบอยู่ กลิ่นอายสดชื่นบนตัวเขากระทบจมูกนาง ทำให้ใบหน้านางร้อนผ่าว จากนั้นนางรู้ตัวว่าพวกเขาอยู่กันที่ไหน ก็ตกใจ และตบไหล่เฉิงสิบพลางว่า "รีบวางข้าลงเร็ว"
พอขยับครั้งนี้ นางพบว่าแผลของตนแทบไม่เหลือความเจ็บปวดแล้ว! มันทำให้นางตกใจยิ่งนัก ธนูนั้นปักเข้ากลางหน้าอกนางจริงๆนี่นา! แต่เวลานี้นางไม่มีเวลาคิดมาก ดิ้นรนให้เฉิงสิบวางนางลง
เฉิงสิบวางนางลง และยัดมีดสั้นเล่มหนึ่งใส่มือนาง "นี่คือพิชิตวัน ถือให้มั่นอย่าทำร้ายตัวเองล่ะ"
คำกำชับด้วยใบหน้าเย็นชาและเสียงเย็นชาของเขากลับทำให้หัวใจของชิวชิ่นเซียนหวานล้ำ นางตอบรับเสียงเบาว่า "ข้าจะระวัง"
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก รีบเข้าสู่วงล้อมการฆ่าฟันอย่างรุนแรงนี้ทันที
อีกฝ่ายคนมากเกินไปแล้ว
แต่ทางนั้น กระบี่ดื่มเลือดของเฉินซ่าได้ส่งรังสีกระบี่สีดำออกมาแล้ว ทุกครั้งที่เขาสะบัดกระบี่ รังสีกระบี่สีดำก็เหมือนกับงูดำตัวหนึ่งที่มีความอำมหิตและความอาฆาตกอดวัดเกลียวขวักไขว่กัน พุ่งเข้าหาผู้อาวุโสใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
ผู้อาวุโสใหญ่ถึงจะยังไม่แพ้ แต่เห็นได้ชัดว่ารับมือได้อย่างลำบากพอดู เขาโกรธแค้นนัก เขาเคยสะบัดซัดเฉินซ่าตกเขาได้ มีหรือจะคิดไปถึงว่า วันหนึ่งคนผู้นี้จะกลับมาสู้กับเขาจนแทบไม่เหลือความมั่นใจเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ