ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 493

อันที่จริงแล้ว ยาที่โหลชีกินเมื่อกี้ ฤทธิ์ยาออกมาแล้ว ที่นางกินคือยาที่ทำจากปลาดุกเทพ ไม่รวมอย่างอื่น ก็คือไม่ลดสรรพคุณยา ดังนั้นเลยเห็นผลเร็ว

แต่แทบจะไม่มีใครเห็นว่านางกินยาเลยนี่นา และไม่มีใครเห็นว่ายาขวดนั้นพอนางหยิบออกมาแล้วมียัดสายรัดเอวกลับเข้าไป?

ในสายรัดเอวนาง ที่มีค่ามากที่สุดคือยาที่ทำจากปลาดุกเทพขวดนี้นี่แหละ ต่อจากนั้นก็เป็นหญ้าปีศาจ

ก็ไม่ได้แปลว่ายาอื่นไม่ล้ำค่า แต่ยาสองชนิดนี้เป็นยาที่หายากที่สุดฤทธิ์ยาดีที่สุดสองอย่าง เป็นไปได้ว่าจะหาอีกไม่ได้แล้ว

แต่ยาอย่างอื่นครึ่งหนึ่งถูกเอาไป อีกครึ่งตกหล่นหมด นางไม่กล้าให้พวกเขากินปลาดุกเทพ เพราะถ้าพวกเขารักษาอาการบาดเจ็บภายในดีแล้ว ยิ่งรับมือได้ยากขึ้น

อวิ๋นสกัดหลงเอี๋ยนไว้ แต่ตอนนี้ตัวเองก็เริ่มยากจะควบคุมได้แล้ว ร่างกายร้อนดั่งไฟเผา บางจุดแน่นเกร็งราวธนูที่ขึ้นสายแล้ว บวมจนใกล้ระเบิด ร่างกายเป็นเรื่องหนึ่ง สำคัญคือจิต จิตใกล้จะโดนทำลายจากความปรารถนานี้แล้ว

พวกเขาต่างได้ยินเสียงเฉิงสิบและหลงเอี๋ยนกัดฟันกรอด ดังตาตาๆๆ นี่เป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่แสดงว่าถึงขีดสุดแล้ว

ปุ๊

เฉิงสิบสะบัดกระบี่แทงเข้าที่ขาตนเอง เลือดสดหลั่งริน ความเจ็บปวดและกลิ่นคาวเลือดทำให้เขาได้สติขึ้นมาอีก

"แม่นาง ท่านไปก่อน"

โหลชีเอียงคอมองเขา กัดปาก ยังไม่ทันพูดอะไร หลงเอี๋ยนก็ชักกระบี่ออกมาแทงเข้าขาตนเอง กัดฟันบอกอวิ๋นว่า "องครักษ์อวิ๋น ปล่อย"

อวิ๋นมองเขา และปล่อยเขา คุกเข่าลงข้างโหลชี "พระสนม เหยียบไหล่ข้าน้อยขึ้นไปเถิด"

เขารู้สึกได้ว่า อาการบาดเจ็บภายในของนางดีขึ้นแล้ว

โหลชีมองบาดแผลพวกเขา พวกเขาไม่สนใจทำแผลตนเองเลย เฉิงสิบถึงกระทั่งบิดกระบี่ ให้แผลตนเองใหญ่ขึ้น

โดนบีบคั้นถึงขั้นนี้ โหลชีโกรธจัดคุกรุ่น "พวกเจ้าทนไว้"

นางไม่ได้คิดจากไปแต่นั่งขัดสมาธิลง ด้านหน้าเป็นผงยาที่สาดกระจาย แต่พวกเขาดูไม่ออกว่านางคิดจะทำอะไร

ในห้องลับ ซู่หลิวอวิ๋นกัดฟันกรอด "พวกเขาบ้าไปแล้วหรือไง? ทำไมยังไม่ขยับอีก?"

นางคิดไม่ถึงจริงๆว่า สามคนนั้นจะยอมทำลายตนเอง แต่ไม่ยอมแตะต้องโหลชีแม้เพียงนิด! นี่มันเพราะอะไรกัน?

พวกผู้อาวุโสใหญ่กลับเลิกคิ้วชื่นชมว่า "ทั้งสามคนเป็นลูกผู้ชายจริงๆ"

"ลูกผู้ชายกะผีสิ! ข้าจะเพิ่มยาให้พวกเขา!"

ซู่หลิวอวิ๋นลุกขึ้นพรวด กำลังจะออกไปก็ชนเข้ากับผู้อาวุโสรองที่เอาสายรัดเอวของโหลชีกลับมา นางจ้องมองสายรัดเอวในมือเขา และยื่นมือแย่งมาเลย "ให้ข้า!"

ผู้อาวุโสรองไม่คิดว่าจู่ๆนางจะลงมือ สายรัดเอวนั่นโดนนางแย่งไปโดยพลัน สีหน้าเขาขาวสลับเขียวทันที เห็นได้ชัดว่าฝีมือเขาด้อยกว่านาง!

ซู่หลิวอวิ๋นเทยาในสายรัดเอวออกมา แต่นางไม่ถนัดด้านนี้ ดังนั้นจึงเทยาออกมาทั้งหมด รอจนนางเทยาออกมาขวดหนึ่งในนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ที่ปล่อยให้นางเกเรนั้นพลันยืนขึ้นและคว้ามือนางไว้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ผงยาในนั้นถูกนางเทออกมา กระจายฝุ่นผงสีดำออกมา ผู้อาวุโสใหญ่รีบดึงซู่หลิวอวิ๋นหลบ แต่ซู่หลิวอวิ๋นกลับอยากอาเจียนเพราะกลิ่นเหม็นของผงยานั่น อีกมือหนึ่งจึงปัดออกไป

ผงยานั่นโดนปัดไปทางตัวผู้อาวุโสรอง เขายืนอึ้ง กำลังจะพูดอะไร ทั้งตัวพลันแข็งทื่อ

"หญ้าปีศาจดิบชื้น!"

ผู้อาวุโสใหญ่พูดคำนี้ออกมาด้วยสีหน้าทะมึน

ซู่หลิวอวิ๋นมองไปทางโหลชีโดยพลัน แสดงสีหน้าลิงโลดออกมา "พวกเขาทนไม่ไหวแล้ว!" นางไม่สนหรอกว่าผู้อาวุโสรองจะเป็นยังไง

"แม่นาง...."

เฉิงสิบแทงกระบี่ลงขาอีกข้าง โหลชีโผเข้าไป จับข้อมือเขาไว้ สะบัดกระบี่ในมือเขาทิ้งไป แต่กลิ่นหอมของร่างกายนางลอยเข้าจมูกเฉิงสิบ เขาใกล้จะบ้าแล้ว กางแขนโอบกอดเอวนางไว้ทันที

เฉินซ่ากำลังช่วยปลุกเทียนอิ่ง และพยายามยันร่างลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หันไปเห็นภาพนี้พอดี เขาแทบกระอักลมหายใจตาย

"เฉิงสิบเอามือออก!"

เขาซัดฝ่ามือไป ผนังสั่นสะเทือน มีฝุ่นคละคลุ้ง

"ฝ่าบาทโปรดใจเย็นก่อน!" เทียนอิ่งทนความอยากไอ และจับมือเขาไว้ เฉินซ่าแผ่ซ่านไอเย็นออกมาทั่วร่าง และเห็นอวิ๋นก็โผเข้าหาโหลชีเหมือนกัน พลางวางมือบนไหล่นาง กอดไหล่นางไว้แน่น เหมือนจะรัดนางเข้าอ้อมกอดตน อีกด้าน หลงเอี๋ยนเริ่มถอดทิ้งเสื้อผ้าตนแล้ว

แทบจะไม่ต้องใช้สมองคิด ก็รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะสับสนอลหม่านแค่ไหนกัน ไม่น่าดูแค่ไหน!พระสนมของประเทศ กับสามองครักษ์....

ซู่หลิวอวิ๋นลิงโลดจนสั่นเทาไปทั้งร่าง กำมือผู้อาวุโสใหญ่แน่น มองดูตาไม่กะพริบพลางว่า "ดู รีบดู นังแพศยาโหลชีก็จะป่นปี้แล้ว นางจะย่อยยับแล้ว!"

ผู้อาวุโสใหญ่มองนาง เพียงรู้สึกว่านางที่เคยงดงามอ่อนโยนบัดนี้ราวกับกลายเป็นมาร แต่เขาก็รู้สึกธรรมดา ไม่ร้ายไม่บ้า จะตามติดเขาไปยังเส้นทางของราชาในภายภาคหน้าได้อย่างไร?

ซู่หลิวอวิ๋นไล่ตามด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่ไม่ได้ทำร้ายมันแม้เพียงปลายขนสักนิด นางโกรธจนแทบกระอักเลือด

"ใครก็ได้ ใครก็ได้!" นางร้องตะโกนเสียงดัง

ในห้องควบคุมนี้เดิมก็มิใช่ใครจะเข้ามาก็ได้ แต่ตอนนี้ใครเลยจะสนใจเรื่องพวกนี้อีก

เพียงแต่ยามคนบุกเข้ามา วู๊วูก็หนีออกไปแล้ว เหลือเพียงกลิ่นฉี่เต็มห้อง คนที่เข้ามาก็มีศิษย์ของเขาเฉินอวิ๋น พอเห็นสภาพน่าอนาถของซู่หลิวอวิ๋น ในใจรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี นี่ไหนเลยจะเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ที่เคยอยู่ในใจพวกเขา? สตรีเสียสติชัดๆ

"เรียกคนทั้งหมดออกไปตามหาโหลชี! พบนางเมื่อใดฆ่าได้ไม่เว้น!" ดวงตานางแดงก่ำพลางกัดฟันบอก

"ขอรับ!"

พวกโหลชีออกจากหลุมดักได้ ก็พบว่าภูเขานี้ซับซ้อนนัก ช่องว่างใหญ่มาก มีทางที่สร้างขึ้นง่ายๆคดเลี้ยวไปมาไม่น้อย ดูท่าเหมือนเขาวงกตในภูเขา

"พระสนม พวกเราไปทางนี้" อวิ๋นพูดเสียงต่ำ ชี้ไปทางขึ้นเขาแคบๆด้านขวาทางหนึ่ง

เขามองขาของเฉิงสิบและหลงเอี๋ยน ยังคงไม่ได้สติจากความตะลึงในฤทธิ์ยาอันน่าอัศจรรย์ของปลาดุกเทพนั่น มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ สามารถสมานแผลได้ในทันที และรักษาอาการบาดเจ็บภายในของพวกเขาหายสิ้น เขาเองก็ไม่คิดว่าบนตัวเฉิงสิบจะมีสายรัดเอวที่บรรจุยาไว้เต็มเช่นกัน!

ที่โหลชีไม่ได้ทำยาให้พวกเขาเร็วนัก เพื่อหาว่ากลไกอยู่ที่ไหน นางเดาได้ว่า ซู่หลิวอวิ๋นต้องจับตามองพวกเขาอยู่แน่ และจะให้เฉินซ่าเห็นภาพนี้ด้วย

ส่วนหญ้าปีศาจที่ถูกแย่งไปก่อนหน้านี้ ขอเพียงพวกเขาเปิดออก วู๊วูต้องหาจุดที่พวกเขาอยู่เจอแน่นอน

"ไป"

หลังจากออกมาแล้ว ความสามารถในการหาทิศทางของอวิ๋นดีกว่าโหลชีหน่อย เมื่อก่อนเฉินซ่าก็เคยสอนวิชากลไกให้เขาอยู่บ้าง ดังนั้นโหลชีเลยให้เขาเดินนำหน้า

เฉินซ่าในเวลานี้กำลังยืนประจันหน้ากับผู้อาวุโสใหญ่ แววตาทอประกายอำมหิตไร้ขอบเขต

"ดีมาก รู้ว่าข้าจะฆ่าเจ้า ก็มาหาความตายถึงที่เลย" เฉินซ่าพูดเสียงขรึม

"เฉินซ่า เจ้าไม่อยากเห็นกองทหารราชวงศ์เฉินของเจ้ารึ? ได้ยินว่า มีสมญานามว่ากองราชาอสูรเทพเชียวนะ!"

ผู้อาวุโสใหญ่ดูราวกับเคร่งขรึม แท้จริงแล้วในใจร้อนรุ่มนัก พวกเขาต่างเห็นโหลชีหนีจากอันตรายไปแล้ว ก็ไม่มีทางเอาความบริสุทธิ์ของโหลชีมาบีบบังคับเขาได้อีก

"ข้าต้องดูพวกเขาแน่" เฉินซ่ากุมกระบี่ดื่มเลือดในมือแน่น ในตอนนี้เอง กระบี่ดื่มเลือดพลันส่งเสียงออกมา จากนั้นสั่นสะท้านหนีมือเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ