หลังจากกระบี่สี่ดำพุ่งออกจากมือและไปหมุนวนรอบหัวพวกเขาหนึ่งรอบ มันส่งรังสีกระบี่สีดำออกมา รังสีกระบี่นั่นกระจายไปทั่ว ประหนึ่งไร้จุดหมายให้โจมตี
ผู้อาวุโสใหญ่เบิกตากว้าง ดึงกระบี่อ่อนออกจากเอว พอกระบี่นั่นสั่น คดเคี้ยวเลี้ยวลดประหนึ่งงู ตวัดไปหากระบี่ดื่มเลือด
ในเวลาเดียวกัน ก็ซัดฝ่ามือไปทางเฉินซ่า
ถึงเขาจะไม่ให้เฉินซ่าตาย แต่ก็ไม่มีทางให้เขามีโอกาสทำร้ายตนเอง
เพียงแต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือข้างหูเฉินซ่าเกิดมีเสียงระฆังดังขึ้นมา เสียงนั้นราวกับมาดังข้างหู ทำเอาเขารู้สึกมึน
และเวลานี้ฝ่ามือลมของผู้อาวุโสใหญ่มาถึงหน้าอกเขาแล้ว ในเวลาเดียวกัน รังสีกระบี่สีดำนั่นก็พุ่งมาที่หัวเฉินซ่า
เฉินซ่ากลับเหมือนไม่มีสติ ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ไม่ได้รู้สึกเลยว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตราย
ใครก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เทียนอิ่งเองก็คิดไม่ถึง ก่อนที่เขาจะรู้เรื่องโดยละเอียด เขาก็ได้ใช้พลังทั้งหมดพุ่งชนไปที่เฉินซ่า เขาชนเฉินซ่าออกไป ฝ่ามือนั้นของผู้อาวุโสใหญ่ซัดเข้าที่หน้าอกเขาอย่างจัง ในเวลาเดียวกัน รังสีกระบี่สีดำก็ฟันมาที่หัวเขา
เทียนอิ่งร่างแข็งเกร็ง มีเลือดไหลออกจากมุมปาก เขาเหลือบตาขึ้นมองผู้อาวุโสใหญ่ เห็นเขาขมวดคิ้วแสยะยิ้มออกมา
ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาแปลกยิ่งนัก กำลังจะถอยออก เทียนอิ่งกลับจับมือเขาไว้มั่น ไม่รู้เขาเอาแรงมาจากไหน ผู้อาวุโสใหญ่กลับสลัดไม่หลุดเลย
รังสีกระบี่สีดำกำลังพุ่งมาที่รอบตัวพวกเขา
เทียนอิ่งจับผู้อาวุโสใหญ่ไว้มั่น ผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจจุดประสงค์เขาก่อนรังสีกระบี่เข้าใกล้นิดเดียว แต่มันสายไปแล้ว มีรังสีกระบี่อีกสองสายพุ่งเข้าร่างเทียนอิ่ง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีรังสีกระบี่สามสายพุ่งเข้าแผ่นหลัง ท้ายทอยและไหล่ของผู้อาวุโสใหญ่
เสียงปุ๊ๆๆๆดังขึ้นติดๆกัน จากนั้นก็มีรังสีกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา เทียนอิ่งไร้เรี่ยวแรงจะถอยหนี แต่ยังคงจับผู้อาวุโสใหญ่ไว้มั่น ทำให้เขาเองก็ไม่มีทางถอยหนีเหมือนกัน
แต่ว่าไม่นานพวกเขาก็โดนยิงกลายเป็นรังผึ้ง
ติ๊ง
มีรังสีกระบี่พุ่งหาเฉินซ่า แต่ไม่ได้จะทำร้าย เพียงแค่ปาดผ่านแขนเขาเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดแค่นี้ช่วยเรียกสติเขา
แต่สายตาตอนเขาคืนสติกลับไม่เหมือนกับปกติเลย ดวงตาดำขลับกระจ่างใสเมื่อก่อนบัดนี้เหลือแค่แววอำมหิตอย่างแรงกล้า เขากลอกตาไปมาอย่างทื่อๆ มองดูเทียนอิ่งที่ค่อยๆแข็งเกร็งขึ้น ในดวงตาคู่นั้นไร้วี่แววหวั่นไหวหรือความรู้สึกใดๆ
มองเพียงแวบเดียว สายตาเขาก็เบนไป เงยหน้ามองกระบี่เล่มนั้น กระโดดวูบเดียวสะบัดมือนิดหน่อย กระบี่ก็กลับเข้ามืออีกครั้ง
ที่น่าแปลกคือ กระบี่ก็กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง ราวกับการเสียความควบคุมเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา
"ฆ่า..."
ริมฝีปากบางเบาของเขาขยับเล็กน้อย พร่ำคำนี้ออกมา ไม่เห็นเขาใช้แรงอะไร ก็พุ่งทะยานขึ้นข้างบน เร็วจนน่าตกใจ
"เฉินซ่า...."
พอออกจากหลุม เขาปรายตามองรอบข้าง ถือกระบี่อย่างนั้นพุ่งตรงไปข้างหนึ่ง
ด้านหลังเขา ซู่หลิวอวิ๋นที่แอบซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงหินปราดร่างออกมา เดินมามองลงไปที่ปากทางหลุม สีหน้านางตกตะลึงมาก ผู้อาวุโสใหญ่ตายที่นี่แล้ว? นี่เป็นผลลัพธ์ที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย!
การตายของชายผู้นี้ไม่ได้มีผลกระทบอันใดกับนางมาก หรือกระทั่ง นางยังแอบลิงโลดดีใจ ชายแก่ที่แย่งเอาความบริสุทธิ์ของนางไป ในที่สุดก็ตายซะที เช่นนั้นต่อไปนางก็มิต้องหลับนอนกับชายแก่ผู้นี้แล้ว!
แต่ที่นางรู้สึกแปลกมากก็คือ เหตุใดเฉินซ่าเห็นองครักษ์ลับของตนตายต่อหน้าแท้ๆ กลับไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสักนิด?
และที่แปลกไปยิ่งกว่าคือ เขากำลังบาดเจ็บสาหัสมิใช่รึ? จากการกระโดดเมื่อครู่มันมองไม่ออกเลยสักนิด
ซู่หลิวอวิ๋นแอบคาดเดาในใจ การคาดเดาเช่นนี้ทำให้นางหัวใจเต้นรัว นางรีบตามไปทางที่เฉินซ่าจากไป
ในช่องว่างภูเขาใหญ่มากจริงๆ และถูกจัดเป็นพื้นที่ลับของเขาเวิ่นเทียน ในนี้มียอดฝีมือเขาเวิ่นเทียนไม่น้อยคอยคุมเชิง ยังมีพวกทำยา เวลาผู้อาวุโสใหญ่จะทำเรื่องที่ลึกลับไม่อาจให้ใครรู้ได้ก็ทำที่นี่ทั้งหมด
เฉินซ่ามุ่งไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเจอใคร เขาก็จะสะบัดกระบี่ฆ่าฟันด้วยสายตาอำมหิตแต่สีหน้าไร้อารมณ์ทั้งสิ้น
และคนที่เขาพบก็ไม่มีใครรอดพ้นมือเขาไปได้เลย ล้วนแต่ตายเมื่อแรกเจอทั้งนั้น บางคนยังไม่ทันได้เห็นหน้าเฉินซ่าเลยด้วยซ้ำ เงากระบี่สะบัด ก็หัวหลุดจากบ่าแล้ว
ไม่นานก็เป็นศพมาตามทาง เลือดนองเต็มพื้น
ซู่หลิวอวิ๋นแอบตามมาข้างหลัง ยิ่งดูยิ่งตกใจ แต่พอยิ่งตกใจก็ยิ่งลิงโลด เฉินซ่าไม่เหมือนกำลังหาโหลชี! เพราะตลอดทางก็เจอศิษย์หญิงหลายคน ชุดกระโปรงพลิ้วไสว แต่เขาไม่คิดจะชายตาแลเลย และสะบัดกระบี่ฆ่าทิ้งแล้ว
ถ้าหาโหลชี พอเห็นเป็นหญิง ก็น่าจะดูสักหน่อยว่าใช่นางหรือไม่? ไม่มีโหลชี ยังมีพวกอิ้นเหยาเฟิงคุณหนูรองชิวอยู่นะ เขาไม่กลัวฆ่าผิดบ้างหรือไง?
นอกเสียจากว่า...เขาไม่มีสติแล้ว
การคาดเดานี้มุดเข้าสมองซู่หลิวอวิ๋นและไม่ออกไปอีกเลย นางตามติดเฉินซ่าอย่างละเอียดขึ้น สังเกตเขาอย่างละเอียด
สายตาเฉินซ่าเยือกเย็นอำมหิตนัก กระบี่ในมือมิรู้ว่าฆ่าคนไปเท่าไหร่แล้ว ตลอดทางที่ไป เลือดหยดไปตลอดทาง เขาเหมือนกับมุ่งตรงเรื่อยๆ และไม่มีมองซ้ายมองขวาหาร่องรอยของโหลชี
ซู่หลิวอวิ๋นรู้ว่าทางนี้เดินต่อไปหาโหลชีไม่เจอแน่ นี่เป็นทิศทางตรงกันข้ามกับที่ที่คุมขังโหลชี
จะไปที่ใดกันนี่?
ในตอนที่ซู่หลิวอวิ๋นเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก เฉินซ่าหยุดลง มีประตูหินหนักมหึมาตรงหน้าเขา
ซู่หลิวอวิ๋นมองประตูหินนั่นแล้วสั่นสะท้าน
ที่นี่...ที่ที่คุมขังกองทหารห้าหมื่นนายนั่น!
นางเคยได้ยินบิดาตนพูดมานานแล้วว่า กองทหารห้าหมื่นนายถูกผู้อาวุโสใหญ่ขังไว้ในเขาเวิ่นเทียน ต้องเป็นที่นี่แน่!
แต่เฉินซ่าหาเจอได้อย่างไรกัน?
โหลชีกังวลใจมาก "ไป รีบไปหาเขา"
ก่อนออกไป โหลชีหันไปมองเทียนอิ่งอีกครั้ง ในสมองปรากฏภาพครั้งแรกที่ออกไปกับเขา วันนั้นที่ไปหาหญ้าหยินหยางที่บึงน้ำเย็น
นางสูดลมหายใจเข้าปอด สีหน้าเคร่งเครียด และหมุนตัวออกไปทันที
ขอเพียงเฉินซ่าไม่เป็นไร ถึงจะไม่ทำให้เทียนอิ่งตายเปล่า
"ฝ่าบาทต้องไม่เป็นไรแน่" อวิ๋นเห็นนางสีหน้าไม่สู้ดี ทนไม่ไหวพูดออกมาหนึ่งคำ
โหลชีมองเขา จู่ๆก็ถามขึ้นว่า "เจ้าไม่เป็นห่วงอามู่รึ?"
อวิ๋นอึ้งไปก่อนจะยิ้มเศร้าบอก "เหตุใดจะไม่เป็นห่วง"
"พวกเจ้าแบ่งกันไปหาพวกนาง" โหลชีหยุดยืน ตรงหน้ามีช่องทางแยกหลายทาง "จะให้พวกนางเกิดเรื่องที่นี่ไม่ได้"
"พระสนม หาฝ่าบาทสำคัญกว่า"
โหลชีขมวดคิ้ว "เฉินซ่าเป็นผู้ชายของข้า ข้าต้องหาเขาแน่ องครักษ์อวิ๋น อามู่ตามเจ้ามา เจ้าน่าจะเข้าใจว่านางคิดอย่างไรกับเจ้า ในฐานะผู้ชาย เวลานี้เจ้าควรจะไปช่วยนาง คุ้มครองนาง เฉิงสิบไปตามหาชิวชิ่นเซียนและอิ้นเหยาเฟิง"
ไม่ว่าเฉิงสิบจะคิดกับพวกนางยังไง ชิวชิ่นเซียนกับอิ้นเหยาเฟิงก็เป็นคนกันเอง จะมาละทิ้งไม่ได้
"ขอรับ"
เฉิงสิบกลับไม่ได้ลังเล เขาเคยชินกับการเชื่อฟังทุกคำสั่งของโหลชีแล้ว
ทั้งสองคนเลือกไปกันคนละทาง โหลชีพาหลงเอี๋ยนเดินไปอีกข้าง
ไม่นานพวกเขาก็เห็นซากศพแรก หัวกับตัวแยกจากกัน เลือดไหลนองเต็มพื้น พอเห็นฉากนี้ โหลชีขมวดคิ้วบอก "เฉินซ่าเป็นคนฆ่า"
ยามเขากลายร่างเป็นอาวุธทำลายล้างจะโหดร้ายอำมหิตนัก
ทั้งสองคนเดินต่อไป ตลอดทางมีซากศพมากมายจริงๆ ล้วนแต่เป็นศิษย์เขาเวิ่นเทียน มีทั้งชายและหญิง ส่วนมากศพแยกร่างกัน
"ฝ่าบาทเป็นกระไรไป?" หลงเอี๋ยนอดตะลึงไม่ได้ เพราะเขาดูออกว่า เฉินซ่าฆ่าคนมากมายขนาดนี้ด้วยดาบเดียวเกือบทั้งนั้น ไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายเตรียมตัวเลย
ยิ่งดู โหลชียิ่งใจคอไม่ดี นางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่ในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงทางเลี้ยว ก็มีผู้หญิงในชุดเปิดเผยโผล่มาหลายคน
ลัทธิดอกงู
"โหลชี เจอกันอีกแล้วนะ"
สตรีผู้หนึ่งเท้าคางยิ้มหวานให้โหลชี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ