ผู้หญิงคนนี้โหลชีรู้จักอยู่แล้ว และยังจำได้แม่นเลยด้วย แต่นางไม่คิดว่านางจะมาอยู่กับศิษย์หญิงของลัทธิดอกงู
ผู้หญิงคนนี้คือพระชายารองซ่งของจวนอ๋องเหอชิ่งแห่งตงชิง น้าหญิงของผูยู่เหอ
"พระชายารองซ่งมีสัมพันธ์กับผู้อาวุโสคนไหนของเขาเวิ่นเทียนลับหลังอ๋องเหอชิ่งรึ?" ถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงเฉินซ่ามากแค่ไหน แต่ตอนนี้สีหน้าโหลชียังคงราบเรียบ เรื่องเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงน่ะนางทำเป็นนานแล้ว
"เหอะเหอะ พูดเรื่องนี้กับข้าไม่มีประโยชน์ดอก ข้ามิได้หน้าบางเพียงนั้น" พระชายารองซ่งแค่นยิ้มหยัน
โหลชีพูดต่อ "ก็จริงนะ คนที่สามารถส่งหลานสาวแท้ๆไปขึ้นเตียงสามีตนเองได้ไม่มีหน้านานแล้ว อ้อจริงสิ ไม่รู้ว่าครั้งนี้พระชายารองซ่งมีข้อตกลงอะไรจะคุยกับข้าล่ะ"
พอโดนนางพูดอย่างนี้ ต่อให้หน้าพระชายารองซ่งหนาแค่ไหน ก็อดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้ รอยยิ้มหยันนั่นจางลงไปหน่อย พลางจับจ้องมองนางอย่างเย็นชาว่า "ตอนนี้ตัวเจ้าเองยังเอาไม่รอด ควรค่าพอให้ข้าคุยข้อตกลงอะไรรึ? แต่ว่า ข้าอยากได้ของบนตัวเจ้าอย่างหนึ่ง"
"อ้อ ว่ามาดูสิ"
"ข้าต้องการเลือดของเจ้า" พระชายารองซ่งพลันยิ้มอย่างน่ากลัว" และต้องการเลือดทั้งหมดของเจ้าด้วย ความหมายก็คือ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว"
โหลชียิ้มหวานออกมา "เพราะเหตุใดกัน? ไม่รู้ว่าเลือดของข้ามันล้ำค่ายังไง?"
เลือดของนางต้องล้ำค่าอยู่แล้ว นางกล้าพูดเลยว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรล้ำค่าไปกว่าเลือดของนางอีกแล้ว แต่เรื่องนี้น่าจะไม่มีใครรู้ถึงจะถูกสิ ทำไมพระชายารองซ่งถึงรู้ได้ล่ะ? ต้องรู้ตอนหลังแน่ ไม่งั้นเชื่อว่า นางต้องเกิดความคิดตอนอยู่จวนอ๋องเหอชิ่งนั่นแล้ว
"อย่าเสแสร้งอีกเลย โหลชี ร่างทะเลแห่งยา ของหายากยิ่งนักนะ! ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาได้สักคน เจ้าคิดว่านายท่านของข้าจะปล่อยเจ้าไปรึ? เจ้าบอกข้ามาดีๆเสียดีกว่า ลางทีอาจจะไม่เจ็บปวดขนาดนั้น"
ร่างทะเลแห่งยา?
หรือว่านางรู้ว่าตนกินดวงใจน้ำพุไป?
ถ้าเป็นอย่างนั้น ข่าวนี้อาจจะเป็นเฮ่อเหลียนเจี๋ยปล่อยออกไป หยุนเฟิง...ไม่น่าเป็นไปได้ นางเชื่อใจหยุนเฟิง ขอเพียงหยุนเฟิงไม่กลายร่างเป็นจ้าวหยุน
แต่เจ้านายของพระชายารองซ่งไม่ใช่จางมิ่งหรอ? ตอนนี้ดูท่าจะเป็นคนอื่น
"พรืด" ในสมองคิดไม่หยุด แต่นางกลับหัวเราะพรืดออกมาว่า "ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย และไม่สนใจผู้หญิงด้วย" พอพูดจบ แส้ปลิดวิญญาณในมือก็สะบัดไปหานางทันที
พระชายารองซ่งรีบถอย ศิษย์หญิงลัทธิดอกงูหลายคนนั้นรีบขวางกั้นหน้านางไว้ และพุ่งเข้าหาโหลชี
ผู้หญิงพวกนี้ทั้งตัวมีแต่พิษ โหลชีกำชับหลงเอี๋ยนให้ระวัง แส้ปลิดวิญญาณในมือสะบัดร่ายรำอย่างบ้าคลั่งและอำมหิต พริบตาเดียวก็ซัดผู้หญิงสองคนกระเด็น
แต่หลังจากพวกนางร้องเจ็บปวดก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และโผเข้าหาโหลชีอีกครั้ง สายตามีแววที่ทำให้ขนหัวลุกไปทั่วหัวอย่างแปลกประหลาด ตื่นเต้นลิงโลดและมองดูนางอย่างกับมองเหยื่อ
โหลชีรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ครั้งก่อนที่เห็นพวกนางตอนอยู่ทุ่งน้ำแข็ง พวกนางไม่ใช่แบบนี้ หรือว่าต่อมาศิษย์ลัทธิดอกงูเหล่านี้จะโดนเจ้านายที่แท้จริงของพระชายารองซ่งชักจูงเข้าไป จากนั้นทำให้พวกนางเปลี่ยนแปลง?
"ให้ข้ากัดหนึ่งคำ!"
สตรีที่งดงามหาใครเปรียบผู้หนึ่งพลันอ้าปากกว้างใส่นาง แววตาละโมบนัก เหมือนเห็นนางเป็นอาหาร
"แม่เจ้า ประมุขเสี่ยวชี แววตาสตรีพวกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!" หลงเอี๋ยนอดสบถออกมาไม่ได้
"ข้ากลายเป็นถังซำจั๋งไปแล้ว" โหลชีพึมพำออกมา แส้ปลิดวิญญาณในมือก็ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ตวัดรัดคอสตรีผู้หนึ่ง จากนั้นพันแน่นจนนางขาดอากาศหายใจ และส่งร่างนางไปกระแทกพระชายารองซ่งด้วย
วิทยายุทธ์ของพระชายารองซ่งไม่เท่าไหร่จริงๆ แต่ศิษย์หญิงของลัทธิดอกงูเหล่านี้กลับเหมือนมาเพื่อปกป้องนาง มีสองคนรีบดึงนางหลบการโจมตีครั้งนี้ โหลชีมีหรือจะยอมให้โอกาสพวกนางหายใจ แส้เปลี่ยนเป็นท่อนตรง นิ้วมือกดปุ่มลงไป เข็มพิษหลายเล่มยิงออกไปทันที
"โหลชีเจ้าช่างสกปรกน่ารังเกียจนัก กล้าใช้อาวุธลับ!"
"เหอะ น่าขำจริง ต่อกรกับคนที่จะฆ่าข้า ข้ายังต้องใช้อาวุธเปิดเผยอีกงั้นรึ?" โหลชีเชิดจมูกขึ้น "ให้ข้าบอกเจ้าไหมว่า ต่อไปข้าจะใช้เข็ม!" พอคำว่าเข็มออกมา แส้ปลิดวิญญาณของนางก็ยิงเข็มยาวออกมาหลายอัน แปรเปลี่ยนเป็นแส้อ่อนอีก ตวัดซัดไปหน้านาง
พระชายารองซ่งสีหน้าเปลี่ยน ดูท่าจะตกใจไม่น้อยเลย
"ว่ามา เจ้านายเจ้าเป็นใคร ไม่แน่ข้าอาจจะปล่อยเจ้าไป" โหลชีพลันพูดพลางจ้องตานาง
หลงเอี๋ยนกลับเข้าฆ่าฟันศิษย์หญิงของลัทธิดอกงูพวกนั้นอย่างไม่ยั้งมือและไม่พูดอะไรสักคำ แต่ละกระบวนท่าถึงที่ตายได้เลย เขาไม่สนหรอกว่านี่เป็นสตรีที่งดงามไร้ใครเทียม แล้วจะรู้สึกสงสารพวกนาง
พอแบบนี้ พวกเขาก็ฆ่าคนไปสี่คนแล้ว เหลืออีกแค่หกคนที่ยังคงดื้อรั้นต่อสู้กับศัตรู
"เจ้านายของข้าคือ ท่านอริยะ ท่านอริยะจาง เจ้ามิใช่รู้นานแล้วรึ?" พระชายารองซ่งถอยไปอยู่ด้านหลัง มองพวกเขาต่อสู้กัน มือหนึ่งล้วงเข้าในชายเสื้ออย่างระวัง และหยิบของที่ดูเหมือนหลอดไม้ไผ่เล็กออกมา พลางปรับตำแหน่งอย่างระมัดระวัง พลันสายตาเป็นประกาย เล็งเป้าไปที่โหลชี ใช้เรี่ยวแรงดึงเชือกที่อยู่ด้านหลัง
เสียงบรึ้มดังขึ้น
เกิดหมอกควันสีแดงเหลือกระจายเต็มพื้นที่นี้
ในอากาศมีกลิ่นเสียดจมูกขึ้นมา
ศิษย์หญิงของลัทธิดอกงูที่เหลืออยู่ต่างมีดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลทางหางตาไม่หยุด หายใจลำบาก ต่างหันมองพระชายารองซ่ง "เจ้า..." ชั่วช้านัก แม้แต่พวกนางก็ฆ่าด้วย...
ในจมูกของพระชายารองซ่งไม่รู้ยัดสำลีที่แช่น้ำยาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นางยืนดูพวกนางล้มระเนระนาด แววตาเผยประกายหยามหยันออกมา "นังแพศยา คิดว่าข้าจะอยู่กับพวกเจ้าจริงรึ ข้าไม่มีทางพาพวกเจ้ากลับไปพบเจ้าลัทธิดอก"
โหลชียกมือลูบขนอ่อนนุ่มงดงามของมัน "วู๊วู กลับมาแล้วหรอ? ให้อีกงานนะ เดินตรงไปจากที่นี่ ไปหาฝ่าบาทก่อน ถ้าเขามีอันตราย ต้องช่วยเขา รู้ไหม?"
"วู๊วู!" วู๊วูพยักหน้า จากนั้นก็พุ่งไปด้านหน้า
....
"เฉินซ่า"
นี่เป็นครั้งแรกที่ซู่หลิวอวิ๋นใช้น้ำเสียงอ่อนโยนหวานเล็กเช่นนี้เรียกชื่อเฉินซ่า นางกลั้นหายใจ เห็นดวงตาเขาทอประกายเหม่อลอย ในใจอดลิงโลดไม่ได้
เขาไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่พอเห็นคนก็ฆ่า!
นางค่อยๆเข้าใกล้เขา พูดต่อว่า "ท่านมาทำอะไรที่นี่?"
เฉินซ่ามองดูนาง ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับใช้นิ้วมือกุมขมับ ราวกับหัวเริ่มปวดขึ้นมาอีกแล้ว
"ท่านปวดหัวใช่หรือไม่? ข้าช่วยท่านนวดดีหรือไม่?" ซู่หลิวอวิ๋นอยู่ใกล้เขามากแล้ว ห่างเพียงแค่เจ็ดแปดก้าว นางพูดเสียงเบาต่อว่า "ฝีมือของข้าไม่เลวนะ ช่วยท่านนวดสักครู่อาจจะไม่เจ็บปวดแล้วก็ได้"
เฉินซ่ามองนางอีก จากนั้นหลุบตาลง ซู่หลิวอวิ๋นมองจากมุมนี้ไป ขนตาของเขางามงอนดำขลับ เกิดเงาขึ้นที่ใต้ตาล่าง กลับดูสง่างามเย็นชามากยิ่งขึ้น นางใจเต้นรัว ชายผู้นี้ นางมีโอกาสสัมผัสชายผู้นี้จริงๆแล้วใช่หรือไม่?
ในที่สุดนางก็ยืนอยู่ต่อหน้าเฉินซ่า และเขายังไม่ปฏิเสธคำพูดนาง นางยื่นมือสั่นเทาออกไป เตรียมจะนวดขมับเขา
แต่ในตอนนี้เอง เฉินซ่าพลันยืนตรง จากนั้นยกเท้าขึ้นถีบนางกระเด็นออกไปราวกับภาพช้า
ร่างของซู่หลิวอวิ๋นกระเด็นไปราวกับลูกระเบิดที่ถูกยิงออกไป หลังจากชนเข้ากับกำแพงหินแล้วก็ลอยต่อไป จนกระเด็นไปราวสิบกว่าเมตร นางถึงคว้าจับต้นไม้ไว้ได้ และหยุดขั้นตอนการลอยกระเด็นของตนลงได้ แต่ต้นไม้ที่นางใช้แรงกดไว้กลับโชคร้ายที่มันเป็นต้นไม้ที่มีหนาม สองมือนางถูกหนามแทงจนพรุน ระหว่างที่ร่างร่วงกรูดลำต้นลงมาก็โดนหนามปาดไปอีก เจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว
แต่ที่หนักที่สุดคือฝ่าเท้านั้นที่ถีบนางของเฉินซ่า มันถีบนางจนบาดเจ็บภายในกระอักเลือดออกมา หลังจากร่วงกราวจากต้นไม้นางไม่มีแรงแม้จะปีนขึ้นมา ได้แต่นอนหายใจรวยรินใต้ต้นไม้
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากหางตานาง
เพราะเหตุใด...นางเพียงรักเขาเท่านั้น รักเขามันผิดอะไร เหตุใดจึงยากเพียงนี้....
เสียงระฆังที่สั่นสะเทือนหัวใจดังขึ้นอีก เฉินซ่าหันไปมองประตูหินบานนั้น กระบี่ดื่มเลือดในมือสั่นไม่หยุดอีก เหมือนกับอยากจะหลุดจากฝ่ามือเขาออกไป เฉินซ่าใช้แรงกำกระบี่ไว้มั่น จนข้อนิ้วปูดเป็นสีขาวเขียว
เขาถีบประตูหินเข้าไปหนึ่งเท้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ