ฮูหยินที่หลงเอี๋ยนกล่าวถึง ย่อมหมายถึงโหลหยุนโยวอยู่แล้ว
แต่ว่าตอนนี้โหลฮ่วนเทียนน่าจะยังอยู่ที่ตระกูลโหลถึงจะถูก ทำไมถึงเกิดเรื่องได้?
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?" สีหน้าของโหลชีขรึมลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับตื่นตระหนกเป็นกังวล อย่างไรเสียนางก็ยังไม่ได้ความรู้สึกใดๆต่อโหลหยุนโยว นอกจากนี้ ท่าทีที่โหลหยุนโยวมีต่อนางก็น่าแปลกมากอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
หลงเอี๋ยนยื่นกระดาษที่อยู่ในมือมาให้
โหลชีเปิดออกดู ลายมือบนกระดาษหวัดมาก นางก็มากไม่ออกว่าเป็นลายมือของใคร ลายมือของโหลฮ่วนเทียนนางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น ดังนั้นจึงแยกแยะไม่ออก
บนกระดาษมีเพียงสองประโยค
ฮูหยินไปที่ผาโทงเทียนนัดพบคนลึกลับกลางดึก วันรุ่งขึ้นกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ นายน้อยต้องการจะออกจากตระกูลโหล ถูกเหล่าไท่จวินกักตัวเอาไว้ หอบังคับกฎพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ชั่วขณะหนึ่งไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้
คิ้วของนางขมวดขึ้นมากะทันหัน โหลหยุนโยวนัดพบคนลึกลับกลางดึก? คนลึกลับเป็นใคร? ทำไมโหลฮ่วนเทียนถึงถูกโหลเหล่าไท่จวินกักตัวเอาไว้?
นางรู้สึกว่ามีหมอกปกคลุมเข้ามาเป็นชั้นๆ ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย อันที่จริงโหลหยุนโยวเป็นอย่างไรนางไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่ว่าโหลฮ่วนเทียนถูกขังกลับทำให้ในใจของนางเป็นห่วงขึ้นมากะทันหัน
ก่อนที่อารองของนางจะบอกกับนางเกี่ยวกับความพัวพันระหว่างตระกูลโหลกับซวนหยวนจ้านนางยังไม่ค่อยเป็นห่วงมากเท่าไหร่ เพราะบางทีตระกูลโหลอาจจะเห็นโหลฮ่วนเทียนเป็นหลานโดยสายเลือดของตระกูล แต่ตามที่ซวนหยวนอี้เล่ามา โหลเหล่าไท่จวินรู้ความจริงทุกอย่างอยู่แล้วแท้ๆ นางจะเห็นพี่ใหญ่ของนางเป็นหลานชายแท้ๆได้อย่างไร? เช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่โหลฮ่วนเทียนจะได้รับอันตราย
"อยากไปช่วยเขา?" เฉินซ่ายื่นหน้ามามองเนื้อหาบนกระดาษนั่น สีหน้าราบเรียบมองอะไรไม่ออก
โหลชีก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่ "ท่านยังขาดตัวยานำพาอีกสองชนิด"
ใบหน้าเฉินซ่าถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นมา
จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ดีใจแคบเผด็จการก็ช่าง เขาแค่ชอบให้ผู้หญิงของตัวเองมุ่งมั่นอยู่กับการห้อมล้อมอยู่รอบๆตัวของเขา หากนางไม่สนใจตัวยานำพาของเขารีบร้อนจะไปช่วยโหลฮ่วนเทียน เช่นนั้นเขาต้องโกรธอย่างแน่นอน
เขากำลังจะพูดออกมา เฉินเซียงก็แทรกถามขึ้นมา: "ซ่าเอ๋อร์ เจ้าขาดยาอะไร?"
ใบหน้าของเฉินซ่าดำมืดแล้ว: "อย่าเรียกข้าเช่นนี้?"
เฉินเซียงหดตัวไปทางด้านสามี อายุใกล้จะสี่สิบแล้วสีหน้าท่าทางกลับยังดูเหมือนสาวน้อยที่สวยและน่ารักอยู่เลย มุ่ยปากขึ้นมาเล็กน้อย: "เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าอะไร?"
ความกังวลของโหลชีก็ถูกนางทำให้เบาบางลงไปเล็กน้อย ถามนาง: "ชื่อในอดีตของเฉินซ่าก็คือชื่อนี้หรือ? ฮ่องเต้...ทำไมถึงตั้งชื่อเช่นนี้ให้เขา?"
"เรื่องนี้ข้ารู้" เฉินเซียงกล่าว: "ตอนนั้นว่ากันว่าช่วงเวลาตกฟากเจ้าหนักเกินไป ใช้ชื่อที่เบาและอ่อนโยนเกรงว่าคงจะระงับเอาไว้ไม่อยู่ ตอนนั้นก็เคยถามราชครู สุดท้ายก็เลยตั้งเป็นชื่อนี้"
ดังนั้น องครักษ์และสาวใช้ที่พาเขาหนีออกมาก็ไม่กล้าเปลี่ยนชื่อของเขา ก็ยังให้เขาชื่อเดิม
นางมองดูสีหน้าที่ดำราวกับก้นหม้อของเฉินซ่า กล่าวกับเฉินเซียงว่า: "อาสะใภ้รองก็เรียกเขาว่าเฉินซ่าแล้วกัน"
"เรียกท่านอา" เฉินซ่าแก้ไขการเรียกของนางให้ถูกต้องอย่างราบเรียบ
"เพราะอะไร? ก็เป็นอาสะใภ้รองของข้าแท้ๆ" โหลชีจ้องเขม็ง
เฉินซ่าเลิกคิ้ว: "แต่งงานตามสามี" นั่นคือท่านอาของเขา ภรรยาของเขาก็ควรจะเรียกตามเขา
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่ไร้สาระปัญญาอ่อนเกินไปไหม? อะไรก็จะควบคุมนางใช่ไหม?
เฉินเซียงและคนอื่นๆมองดูพวกเขาเถียงกันไปมาเช่นนี้ รู้สึกว่าทั้งแปลกใหม่ทั้งตลก ไม่ได้บอกว่าขาดตัวยานำพาหรอกหรือ? ยังมีกะจิตกะใจมายุ่งอยู่กับแค่คำเรียกเช่นนี้อีก
ซวนหยวนฉงโจวกระแอมไอครั้งหนึ่ง ถามโหลชี: "น้องสาว บอกพี่ชายมา ยังขาดยาอะไร?"
"ไสหัวไป!" เฉินซ่าหยิบถ้วยชาออกมาแล้วขว้างใส่เขาจริงๆ ถึงแม้จะเป็นการขว้าง แต่ถ้วยชานั่นก็ยังพุ่งออกไปอย่างเรียบๆ น้ำชาที่อยู่ในนั้นไม่หกออกมาเลยแม้แต่น้อย ซวนหยวนฉงโจวยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าไปหยิบพัดออกมาจากไหน บังเอาไว้ แล้วพลิกกลับมา ถ้วยชานั่นก็หล่นอยู่บนพัดอย่างมั่นคง ไม่มีน้ำชาหกออกมาเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน
โหลชีไม่อยากจะสนใจพวกเขา กล่าวกับเฉินเซียงว่า: "เราต้องการแมลงสนแดงกับก้างน้ำแข็ง"
สองสิ่งนี้ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ไหน ถึงแม้ว่านางจะมีสิ่งที่สามารถใช้ล่อปลาน้ำแข็งได้ แต่ว่าหาปลาน้ำแข็งไม่เจอก็ไม่มีประโยชน์
เฉินเซียงมองไปทางซวนหยวนฉงโจว "แมลงสนแดงอะไรนี่ โจวเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าไปหายาให้แม่บอกว่าเคยเห็นมาก่อนไม่ใช่หรือ?"
โหลชีรีบหันหน้าไปทางซวนหยวนฉงโจวทันที: "อยู่ที่ไหน?"
"น้องสาว เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ" เดิมทีซวนหยวนฉงโจวไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้ แต่ตั้งแต่รู้ว่าโหลชีเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วเขาก็อยากแหย่นางเล่นตลอด อยากจะฟังนางเรียกว่าพี่ชายสักคำ เพราะนิสัยของนางเขาพอจะรู้ดี เฉินซ่านางยังเรียกอย่างจริงจังเลย ไม่ใช่คนที่นางใกล้ชิดสนิทสนมด้วยไม่แน่ว่านางจะยอมรับได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ เรียกพี่ชายคำหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกว่าเป็นการทำให้นางลำบากใจ
"พี่ชาย พูดมาเถอะ"
ในคืนนี้ โหลชีหาเวลาว่างออกมาพาอิ้นเหยาเฟิงไปที่เรือนจำรอบหนึ่ง
ภายใต้การไม่หยุดขัดเกลาของฮั่วหยูฉุนเรือนจำในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นน่าเชื่อถืออย่างมาก แม้แต่ยุงตัวเดียวก็ไม่สามารถบินเข้ามาได้
และในเรือนจำ มีนักโทษที่สำคัญอยู่สามคน หนึ่งคนคือจางมิ่ง อีกหนึ่งคือเฟยเยว่ ยังมีอีกหนึ่งคน คือคนที่ถูกกรอกยาอยู่ตลอด นอนหลับใหลสะลึมสะลือมาเป็นเวลานาน......
มู่หลาน
ฮั่วหยูฉุนตามอยู่ข้างหลังโหลชี เดินอ้อมสวนที่เต็มไปด้วยกลไกและค่ายกลมากมาย มาถึงห้องขังที่ลับตาและเงียบสงบไร้ที่เปรียบห้องนี้
มีองครักษ์ประจำการอยู่ในที่ลับ การรักษาการณ์ของที่นี่เข้มงวดที่สุด ปกติไม่มีเรื่องอะไรสถานที่แห่งนี้ก็จะไม่มีคนมา ถ้าหากมีคนบุกเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ ก็จะนึกว่านี่เป็นลานเดี่ยวที่ถูกลืมเลือนเท่านั้น
"พระสนม จะพาผู้หญิงคนนี้ไปด้วยหรือ?" ฮั่วหยูฉุนรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่โหลชีโยนผู้หญิงคนนี้เข้ามา และบอกว่าต้องคุ้มครองความปลอดภัยของนาง เขาก็มุ่งเน้นพวกสนใจมายังที่นี่ตลอด
โดยเฉพาะใบหน้านั่นของนาง จะให้เกิดความเสียหายไม่ได้ มิเช่นนั้นใบหน้าของพระสนมก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน ฮั่วหยูฉุนประหม่าเป็นพิเศษ
"อืม ต้องพาไปด้วย" ที่โหลชีเก็บมู่หลานเอาไว้ตลอด ก็เพราะว่าต้องการจะเอานางไปสำรวจลัทธิสิ้นโลกีย์ ถ้าหากแม่ของนางคือโหลหยุนโยว ฟังจากที่พวกเขาพูดมา โหลหยุนโยวเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและขี้ขลาดคนหนึ่ง เช่นนั้น สิ่งของในร่างกายของนางที่เป็นของจำเป็นในการทำให้มู่หลานสามารถมีใบหน้าเช่นนี้ ลัทธิสิ้นโลกีย์ไปเอามาจากไหนกัน?
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องพามู่หลานไปด้วย แต่ว่าก่อนหน้านั้น นางต้องคลี่คลายความเกี่ยวโยงของนางกับมู่หลานให้ได้ ไม่อย่างนั้นระหว่างทางอันตรายรอบด้าน มู่หลานเกิดเรื่องยังต้องให้นางรับเคาะห์ตามด้วยอย่างนั้นหรือ?
ฮั่วหยูฉุนรีบกล่าวทันที: "ข้าน้อยขอติดตามพระสนมไปด้วย ระหว่างทาง มู่หลานก็ยังคงอยู่ในการควบคุมดูแลของข้าน้อย!"
"เรื่องนี้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ เปิดประตูเถอะ"
ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นยาที่ไม่จางก็โชยออกมา
ข้างในมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้สองตัว เตียงหนึ่งหลัง คนที่นอนอยู่บนเตียงก็คือมู่หลาน
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ้นเหยาเฟิงเห็นมู่หลาน ทันทีที่เห็นใบหน้านั้นของนาง นางก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ: "พระสนม ทำไมหน้าตานางถึงเหมือนกันกับท่านอย่างกับแกะเลย?"
"เหมือนอย่างกับแกะหรือ?" น้ำเสียงของโหลชีเย็นชามาก ก้มหน้ามองดูของมู่หลาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ