ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 543

โหลชีกัดฟันกรอด เวลานี้เฉินซ่าไม่มีแรงสู้แล้วแน่ๆ ให้นางคนเดียวสู้กับคนมากมายขนาดนี้ก็เป็นไปไม่ได้ ถ้านางมีอันตราย นางกลัวเฉินซ่าจะแลกชีวิต

ดังนั้นพวกเขาได้แต่ถอย ถอยไปเรื่อยๆ

"ยังเดินไหวไหม?"

"อืม" อันที่จริงเฉินซ่าเจ็บจนแทบยืดตัวตรงไม่ได้แล้ว หากเป็นคนอื่น ตอนนี้คงทนต่อไปไม่ไหวแล้วแน่ แต่จิตเขาแข็งกว่าคนอื่น ยังคงยืนตัวตรง และส่งกระแสจิตกับโหลชีตลอด คนพวกนั้นดูไม่ออกเลยว่าตอนนี้เขากำลังพิษร้ายกำเริบ

"พวกเราไป"

โหลชีพูดพลางจะออกเดิน เฉินซ่ารีบโอบเอวนางไว้ พานางถอยหลังไป พริบตาเดียวก็เหาะลอยห่างไปหลายเมตร

"ท่านเป็นยังไงบ้าง?"

"ยังทนไหว แต่ว่า เป้าหมายของพวกมันน่าจะต้องการบีบให้พวกเราไปทางนี้"

ดังนั้น คนทั้งเจ็ดคนนั่นถึงไม่ได้สกัดพวกเขาไว้เมื่อครู่ แต่เป็นไล่ล่าต่อ

โหลชีพยุงเขาไว้ กัดฟันบอก "ต่อให้เป็นอย่างนี้ พวกเราก็ต้องไป" ยังดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมมือพวกมัน นางต้องการเวลามาดูพิษให้เขา

นี่คือการที่รู้ทั้งรู้ว่ามีปัญหา แต่ก็ยังต้องเลือก

ทั้งสองมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่นานก็พุ่งเข้าไปในหมอกควันสีผิวอ่อนนั่น โหลชีได้ยินเสียงเฉินซ่าแค่นเสียงอึก จากนั้นเขาก็กระตุก กระอักเลือดออกมา

"เฉินซ่า!"

โหลชีไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของหมอกควันนี่ ไม่อย่างนั้นนางมีหรือจะพุ่งเข้ามา

คนพวกนั้นไม่ได้ตามเข้ามา มันยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของหมอกควันนี่ "นี่พุ่งเป้ามาที่ท่าน เฉินซ่า พวกเราถอยออกไป" โหลชีกัดฟันกรอด

เฉินซ่าจับมือนางนิ่ง "ไม่ มีบางอย่างเข้ามา"

โหลชีอึ้ง หันกลับไปมอง ก็เห็นงูหลายตัวที่ขนาดหนาเท่าท่อนแขนเลื้อยมาทางเขา เห็นงูนั่น โหลชีรู้สึกคุ้นตาพิกล พอนางดูชัดๆ ก็สบถออกมาทันที

"แม่เจ้า นี่ไม่ใช่งูพ่นไฟพวกนั้นที่พวกเราเจอที่หุบเขาลึกลับหรือไง?" ตอนนั้นงูพ่นไฟที่พวกเขาเจอตอนนั้นยังตัวเล็ก แต่ตอนนี้เจ้าพวกนั้นมันตัวใหญ่! คงพ่นไฟน่ากลัวกว่าเจ้าพวกตัวเล็กกระมัง!

หมอกควันนี่ คนไม่กล้าเข้ามา แต่กลับเรียกงูเข้ามา! ชั่วร้ายนัก แต่ละก้าวคิดมาดีหมดแล้วนี่!

"หนีเถอะ"

แต่พอพวกเขาล่าถอยถึงพบว่า---

ด้านล่างเป็นหน้าผา

ทหารเงาสังหารทั้งเจ็ดคนสบตากัน

"แน่ใจว่าทั้งสองคนลงผาโทงเทียนแล้ว กลับไปรายงานคุณหนูหว่าน"

ทั้งเจ็ดคนรีบไปจากที่แห่งนี้

รอจนพวกเขาไปแล้ว เงาร่างสามคนถึงออกมาจากใต้ต้นไม้ข้างๆ

ซวนหยวนอี้คลายจุดให้หมอเทวดาพลางว่า "เมื่อครู่จี้จุดเจ้าเพราะกลัวพวกมันจะเห็นเรา ขอหมอเทวดาโปรดอภัยด้วย" วิทยายุทธ์ของหมอเทวดาก็แค่งูๆปลาๆ เป็นแค่ไม่กี่กระบวนท่าที่เขาเรียนเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น

หมอเทวดาส่ายหัวบอก "ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือจักรพรรดิและจักรพรรดินี พวกเขาจะทำอย่างไรดีเล่า?"

ซวนหยวนอี้พูดกับทหารกองราชาอสูรเทพคนนั้นที่ตามมาว่า "ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อน พาคนทั้งหมดมา จากนั้นแย่งรถม้าเรากลับมา บุกทะลวงออกจากตระกูลโหล จากนั้นอ้อมหนึ่งรอบดูว่าจะสามารถลงผาโทงเทียนจากทางนั้นได้ไหม ข้าจะพาหมอเทวดาลงไปตามหาพวกเขา จำไว้ ห้ามลนลานร้อนรน ต้องระวังระวังตัวให้ดี!

"ขอรับ!"

ทหารกองราชาอสูรเทพรับคำสั่งจากไป ส่วนซวนหยวนอี้พาหมอเทวดา คว้าล่ามยาที่หมอเทวดาพึ่งทำขึ้นอย่างรีบร้อน พุ่งไปทางริมหน้าผาทันที

ผาโทงเทียน อันที่จริงก็ไม่ได้ลึกมากเท่าไหร่ แต่ยาวมากต่างหาก บอกว่าเป็นทางผ่านสวรรค์ บางทีอาจเพราะมองจากก้นเหวขึ้นมาก็ได้ พอมองขึ้นไปก็เห็นแค่เส้นขอบฟ้า เหมือนกับพอถึงก้นเหวก็จะสามารถจับท้องฟ้าได้

โหลชีกับเฉินซ่าไม่ถึงกับตกลงมาอยู่แล้ว มีพิชิตวัน บวกกับวิชาตัวเบาล้ำลึก ถึงพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าลงถึงก้นเหวอย่างปลอดภัย

เดิมโหลชีไม่คิดลงมา แต่พอเห็นเฉินซ่าพิษกำเริบ นางพลันนึกขึ้นได้ว่า ผาโทงเทียนอาจจะมีแมลงสนแดงกับก้างปลาน้ำแข็งนี่นา! ยังไงซะก็จะเดือนเพ็ญแล้ว นางไม่อาจแยกกับเฉินซ่าได้ ท่าทางเขาอย่างนี้ก็ไม่มีทางรับมือสถานการณ์อะไรพรุ่งนี้ได้ สู้อาศัยโอกาสนี้หากระสายยาสองอย่างสุดท้ายก่อนค่อยว่ากัน

พระจันทร์โผล่ผ่านชั้นเมฆ สาดแสงลงมา ก้นเหวนี่สว่างกว่าที่นางคิดเอาไว้

"แค่กแค่ก" เฉินซ่าไอหลายที

"หาที่พักให้ข้าดูร่างกายท่านก่อน" โหลชีเอาแขนเขามาพาดไหล่นางข้างหนึ่ง พลางพยุงเขา มองซ้ายมองขวา ข้างกายตนมีพุ่มไม้มากอยู่ แต่นางคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเห็นคลื่นแสงนิดหน่อย

คลื่นแสง?

มีน้ำ?

ที่ที่มีน้ำเป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นปลาน้ำแข็ง?

"พวกเราไปทางนั้น!"

เฉินซ่าอดทนถึงขีดสุดแล้ว แค่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ทนไม่ไหว ร่างสูงใหญ่เอนไหลทับตัวโหลชีทันที

"เฉินซ่า!"

โหลชีตกใจมาก รีบออกแรงพยุงเขาไว้

"ชีชี...แบกข้าขึ้นหลังไหวหรือไม่?" เขาถามอย่างอ่อนแรง

โหลชีกัดฟันกรอดถาม "ตอนนี้ท่านไม่ควรจะเป็นลูกผู้ชายหรือไง? ให้สตรีเช่นข้าแบกชายร่างสูงใหญ่อย่างท่าน อายหรือไม่?"

พวกเขาไม่ใช่ว่าร้อยพิษมิกล้ำกรายหรือไง?

กลิ่นหอมนี้คืออะไร?

หมาป่าหลายร้อยตัวนี่มาอยู่ที่นี่ทำไมกัน?

"เฉินซ่า เสี่ยวชี!"

ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง ก่อนหน้าที่กระบี่ดื่มเลือดของเฉินซ่าจะพุ่งแทงไปด้านหลัง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของซวนหยวนอี้

"อารอง?"

โหลชีตะลึง หันไปเห็นซวนหยวนอี้หนีบหมอเทวดามาด้วยความเร็วสูง และเห็นกล่องยาทำพิเศษที่หมอเทวดาอุ้มอยู่ โหลชีดีใจมาก

นางนึกว่าครั้งนี้ลงมาผาโทงเทียนโดยไม่มีอะไรเลย ไม่คิดว่าซวนหยวนอี้จะพาหมอเทวดาและกระสายยาทั้งหมดมาด้วย มันทำให้นางตื่นเต้นดีใจมาก เพราะตอนนี้เฉินซ่าพิษกำเริบแล้ว แสดงว่าความสมดุลของพิษและกู่ในตัวเขามันโดนทำลายแล้ว พวกเขาไม่อาจทำเหมือนแต่ก่อนได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องแก้พิษให้เขาก่อนค่อยว่ากัน! เพราะจะแก้พิษต้องใช้บา อย่างน้อยก็ยังพอช่วยได้ แต่ถ้ากู่ นางก็มั่นใจว่าจะพอต้านทานได้มากกว่าพิษ! ลองไปทีละก้าวละกัน

"หมอเทวดา กระสายยาเอามาหมดหรือไม่?" แถมที่นางกลัวคือทิ้งพวกหมอเทวดาไว้ที่ตระกูลโหลจนเกิดเรื่อง ตัวยาที่หากลับมาอย่างยากลำบากถูกแย่งหรือทำลาย แบบนั้นพวกเขาคงได้แต่ร้องไห้โฮแน่ ดังนั้นโหลชีเลยต้องถามให้แน่ใจ

หมอเทวดาพยักหน้า "เอามาหมดแล้ว"

"งั้นดี ท่านไปตรวจฝ่าบาทดูสักหน่อย ดูว่าพอจะระงับพิษได้สักหน่อยไหม เขาพิษกำเริบแล้ว"

"อะไรนะ?" หมอเทวดาแทบสะอึก

โหลชีพยุงเฉินซ่าไปนั่งลง และสบกับดวงตาดำขลับของเขา

"ตอนนี้อารองมาแล้ว พวกเรามารับมือหมาป่าขาวพวกนี้ได้ ท่านพักก่อน" น้ำเสียงนางแข็งเกร็ง หมอเทวดารีบเข้ามาจับชีพจรเขาทันที

แค่ชั่วครู่นี้เท่านั้น สีหน้าเฉินซ่าก็เทามืดไปหมด ขนาดปากยังเป็นสีดำ ทำเอาโหลชีแอบตกใจมาก

"มีเวลาแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น"

โหลชีบอกกับซวนหยวนอี้ ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว พอถึงเที่ยงคืน นางจะกลับไปข้างกายเฉินซ่า ถึงเขาจะพิษกำเริบ แต่บางทีนางอาจจะช่วยต้านทานกู่ของเขาได้บ้าง?

หมาป่าขาวฝูงนั้นเริ่มกระเหี้ยนหิวกันแล้ว

แต่ซวนหยวนอี้กลับยืนอยู่ตรงนั้นราวกับไม่ได้ยินคำพูดโหลชี เขามองหมาป่าขาวฝูงนั้น สายตาส่อประกายสับสน จากนั้นหันมาทางโหลชี

โหลชีตะลึงกับสายตาประหลาดของเขา

"อารอง มีอะไรรึ?"

เวลานี้เองซวนหยวนอี้เดินเข้าไปหาหมาป่าขาวเหล่านั้น เดินเข้าไปมือเปล่าอย่างนั้นเลย และไม่ได้ไปจู่โจมด้วย แต่กลับท่าทางสบายๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ