ถ้าเป็นแม่น้ำลับใต้ดิน เช่นนั้นปลาน้ำแข็งก็อาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้
เสียงน้ำที่พวกเขาได้ยินก็มาจากใต้ดินจริงๆ
หรือว่าใต้ผาโทงเทียนนี่จะมีแม่น้ำลับสายหนึ่ง?
"แต่จะลงไปอย่างไรเล่า?" หมอเทวดาถาม
รู้ว่าใต้ดินมีแม่น้ำลับก็ต้องออกไปสำรวจหน่อย แต่ หาทางเข้าไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ หรือว่าจะขุดดินที่นี่?
"ใช่ ขุดดิน ในเมื่อได้ยินเสียงน้ำหยด แสดงว่าใต้ดินชั้นแรกไม่น่าจะหนามาก ข้าจะลองดู" โหลชีพูดพลางหยิบพิชิตวัน จูงมือเฉินซ่าข้างหนึ่ง และแทรกชำแหละดินลงไป
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน จากนั้นพื้นใต้เท้าก็ทรุดลงทันที
"แม่เจ้า พื้นบางกว่าที่คิดไว้อีก!" โหลชีด่าออกมา เฉินซ่าโอบนางเข้าอ้อมกอดตนแล้ว ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงครืนดังขึ้น พื้นทรุดแล้ว
ทั้งสี่คนหล่นลงไปตามดินโคลนสายใหญ่
ความรู้สึกเสียศูนย์มันไม่ดีนัก ระหว่างนั้นเฉินซ่ากอดโหลชีไว้และเอาตัวเองเป็นเบาะรอง โอบรัดนางไว้ในอ้อมกอดตน
ต่อให้ต้องหล่นพื้น เขาก็จะเป็นเบาะรองให้นางเอง
"นั่น มีต้นไม้!"
โหลชีพึ่งร้องขึ้น พวกเขาก็ตกลงมาในดงไม้ กิ่งก้านสาแหร่กของต้นไม้พวกนั้นอ่อนมาก และยังยืดหยุ่นมาก ช่วยชะลอความเร็วในการตกของพวกเขาไปหลายครั้ง หลังเฉินซ่ากระแทกกับกิ่งก้านพวกนั้น ความเจ็บปวดในร่างเหมือนจะเพิ่มพูนขึ้นร้อยเท่า แต่เขายังกัดฟันทน และโอบโหลชีไว้อย่างดี
"ปึ้ก"
ในที่สุดก็ลงพื้น
ซวนหยวนอี้และหมอเทวดาตกลงมาเหมือนกัน แต่วิทยายุทธ์ซวนหยวนอี้ถือว่าดี เขาเลยกระชากกิ่งก้านไว้ เลยทำให้ชะลอความเร็วลงไปได้หน่อย
"หมอเทวดา ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"
หมอเทวดาลุกขึ้นนั่ง มองดูตัวเอง แอบดีใจ "ดูท่า หมาป่าจะล้มไม่เจ็บ" ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น คนแก่อย่างเขากลับไม่เป็นอะไรเลย
"เฉินซ่า เสี่ยวชี พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง?"
"อารอง ไม่เป็นไร" โหลชีพยุงเฉินซ่าขึ้นมา พลางถลึงตาใส่เขาหนึ่งที "ครั้งหน้าไม่อวดเก่งได้ไหม? ข้าอยู่ข้างล่างได้"
อันที่จริงเฉินซ่าเจ็บปวดอย่างมาก เขารู้สึกว่าตนเองทนความเจ็บปวดจนหนังหัวแข็งเกร็งแล้ว แต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ก็อดยิ้มเจ้าเล่ห์กระเซ้าไม่ได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำมาก "อืม เวลาส่วนใหญ่ให้เจ้าอยู่ด้านล่าง บางครั้งให้เจ้าอยู่ด้านบน เป็นอย่างไร?"
โหลชีหมุนสมองสองตลบถึงเข้าใจว่าเขาโยงไปเรื่องอื่น ใบหน้าร้อนผ่าว ถลึงตาใส่เขาอีกรอบ
นางกำลังจะบอกว่าเขาเพ้อเจ้อมากเกินไป ใครจะรู้พอเงยหน้าก็เห็นแสงน้ำเต็มไปหมด
แสงน้ำ เป็นแสงน้ำจริงๆ!
เพราะพื้นดินโดนโหลชีทำเป็นรู มีแสงจันทร์บางๆส่องสว่างลงมา แต่แสงนี้กลับดูอ่อนด้อยไป อยู่ใต้ดินแบบนี้แทบไม่มีประโยชน์เลย
แสงน้ำที่เห็น ไม่รู้ว่าเป็นแสงที่มาจากไหน อ่อนมาก แต่พอทำให้พวกเขาเห็นแสงน้ำด้านหน้า
น้ำไหลช้าและเงียบสงบ
นี่เป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่ง ด้านหน้ามีน้ำหยดมาเป็นระยะ ไหลลงพื้น เกิดเสียงหยดน้ำ ดินตรงนั้นน่าจะเป็นแผ่นหิน และยังเป็นแผ่นหินที่ถูกยกขึ้น เสียงน้ำหยดเลยดังหน่อย
"ข้าจะจุดตะเกียงก่อน" ซวนหยวนอี้พูดพลางจะจุดไฟ โหลชีบอก "ไม่ต้องจุดไฟ หมอเทวดา หยิบไข่มุกราตรีออกมาเถอะ"
ไข่มุกราตรีวางอยู่ในกล่องเล็กไม่ห่างกายหมอเทวดานั่น เพราะในนั้นมีกระสายยาบางอย่างต้องเก็บไว้นานหน่อย ต้องการไข่มุกราตรีมาช่วย
ตอนนี้เอามาส่องทางยิ่งดี
หมอเทวดาหยิบกล่องมาเปิดออก แสงอ่อนโยนส่องสว่างรอบๆพวกเขา
กลิ่นยาชนิดหนึ่งลอยเข้าจมูก ในนั้นล้วนวางกระสายยาที่เฉินซ่าต้องการในการถอนพิษ และส่วนใหญ่ก็เป็นโหลชีที่หากลับมาได้ พอเห็นยาพวกนี้ เฉินซ่ารู้สึกว่าตนเองติดค้างโหลชีมากนัก เขาโอบนางแน่นขึ้น
ซวนหยวนอี้หยิบไข่มุกราตรีเดินไปข้างหน้า ทั้งหมดไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองแล้ว เลยรีบมุ่งตรงไปแม่น้ำใต้ดินสายนั้น
"ไม่ได้เป็นน้ำแข็ง ถึงน้ำจะเย็นมาก แต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำแข็งนะ" หมอเทวดาย่อลงไปทดสอบอุณหภูมิแล้วผิดหวังอย่างไม่ปิดบัง
"ปลาน้ำแข็ง?" ซวนหยวนอี้กลับบอกว่า "ปลาน้ำแข็งไม่แน่ว่าจะอาศัยอยู่ในแม่น้ำน้ำแข็งนี่นา อุณหภูมิไม่แน่ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น"
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินแบบนี้ และรู้สึกว่าตนเองตกหลุมพรางกับดักความคิด
ปลาน้ำแข็งต้องอยู่ในน้ำที่เป็นน้ำแข็งหรือไง?
ซวนหยวนอี้สมกับที่มาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน รู้ลึกและมีประสบการณ์มากกว่าพวกเขามากนัก
เพียงแต่ฝั่งแม่น้ำช่วงนี้มันคดเคี้ยวมากจริงๆ พวกเขาเดินอ้อมคดเคี้ยวไปมา เดินไปอยู่นานขนานี้ก็พึ่งเดินไประยะทางนิดเดียวเอง
ด้วยการคาดเดาของเฉินซ่า ถ้ามีปลาน้ำแข็ง ก็น่าจะเป็นปลายทางของทางน้ำคดเคี้ยวนี้ คดเคี้ยวเลี้ยวลดขนาดนี้ น้ำกระทบชั้นแล้วชั้นเล่า ที่ปลายทางต้องมีสถานที่คับแคบและเย็นชื้นที่สุดแน่ น้ำไหลมารวมกันตรงนั้น จากนั้นผ่านทางน้ำไหลลื่นไปข้างหน้า
เดินในทางคดเคี้ยวขนาดนี้มันช้ามากจริงๆ
แต่ช่วยไม่ได้ โหลชีบอกว่าในน้ำมีของที่รับมือยากอยู่ เวลานี้พวกเขาไม่อาจไปตอแยด้วยได้ ได้แต่เดินอ้อมไปเรื่อยๆ
จนใครก็ได้ยินเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของเฉินซ่า เขาเจ็บปวดถึงขีดสุดแล้ว
หมอเทวดาหันกลับมา ตกใจกับสีหน้าของเขาจนตัวลอย เฉินซ่าเหงื่อเต็มหน้าไปหมด เขากัดฟันกรอด กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งเกร็งไปหมด ริมฝีปากกลับเป็นสีดำ สั่นเทาอยู่ตลอด สายตาเขาแข็งเกร็ง นี่คือกำลังต่อต้านความเจ็บปวด
"ฝ่าบาท!"
โหลชีรู้นานแล้วว่าเขาน่าจะเจ็บปวดมาก เพราะมือเขาที่จูงอยู่แต่เหงื่อ ปกติฝ่ามือเขาจะแห้งสบายเสมอ
"ด้านหน้ามีแสง!"
นางเหลือบตามองไป และเห็นหลังทางเลี้ยวด้านหน้าเหมือนมีแสง
"ข้าทนได้ เดินต่อไป" เฉินซ่ากุมมือโหลชีแน่น
หมอเทวดาและซวนหยวนอี้เจ็บปวดใจนัก แต่ช่วยไม่ได้ ทั้งสี่คนเดินหน้าต่อไป รอจนเข้าทางเลี้ยว เหนือหัวพวกเขาก็เป็นท้องฟ้า มีแสงจันทร์สาดลงมา บนพื้นดินยังมีรากไม้ที่แออัดเนืองแน่น ลงมาแน่นหนาไปหมด ลอยไปมาบนผืนน้ำ ผิวน้ำมีปลาเล็กกระโดดไปมาบ้าง เกิดเป็นน้ำกระเซ็นขึ้นมา
ปลาน้อยพอสัมผัสปลายรากไม้เหล่านั้น รากไม้ยาวพลิ้วไหวไปมา ปลาน้อยกลับลงน้ำ และทำน้ำกระเซ็นขึ้นมาอีก น้ำกระเซ็นเหล่านั้นโดนแสงจันทร์สาดส่อง จนดูระยิบระยับมาก
ฉากนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสุขสงบสวยมาก
แต่ในตอนที่พวกเขามองตะลึง เฉินซ่าแค่นเสียงอึก มุมปากมีเลือดสีดำไหลออกมา ร่างล้มลงในน้ำไป
"เฉินซ่า!" โหลชีเรียกพลางจะรั้งเขาไว้ แต่เพราะเขาเจ็บปวดจนเหงื่อออกมาก ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ ทำให้พอนางออกแรงดึง สองมือกลับยิ่งลื่น นางมองสองมือแยกจากกันเต็มตา เสียงซ่าดังขึ้น เขาตกลงไปในแม่น้ำ
ซวนหยวนอี้ยังคว้าไม่ทัน
และเรื่องที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
เฉินซ่าตกลงไปในน้ำ กลับมีฝูงปลาน้อยว่ายขึ้นผิวน้ำราวกับตกใจ น้ำกระเซ็นไปมา ผิวแม่น้ำอลหม่าน ร่างเฉินซ่าหายไปจากสายตาพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ