หญ้าปีศาจที่เหลือในดินครึ่งเสี้ยวเล็กพลันเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว หญ้าปีศาจนี่แปลกจริงๆ ขอเพียงโดนตัดขาด ไม่ว่ารากด้านล่างจะแข็งแรงหรือยาวแค่ไหน ก็จะตายในที่สุด
โหลชีลงแรงที่เอว หมุนตัวดึงกลับมา พอยืนนิ่ง ก็สะบัดตาข่ายขนาดใหญ่มีแสงสีแดงในมือออกไปอีกด้านอีกครั้ง
นางยกหญ้าครึ่งต้นนั้นในมือขึ้น ค่อยๆวางในใจกลางฝ่ามือทีละนิดทีละน้อย จากนั้นจับไว้มั่น ออกแรงบีบ พริบตาเดียวหญ้าปีศาจนั้นกลายเป็นผงสีดำทันที อีกมือลูบไปที่เอว และหยิบขวดแก้วเล็กๆออกมาหนึ่งขวด เทผงสีดำนั่นเข้าไป ปิดฝา โหลชีถอนหายใจยาว ขวดแก้วเล็กที่หาได้ธรรมดาทั่วไปในยุคปัจจุบัน ต่อไปนางต้องใช้อย่างทะนุถนอมละ เพราะที่นี่ไม่มีวัตถุดิบทำแก้ว อย่างนั้นตั้งแต่นางมาก็ยังไม่เคยเห็น
ก็มีกระจกอยู่บ้าง แต่บางไม่พอ แถมยังใสไม่พอด้วย ต่อไปต้องค้นคว้าวิจัยละว่าจะสามารถพัฒนาได้ไหม ไม่งั้นจะให้คนที่ชอบขวดแก้วอย่างนางทำยังไงล่ะ
ในฝันนักพรตเลวเคยพูดไว้ว่า นางไม่สามารถกลับไปได้แล้ว
ที่นี่จะเป็นสถานที่แห่งโชคชะตาของนางหรอ?
อีกอย่าง นักพรตเลวให้นางช่วยเขา ตกลงช่วยอะไรกันแน่? จะช่วยยังไง? น่าตายนัก ไม่พูดให้รู้เรื่อง เพราะความสามารถของนักพรตเลว โหลชีไม่คิดว่ามันเป็นแค่ความฝันธรรมดา บางทีนักพรตเลวอาจจะทำให้นางฝันถึงเขาจริงๆ บางทีการย้อนยุคของนางในครั้งนี้อาจจะเป็นฝีมือเขาด้วย
น่าเสียดาย ตอนนี้นางไม่มีหนทางไปถามเขา
นางดึงสติกลับมา หันกลับไปมอง องครักษ์หลายคนนั้นได้สติกลับมาแล้ว โหลชีเลิกคิ้วเล็กน้อย ออกจะแปลกใจ เห พวกนี้ฝีมือไม่เลวนี่
"ยืนตรง!"
เสียงหวานจู่ๆตะคอกดัง ทำให้เหล่าองครักษ์ที่พึ่งได้สติกลับมาตัวสั่นระรัว ยืนตรงตามที่นางสั่งอย่างไม่รู้ตัว และพร้อมใจกันหันมามองนาง
"ดึงกระบี่ของพวกเจ้าออกมา แทงลงพื้นพร้อมกันเมื่อข้าดึงแหกลับ!"
โหลชีเก็บขวดหญ้าปีศาจเข้าไป อีกมือคว้ามุมของตาข่ายขนาดใหญ่มีแสงสีแดง
องครักษ์แปดคนพร้อมใจกันดึงกระบี่ออกมา บางคนเหงื่อไหลเต็มตัว บางคนลืมเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า มองมาทางนางอย่างหวั่นๆ โหลชีเก็บพู่กันเก็บมีดเล็ก ใช้แรงเก็บตาข่ายขนาดใหญ่อันนั้น และตะคอกออกมาในเวลาเดียวกันว่า "แทง!"
องครักษ์แปดคนพร้อมใจกันแทงกระบี่ยาวลงดิน
ท้องฟ้าพลันแปรปรวน ลมกรรโชกไหลเวียนมา แต่ไม่นานท้องฟ้าก็ใสกระจ่างดุจเดิม กระแสวนสีดำกลางท้องฟ้านั่นก็มลายหายไป ดวงตะวันสาดส่องทะลุหมู่เมฆลงมา สาดแสงสีทองลงมา ความมืดมิดของที่นี่ถูกชะล้างหายสิ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าพวกเขายังมีกระบี่ที่สั่นเทาเสียบอยู่ พวกเขาคงคิดไปแล้วว่ามันคือฝันร้าย
แต่สิ่งที่พวกเขาเผชิญมามันจริงแท้จนไม่อาจคิดเป็นความฝันได้
แต่โหลชีจะไม่ถามพวกเขาว่าเผชิญอะไรมากันแน่ เมื่อครู่คิดทำอะไร รวมถึงองครักษ์ที่เกือบฆ่าพวกเดียวกันคนนั้น ไม่มีใครคิดจะตำหนิเขาตอนนี้หรอก
ร่างหนึ่งวูบเข้ามา คว้าหมับที่ข้อมือนาง "เจ้าช่างกล้ามากนะ!"
กล้ามาก ปิดบังฝีมือเยี่ยงนี้ไว้ กล้ามาก แม้แต่กำลังภายในก็เก็บงำไว้ จุดนี้เขาจำต้องยอมรับอย่างมิชอบใจนักว่า ตนเองก็มีมองพลาดไป นางพูดว่าไม่มีกำลังภายใน ไม่มีกำลังภายใน พูดราวกับเป็นเรื่องจริง!
แต่กระบวนท่าเมื่อครู่ที่ดึงพู่กันด้ามนั้นกลับหักหลังนาง! ไม่มีกำลังภายใน จะทำได้เยี่ยงไรกัน!
"เอ๋" โหลชีเกือบกัดลิ้นตัวเอง สถานการณ์เมื่อกี้ นางจะมีเวลาสนใจอะไรไหม? ทั้ง ๆที่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่นิสัยนางเป็นคนทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด ต่อให้จะต้องเปิดเผยสิ่งที่ตนปิดบังมาตลอดก็ตาม
เรื่องกำลังภายในนี่ อันที่จริงแม้แต่ตัวนางเองยังลืมไปแล้วเลย
ในยุคปัจจุบัน อาศัยอาวุธซะมากกว่า ปืนหรืออาวุธลับ เครื่องบิน รถยนต์ หรือพวกที่เทคโนโลยีสูง บางครั้งนางสะกดจิตตัวเองเพื่อให้ปรับตัวเข้ากับของพวกนั้นว่า ตนเองไม่มีกำลังภายใน ไม่มีกำลังภายใน มีแต่แบบนี้ นางถึงจะฝึกฝนร่างกายและกล้ามเนื้ออยู่เสมอ ไม่ปล่อยวางเหมือนคนอื่น นางไม่อยากลืมทุกอย่างเพียงเพราะตนเองเรียนรู้กำลังภายในที่ไม่มีอยู่ในยุคปัจจุบัน เพราะกำลังภายในกับเทคโนโลยีระดับสูงมันคนละเรื่องกัน
แต่ตอนนั้นนางก็ไม่คิดว่า วันหนึ่งตนเองจะต้องมายังโลกที่ไม่มีเทคโนโลยีระดับสูง ใช้แต่กำลังภายในแบบนี้
นางใช้กำลังภายในจริงๆ คือระหว่างทางที่ไปบึงโยวถานหาหญ้าหยินหยางที่บึงน้ำเย็นกลับมาแล้วเจอกับนักฆ่าเข้านั่นแหละ และเป็นครั้งนั้นที่นางได้ฆ่าคนครั้งแรกนับตั้งแต่มายังโลกนี้
ตอนนั้นเทียนอิ่งยังตกตะลึงกับนางเลย
แต่เทียนอิ่งรับปากจะไม่บอกเรื่องวันนั้นให้กับเฉินซ่าภายใต้การข่มขู่ของนาง
หลายวันนี้โหลชีพยายามช่วยฮั่วหยูฉุนปรับปรุงค่ายกลให้ดียิ่งขึ้น แต่ระหว่างนั้นนางกลับพบปัญหาหนึ่งเข้า นั่นก็คือวิธีการในการวางค่ายกลของฮั่วหยูฉุนมีร่องรอยของนักพรตเลวอยู่ แน่นอนว่าเทียบกันไม่ติด แต่มีหลายจุดที่คล้ายคลึง นางก็เคยถามฮั่วหยูฉุนว่าใครสอนเขาวางค่ายกล แต่ฮั่วหยูฉุนกลับบอกว่าตนเองไม่มีอาจารย์ เพียงแต่เมื่อก่อนมีคนในตระกูลเขาเคยได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสท่านหนึ่ง บวกกับตนศึกษาวิเคราะห์ค่ายกลที่สืบทอดต่อมาในตระกูลด้วย
พอถามโดยละเอียด อายุของผู้อาวุโสท่านนั้นลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ดูจะไม่ใช่นักพรตเลว
บวกกับ ถ้านักพรตเลวเป็นคนของโลกนี้จริง เขาไปยุคปัจจุบันได้ยังไงล่ะ? ถ้าการย้อนยุคของนางเป็นฝีมือเขา ในเมื่อมีหนทาง ทำไมเขาไม่กลับมาเองล่ะ?
คำถามพวกนี้คิดยังไงก็คิดไม่ตก
หลายวันนี้โหลชีกลับไปที่ตำหนักสามน้อยมาก ฮั่วหยูฉุนแทบอยากตามติดนางศึกษาเล่าเรียนตลอดยี่สิบสี่ชม. นางบอกว่าจะอยู่ในคุกสักพักเพื่อประหยัดเวลา เขาจึงจัดเตรียมห้องพักให้ด้วยตัวเอง แถมยังขออนุญาตฝ่าบาท ให้ส่งเอ้อร์หลิงมารับใช้นางในนี้อีก
โหลชีอยู่สุขสบายอิสระในคุกมาก หลายวันนี้ทุกอย่างที่นางปราบทหารองครักษ์ทั้งหมดในคุกเลย แม้แต่ท่านลุงที่ทำอาหารในคุกยังทำอาหารพิเศษให้นางทุกวัน หลังจากได้รับการชี้แนะอาหารแปลกใหม่หลายอย่าง ทำเอาวันหนึ่งองครักษ์อิงส่งของหวานของตำหนักสามบางอย่างมาให้นางอย่างคิดเอาเองว่าหวังดี ยังสะเทือนใจกับอาหารที่นางกินเลย
เฉินซ่าไม่ค่อยชอบทานขนมของหวาน แต่หลายจานที่เขานำมานั้นเรียกได้ว่าประณีต แต่พอมาเทียบกับที่โหลชีกินแล้ว แพ้ราบคาบเลย
"นี่คืออะไรกัน?"
"แกงกระด้างมาลา" โหลชีตอบพลางตักเข้าปากหนึ่งช้อน
"แกงกระด้างมาลาคืออะไร?"
"ตามที่เจ้าเห็น" แกงกระด้างมาลานี่ไม่ใช่อะไรที่โหลชีคิดออกมา เป็นเพื่อนสมัยก่อนของนาง ยัยนั่นมีความคิดวางมือก่อนนาง หลังจากถอนตัวจากยุทธภพได้สำเร็จก็ใจเดียวพุ่งไปทางอาหารเลย วันๆคิดแต่เรื่องอาหาร นางเองก็มีพรสวรรค์ ทุกวันทำอาหารแปลกใหม่ออกมา แถมยังทำได้ดีมาก เวลานางไม่มีงานก็จะไปกินแหลกที่ร้านอาหารส่วนตัวของเพื่อนคนนั้น
ยัยนั่นไม่เพียงทำเป็น ยังพูดมาก ทุกครั้งเวลากิน ยัยนั่นจะพูดอธิบายว่าใช้อะไรทำอยู่ข้างนางตลอดอย่างละเอียด จากนั้นทำยังไง เวลาทำต้องระวังเรื่องไหน พูดมากเต็มขั้น
แต่ว่าในตอนที่จู่ๆโหลชีก็อยากกินของพวกนี้ นางกลับพบว่าตนเองจำคำพูดของยัยนั่นไว้หมดแล้ว ดังนั้นขอแค่บอกกับลุงพ่อครัวหนึ่งครั้ง ก็จะได้กินของพวกนี้เลย
แกงกระด้างมาลานี่ยัยนั่นได้แรงบันดาลใจมาจากเจลาตินและเยลลี่ ใช้เยลลี่หมูน้ำผึ้งกับดอกไม้สดนานาพันธุ์ทำออกมา ของที่ทำออกมาดูวิจิตรใสกระจ่าง สามารถมองเห็นกลีบดอกไม้สดด้านในได้อย่างชัดเจน ขนาดลวดลายยังเห็นได้ชัด รักษาสีสันของดอกไม้สดแต่เดิมไว้ เหมือนความงามที่โดนแช่แข็งไว้ สวยมาก ดูแล้วน่าทาน แถมยังเป็นของดีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ เพราะสิ่งที่หนังหมูตุ๋นออกมามันไร้ซึ่งไขมัน กลายเป็นคอลลาเจนทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ