ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ทั้งสี่ก็มองไปทางเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
โหลชีเลิกคิ้วขึ้นมา "ทำไมสุสานถึงมีแสงพระพุทธแห่งความเมตตาได้? ท่านรู้อะไรมาใช่ไหม?"
ถึงแม้พวกเขาจะเห็นแสงพระพุทธแห่งความเมตตาที่สุสาน ก็ไม่มีทางรู้ว่านั่นคือการแสดงว่ามีคนแตะต้องสิ่งที่อยู่ในป้ายหลุมศพ คำพูดประโยคนี้ของซวนหยวนจื้ออย่างน้อยก็แสดงให้เห็นสองข้อ เขารู้จักกลไกของที่นั่น เขารู้ว่าของสิ่งนั้นอยู่ตรงไหน
แล้วก็ "ตกลงจะไปเอาอะไรกันแน่?"
ในช่วงวินาทีนี้ซวนหยวนจื้อนิ่งเงียบไป ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา
"กุญแจดอกหนึ่ง" เขากล่าว
"บอกสิ่งที่ท่านรู้มา" ในขณะที่โหลชีกล่าวไป ก็ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าของเฉินเซียงที่ถูกซวนหยวนอี้วางเอาไว้บนเก้าอี้ไท่ซือ แล้วตรวจวินิจฉัยให้นางอย่างละเอียด
เฉินเซียงต้องถูกวิธีการที่ใช้สร้างหุ่นเชิดอย่างแน่นอน แต่ว่านางก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวิชามนต์เท่าไหร่นัก จะคลี่คลายก็ค่อนข้างยากพอสมควร
"พูดมาเถอะ" สายตาของเฉินซ่ากวาดมองผ่านใบหน้าของซวนหยวนจื้ออย่างราบเรียบ น้ำเสียงแฝงความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แม้ว่าซวนหยวนจื้อจะเป็นไท่ซ่างหวงของราชวงศ์ซวนหยวน เขาอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ลดพลังอำนาจลงเด็ดขาด
กลับเป็นตระกูลซวนหยวนที่มักจะถูกเขายั่วยุ เด็กหนุ่มที่อายุเพียงยี่สิบกว่าคนหนึ่ง พลังอำนาจตอนอยู่ต่อหน้าเขายังมักจะอยู่เหนือเขาตลอด ยังเคารพผู้ใหญ่อยู่ไหมเนี่ย?
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เดิมเขาก็มองความตื้นลึกของเฉินซ่าไม่ออกอยู่แล้ว หลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง ตอนนี้มองดูเฉินซ่าอีกครั้ง ถึงกับมีความรู้สึกว่าลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้เลย! หรือว่าก่อนหน้านี้เขาจะเก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนเองเอาไว้?
ซวนหยวนจื้อไม่รู้ว่าหลังจากที่เฉินซ่าแก้กู่และพิษได้อย่างสมบูรณ์แล้วกำลังภายในจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพ ดังนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
"สุสานของตระกูลโหลมีกุญแจซ่อนอยู่หนึ่งดอก กุญแจดอกนั้นเป็น...สมัยก่อนหยุนโยวเป็นคนใส่เอาไว้"
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ออกมา การกระทำที่กำลังตรวจวินิจฉัยให้เฉินเซียงของโหลชีก็หยุดลง: "สิ่งของของท่านแม่ข้า?"
"สมัยนั้นนางเคยกล่าวเอาไว้ สิ่งของไม่ใช่ของนาง นางเพียงแต่ได้มาโดยบังเอิญ แต่ว่ากุญแจดอกนั้นสำคัญมาก เพราะว่า......" ซวนหยวนจื้อมองไปทางโหลชี "สมัยนั้นเจ้าเคยบีบบังคับแม่เจ้า ขอให้นางมอบกุญแจดอกนี้ให้เจ้า"
"อะไรนะ?" โหลฮ่วนเทียนที่เข้ามาพอดีไม่ได้ยินคำพูดก่อนหน้านี้ ได้ยินแค่คำพูดประโยคสุดท้าย รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอีกทันที "ท่านคิดจะรังแกเสี่ยวชีอีกแล้วใช่ไหม?"
บอกว่าเคยบีบบังคับท่านแม่ โหลชีในสมัยนั้นเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ก็บีบบังคับแม่ของตัวเองเป็นแล้ว เช่นนั้นไม่ใช่กำลังจะว่านางเป็นปีศาจอีกหรอกหรือ?
"เหตุใดข้าต้องสร้างเรื่องโกหกเช่นนี้ขึ้นมา?" ซวนหยวนจื้อหน้าเคร่งขรึมลง จ้องไปที่โหลฮ่วนเทียนครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: "หรือข้ายังต้องใส่ร้ายหลานสาวตัวน้อยของตนเองในสมัยนั้นด้วย?"
คำพูดนี้พูดมาก็มีเหตุผล หากสมองไม่ได้มีปัญหาหรือไม่ได้เห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงจนถึงขั้นน่ากลัว ก็ไม่ถึงกับต้องสร้างเรื่องใส่ร้ายเด็กทารกเพศหญิงคนหนึ่ง
โหลชีมองต่ำลงไป "หมายความว่า สมัยนั้นข้าเป็นปีศาจจริงๆหรือ? ข้าจะเอากุญแจดอกหนึ่งไปทำอะไร?"
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? เพียงแต่หยุนโยวกลัวว่าหลังจากที่เจ้าได้กุญแจดอกนั้นไปจะยิ่งแปลกมากขึ้น ดังนั้นจึงเคยบอกไว้ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเอากุญแจให้เจ้า" ซวนหยวนจื้อกล่าว
โหลฮ่วนเทียนมองดู รู้สึกเอ็นดูสงสารมาก เดินเข้าไปโอบไหล่ของนางเอาไว้ กล่าวปลอบโยนว่า: "เรื่องในสมัยนั้นต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ ไม่แน่ว่าเจ้าเองก็แค่ถูกวิชามนต์เท่านั้น พี่จะต้องสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนอย่างแน่นอน ใครที่คิดจะทำร้ายเจ้าใส่ร้ายเจ้า ข้าล้วนไม่รับปากทั้งนั้น"
ได้ฟังคำพูดของเขาโหลชีรู้สึกอบอุ่นในใจ เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้เขา: "ขอบคุณท่านพี่มาก ท่านพี่ท่านช่างดีจริงๆ"
"นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าเป็นพี่ชายเจ้านะ!" โหลฮ่วนเทียนยืดอกขึ้นมา แล้วกล่าวด้วยความสงสัยอีกครั้ง: "แต่ว่า ทำไมท่านแม่ถึงไม่เคยบอกข้าเลย?"
ซวนหยวนจื้อขมวดคิ้ว: "เป็นไปไม่ได้ หยุนโยวรับปากข้าแล้ว เมื่อเจ้าโตขึ้น จะต้องบอกเรื่องพวกนี้ให้เจ้ารู้อย่างแน่นอน เจ้าเป็นไท่จื่อของราชวงศ์ซวนหยวน เรื่องในสมัยนั้นเจ้าสมควรต้องรู้ทั้งหมด"
"เปล่าเลย ท่านแม่ไม่เคยเอ่ยเรื่องพวกนี้กับข้ามาก่อน นางแทบจะไม่ค่อยได้เอ่ยถึงเสี่ยวชีด้วยซ้ำ"
"นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?" ซวนหยวนจื้อกล่าว: "สมัยนั้นนางยังบอกกับข้าว่า เรื่องของเสี่ยว...โหลชีนางจะต้องบอกกับเจ้าอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องให้เจ้าเป็นพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง ไม่ว่านางจะทำอะไรลงไป ก็ต้องเชื่อในตัวนาง สมัยนั้นเพราะนิสัยที่ดื้อรั้นนี้ของนาง ข้ายังโมโหไปนานมาก"
โหลชีกับโหลฮ่วนเทียนสบตากันครู่หนึ่ง
โหลชีสงสัยมากกว่าโหลฮ่วนเทียนเสียอีก หยุนโยวที่ปะติดปะต่อออกมาจากในคำพูดของซวนหยวนจื้อไม่ได้มีนิสัยอ่อนแออย่างแน่นอน และก็มีความรักต่อโหลชีอย่างลึกซึ้งมาก แต่ว่าปฏิกิริยาของหยุนโยวในสองสามวันนี้กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง อ่อนแอ เหลาะแหละไม่เด็ดขาด ท่าทีที่มีต่อโหลชีก็แปลกมาก
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
"รอให้หาท่านแม่เจอก็สามารถถามให้ชัดเจนแล้ว" เวลานี้โหลฮ่วนเทียนก็พูดไม่ออกเช่นกัน แต่โหลชีรู้สึกว่ามากน้อยเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย
หยุนโยวในปากของซวนหยวนจื้อ สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแม่ที่นางต้องการมากกว่า
แต่โหลชีก็รู้ว่า ไม่มีลูกคนไหนสามารถเลือกพ่อแม่ได้
หยุนโยวไปที่ไหนแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่มีใครรู้เลย ตอนนี้โหลชีถึงได้รู้ว่า เวลานี้คนของโหลฮ่วนเทียนล้วนไปที่ผาโทงเทียนค้นหาโดยละเอียดอีกรอบแล้ว แต่ว่าลัทธิสิ้นโลกีย์ชั้นสูงชั้นล่างล้วนหานางไม่เจอ นางคิดว่าโอกาสที่หยุนโยวจะถูกผู้พิทักษ์กฎซ้ายขวาของลัทธิสิ้นโลกีย์ชั้นล่างหรือไม่ก็คนของลัทธิสิ้นโลกีย์ชั้นสูงพาไปที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินค่อนข้างสูง
โหลฮ่วนเทียนก็คิดแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาถึงไม่ได้ไปหาด้วยตนเอง แต่คิดจะติดตามพวกเขาไปที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินพร้อมกัน
"เช่นนั้นกุญแจดอกนั้นมีประโยชน์อย่างไรกันแน่?" เฉินซ่าเหลือบตามองมือที่ยังวางอยู่บนไหล่โหลชีของโหลฮ่วนเทียน หาได้ยากที่ไม่ได้เข้าไปดึงออก
เฉินซ่าส่งคนไปที่สุสานก่อน หากว่าเห็นเฮ่อเหลียนเจี๋ย ก็ให้ขวางเอาไว้ก่อนค่อยว่ากัน
"ข้าอนุญาติให้พวกเจ้าใช้กำลังคนกดดันได้" เฉินซ่าออกคำสั่งมาคำหนึ่ง โหลชีรู้ว่าคู่กรณีที่จะถูกกดดันหมายถึงเฮ่อเหลียนเจี๋ยอย่างแน่นอน
เฉินซ่ามีใจอยากจะฆ่าเฮ่อเหลียนเจี๋ยนานแล้ว
หลังจากโหลชีฝังเข็มให้เฉินเซียงชุดหนึ่งแล้ว สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายลงมา แต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
"ระหว่างทางข้าค่อยตรวจวินิจฉัยอย่างดีให้ป้าสะใภ้รองอีกครั้ง"
"เสี่ยวชีลำบากแล้ว" สามารถมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้ซวนหยวนอี้ก็ซาบซึ้งมากแล้ว
พวกเขาเร่งการเคลื่อนไหวเก็บกวาดก่อนที่จะขึ้นรถม้าเร่งไล่ตามกองกำลังที่อยู่ข้างหน้า นี่คือสถานการณ์ที่หน่วยสอดแนมของเฮ่อเหลียนเจี๋ยสอดแนมมาได้
และในตอนที่กลับมาสอดแนมต่อหลังจากรายงานให้เฮ่อเหลียนเจี๋ยแล้ว หน่วยสอดแนมคนนี้กลับถูกเฉินซ่าใช้ลมปราณยิงสังหาร จวบจนถึงกระทั่งวินาทีตอนที่ตายเขาก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ห่างกันไกลขนาดนั้น ทำไมอีกฝ่ายถึงยังสามารถรู้สึกถึงเขาได้? รู้ถึงก็ช่างมันเถอะ ทำไมถึงยังสามารถยิงมากลางหว่างคิ้วของเขาได้อย่างแม่นยำขนาดนี้?
และ ก็แค่ลมปราณเท่านั้น ไม่ใช่อาวุธลับเสียหน่อย
ในรถม้า โหลชีมองดูกเฉินซ่าอย่างตกตะลึงจนตาค้าง เพราะว่า ก่อนที่เขาจะลงมือ นางไม่ได้รู้สึกว่าทางนั้นมีคนอยู่เลย!
"มองดูข้าเช่นนี้ เป็นเพราะว่าตอนเช้ามืดข้ายังป้อนเจ้าไม่อิ่มหรือ?" เฉินซ่ายื่นมือออกไปดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน น้ำเสียงทุ้มลึกดึงดูดใจ
โหลชีรู้สึกว่าป้อนอิ่มสองคำนี้พูดได้อย่างมีความหมายแฝงอย่างมาก
"กำลังภายในของท่านถึงกับ......" ถึงกับถึงขั้นลึกล้ำที่ไม่อาจคาดเดาได้ขนาดนี้แล้ว? แม่งนี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้วไหม!ทำไมรู้สึกว่าตัวนางเองเหมือนเป็นทารกโสม ถูกเขากินแล้วเขาบำรุงอย่างมากล่ะ?
เฉินซ่าจูบไปบนริมฝีปากของนาง แฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยกล่าวเสียงเบาว่า: "ไม่เพิ่มขึ้นเยอะหน่อย จะมีกำลังป้อนเจ้าทุกวันได้อย่างไร?"
นางใกล้จะบ้าตายแล้ว
นี่ผ่านไปแค่คืนเดียวเอง เขาก็จะกลายเป็นผู้ชายที่พูดแต่คำลามกแล้วหรือ?
นางจับมือของเขาเอาไว้แน่นแล้วกล่าวว่า: "คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นจักรพรรดิแบบนี้!"
"วู๊ เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาสิ เจ้าชอบข้าหรือไม่!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ