ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 569

เฮ่อเหลียนเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้เวลาที่เขาสัมผัสใกล้ชิดกับเฉินซ่าโหลชีจะยังไม่มากนัก แต่ด้วยความรู้จักที่มีเขาต่อพวกเขา เฉินซ่ากับโหลชีล้วนเคยชินกับการนำอยู่ข้างหน้า ทำไมถึงส่งคนอื่นมาก่อนในขณะที่ตนเองอยู่ข้างหลังได้?

"ไปสืบดูอีก ดูสิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฉินซ่ากับองค์หญิงน้อยใช่ไหม"

"ขอรับ"

หน่วยสอดแนมรีบออกไป

ถึงแม้โหลชีกับเฉินซ่าจะรู้ว่าเฮ่อเหลียนเจี๋ยน่าจะอยู่ที่สุสานตระกูลโหลแล้ว ซวนหยวนจื้อเองก็หวังว่าจะรีบไปให้ถึงสุสาน แต่ว่าสำหรับพวกเขาสองคนแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดื่มด่ำกับช่วงเวลาหลังจากที่เฉินซ่าแก้พิษและกู่อย่างสมบูรณ์แล้ว

ไม่พูดถึงโหลชี พูดถึงแค่เฉินซ่า เขาไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อน และเพราะแก้พิษกู่แล้ว สนุกสุดเหวี่ยงกับโหลชีทั้งคืน ดูเหมือนจะดูดซึมสรรพคุณยาของนางมามากมาย กำลังภายในของเขาเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว ไปถึงระดับสูงที่โหลชีก็ไม่สามารถจินตนาการถึงได้

และอาจเป็นเพราะสรรพคุณยาถูกเขาแบ่งออกไปส่วนหนึ่ง ในร่างกายของโหลชีอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมยิ่งกว่า กำลังภายในก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

สำหรับพวกเขาแล้วนี่ย่อมถือเป็นเรื่องประหลาดใจอยู่แล้ว

แต่ว่าความคิดของเฉินซ่าไม่อยู่ทางด้านนี้ รุ่งสางในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยโหลชี วู๊วูมุดเข้ามาในรถอย่างชาญฉลาด ถูไปที่ขาของเฉินซ่า เป็นเช่นนั้นจริงๆ เวลานี้เฉินซ่าอารมณ์ดีมาก สีหน้ามีความสุขมาก ถึงกับอุ้มมันเอาไว้ จากนั้นเห็นว่ามันน่าเกลียด ก็เลยส่งกำลังภายในให้มันเล็กน้อย

วู๊วูตื่นเต้นดีใจแทบแย่

มีกำลังภายในเล็กน้อยนี้ ขนบนตัวของมันงอกขึ้นมาด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถึงแม้จะยังไม่หนานุ่มเท่าเมื่อก่อน แต่เมื่อเทียบเมื่อครู่นี้แล้วดีกว่าอย่างมากแล้ว

วู๊วูรู้จักตอบแทนบุญคุณในทันที วิ่งออกไปกัดชายกระโปรงของเสี่ยวโฉว ส่งสัญญาณว่าให้นางตามตนเองไป

เมื่อคืนเสี่ยวโฉวกับเอ้อร์หลิงงีบหลับไป หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในเช้ามืดก็เก็บกวาดเรือนรับรองออกมาห้องหนึ่งพร้อมกับอิ้นเหยาเฟิงชิวชิ่นเซียน แล้วก็ทำอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แถมยังต้มน้ำร้อนเอาไว้หม้อหนึ่ง แล้วรออยู่ตลอด

พวกนางไม่กล้าเข้าไปตามอำเภอใจ และก็ไม่รู้ว่าจะไปปรนนิบัติเวลาไหนจึงจะเหมาะสมกว่า ดังนั้นจึงลังเลอยู่นานมาก วู๊วูเข้ามาเรียกพวกนาง เท่ากับเป็นการแก้ไขสถานการณ์ ทั้งสองรีบเร่งเดินไปทางรถม้า

"จักรพรรดิ จักรพรรดินี จะอาบน้ำก่อนหรือไม่?" เสี่ยวโฉซกล่าวถามเสียงเบา

เอ้อร์หลิงเพียงแค่ก้มหน้ารออยู่ด้านหนึ่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ

โหลชีได้ยินเสียงของพวกนาง ความอายที่ไม่มีทั้งคืนเวลานี้กลับปะทุขึ้นมาแล้ว หยิกไปที่เอวของเฉินซ่าอย่างแรงแล้วกล่าวว่า: "เป็นเพราะท่านคนเดียว ตอนนี้ข้าไม่มีหน้าไปพบเจอผู้คนแล้ว"

เฉินซ่าได้ยินคำพูดคิ้วหนาก็เลิกขึ้นเล็กน้อย สายตาที่มองดูนางแฝงไปด้วยความแสงสลัว ในใจของโหลชีรู้สึกว่าแย่แล้ว กำลังจะหลบออกไป เฉินซ่าจับไหล่ของนางเอาไว้แล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: "เช่นนั้นเจ้าก็ลองพูดมา ข้าจะคิดบัญชีของเมื่อคืนกับเจ้าอย่างไร?"

"มีบัญชีอะไรที่ไหนกัน?" โหลชีรีบผละออกจากเขาทันที เปิดม่านรถม้าออกก็จะกระโดดลงจากรถม้า แต่ว่านางประเมินตัวเองสูงเกินไป ขาทั้งคู่เพิ่งจะเหยียบลงไปบนพื้น เข่าก็อ่อนแรงจนพยุงตัวเอาไว้ไม่อยู่ คนทั้งคนก็ล้มลงไปกับพื้น

นางคร่ำครวญในใจ จบแล้ว คราวนี้ขายหน้าขายไปถึงหุบเทพมารแล้วจริงๆ!

กำลังภายในของนางเพิ่มขึ้นมาอย่างมากแท้ๆ ทำไมขาถึงอ่อนจนไม่เหมือนตนเอง? ไม่เพียงแค่ขาเท่านั้น แม้แต่เอวก็เหมือนใกล้จะหักตามไปด้วย

ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสการ "ปล่อยตัวปล่อยใจมากเกินไป" แล้ว

เสี่ยวโฉวกับเอ้อร์หลิงรีบเข้าไปประคองนางอย่างรวดเร็ว หลีกเลี่ยงภาพลักษณ์ที่ไม่น่าดูตอนล้มลงไปกับพื้นของนาง แต่ในรถม้าดันมีเสียงหัวเราะเบาๆของเฉินซ่าดังออกมา นี่ทำให้นางหงุดหงิดโมโหมากยิ่งขึ้น

"ประคองข้าไปอาบน้ำ" บนรถม้ามีเสื้อผ้าเปลี่ยน แต่ว่าเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัวแถมยังมีกลิ่นเหงื่ออีก ยิ่งมีกลิ่นความคลุมเครือหลังจากที่พวกเขาร่วมรักกันอย่างอารมณ์พลุ่งพล่านกันแล้วอีก ทำให้โหลชีแทบอยากจะล้างเนื้อล้างตัวทันที

เฉินซ่ากระโดดตามลงมาจากรถทันที

หลังจากพวกเขาเห็นองครักษ์อารักขา ใบหน้าของโหลชีอดที่จะแดงขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้นางจะรู้ว่าในยุคโบราณตอนที่จักรพรรดิหรือแม้กระทั่งคนตระกูลใหญ่ร่วมประเวณีกันจะมีคนใช้ในวังสาวใช้เฝ้าอยู่หน้าประตู นางกับเฉินซ่าทำอย่างว่ากันในรถม้ากันทั้งคืน นี่มันก็เกินไปหน่อยจริงๆ

หากนางสามารถเริ่มใหม่อีกครั้ง นางจะต้องคิดหาวิธีอื่นแน่นอน!

แต่ว่าลมหายใจของเฉินซ่าในเวลานี้กลับเย็นชามาก สายตากวาดมองผ่านบรรดาองครักษ์ทุกคน ทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย

โหลวซิ่นที่รออยู่ด้านข้างรู้สึกว่ามีคำพูดประโยคหนึ่งจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจน มิเช่นนั้นคาดว่าการใช้ชีวิตในอนาคตของพวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่ลำบากแน่ ก็เลยกัดฟันก้าวขึ้นมาข้างหน้า กล่าวกับเฉินซ่าประโยคหนึ่ง

"ฝ่าบาท เมื่อคืนหลังจากที่นายน้อยโหลออกคำสั่งแล้ว ทุกคนล้วนหลับตากันหมด ไม่มีใครเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นแม้แต่แวบเดียวอย่างแน่นอน......"

"ไปให้พ้น......" โหลชีใช้เท้าถีบไปทางเขา เจ้าหมอนี่ตั้งใจมาเตือนสติ ความกล้าหาญของนางเมื่อคืนนี้หรือ?

สีหน้าของเฉินซ่ากลับดูดีขึ้นมาเล็กน้อย

มิเช่นนี้น คนนับหมื่นๆเห็นร่างกายของโหลชี ถึงแม้จะเป็นแค่แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าก็ตาม เขาก็รู้สึกว่าตนเองทนไม่ไหว

โหลวซิ่นรีบแวบไปอยู่ด้านข้างทันที เดิมทีโหลชีก็เข่าอ่อนอยู่แล้ว เมื่อถีบออกไปเช่นนี้เกือบจะล้มลงไปอีก

เฉินซ่ามองดูนางครู่หนึ่ง หัวเราะออกมาเบาๆ โบกมือให้เอ้อร์หลิงกับเสี่ยวโฉวถอยออกไป อุ้มนางขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าสาว "ข้าทำให้เจ้าไม่มีแรงเดิน ย่อมสมควรอุ้มเจ้าเดินอยู่แล้ว"

นี่จะทำให้นางยิ่งขายหน้ามากยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือ?

"พวกเจ้าถอยออกไปก่อนเถอะ"

"เพคะ"

เอ้อร์หลิงกับเสี่ยวโฉวถอยออกไป แล้วปิดประตูให้นาง

โหลชียกศีษระพิงอยู่บนขอบถังอาบน้ำ บนใบหน้ายังมีผ้าฝ้ายปิดอยู่ ดื่มด่ำอยู่กับการผ่อนคลายของทั่วทั้งร่างกาย ยาที่หมอเทวดาให้มายอดเยี่ยมมาก แช่ไปชั่วครู่หนึ่งนางก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายสบายไปไม่น้อย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆก็มีน้ำร้อนเทเข้ามา อุณหภูมิของน้ำที่เดิมทีลดลงไปเล็กน้อยแล้วก็ร้อนขึ้นมาในทันที นางนึกว่าเอ้อร์หลิงหรือไม่ก็เสี่ยวโฉวที่เป็นคนเติมน้ำให้นาง ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ

หลังจากมีคนก้าวเข้ามาในถังอาบน้ำนางถึงพบความผิดปกติ

โหลชีอยากร้องคร่ำครวญ "เมื่อคืนก็ทั้งคืนแล้ว......" ยังไม่พออีกหรือ?

"ไม่พอ" เฉินซ่ากล่าวอย่างหนักแน่นมีเหตุผลรองรับ: "ข้าอดทนมานานขนาดนั้นแล้ว คืนเดียวจะพอได้อย่างไร?" จากไปแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เขายังรู้สึกว่าทั้งร่างกายและจิตใจต่างก็คิดถึงนางเหมือนกัน

ได้ลิ้มลองรสชาติที่หวานหอมเช่นนี้ แล้วก็ยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่พอ

จากในถังอาบน้ำ จนถึงบนเตียงที่ถูกจัดและปูด้วยที่นอนของพวกเขาเอง เฉินซ่ายุ่งอยู่กับโหลชีอีกครั้งแล้วครั้งแล้วจนขาดแค่ยกธงขาวแล้วเท่านั้น

รอจนกระทั่งตอนที่ทั้งสองคิดจะกินอาหารเช้า อาหารเช้านั่นก็ทำใหม่ไปถึงสามครั้งแล้ว

โหลชีรู้สึกเมื่อยล้าไปหมดตัว เฉินซ่ายืนกรานจะป้อนให้นาง นางได้แต่เอ่ยถามในขณะที่ถูกป้อนอาหาร "องครักษ์เยว่กับองครักษ์อิงเป็นอย่างไรบ้าง?"

"ช่วยเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี และก็โชคดีที่ก่อนหน้านี้เจ้าสอนวิธีเย็บแผลให้หมอเทวดาอย่างละเอียดโดยไม่มีการปกปิด แล้วก็ใช้ปลาดุกเทพก็ไม่เป็นไรแล้ว เพียงแต่เสียเลือดมากเกินไป ต้องพักผ่อนให้มากๆสักสองสามวัน"

"อืม นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว" โหลชีพยักหน้า

เวลานี้ เสียงที่ร้อนใจของซวนหยวนอี้ดังเข้ามาจากข้างนอก "เสี่ยวชี รีบดูเฉินเซียงหน่อยเร็ว!" เขาอุ้มเฉินเซียงมาอย่างรีบเร่ง ซวนหยวนฉงโจวก็ตามอยู่ด้านข้าง

สองสามวันมานี้เฉินเซียงหลับใหลอยู่ตลอด ตื่นขึ้นมาครั้งคราวก็พูดแค่สองสามประโยคเท่านั้น ก่อนหน้านี้โหลชีก็เคยคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ทันทีที่แก้พิษกู่ของเฉินซ่าก็จะตรวจวินิจฉัยให้เฉินเซียงอย่างละเอียดทันที แต่ว่าเมื่อคืนจนถึงตอนนี้นางยังไม่ได้ตรวจวินิจฉัยให้เฉินเซียงเลย

"ตั้งแต่เมื่อคืนนางก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่แล้ว ดวงตาไร้ชีวิตชีวาเกินไป เหมือนสูญเสียความเป็นตัวเอง" เพียงแต่เมื่อคืนเขารู้ว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องหลีกทางให้กับสามีภรรยาที่ผ่านอุปสรรคมามากมายคู่นี้ อดทนมาจนถึงตอนนี้ ใบหน้าของเฉินเซียงค่อยๆกลายเป็นสีเทาดำเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอุ้มเฉินเซียงเอาไว้แล้วก็เดินเข้ามา

แต่ว่าคนยังไม่ทันได้ตรวจ ซวนหยวนจื้อก็เดินก้าวใหญ่เข้ามา ตอนที่เห็นโหลชีกับเฉินซ่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวเสียงขรึม: "ต้องรีบไปที่สุสานแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าเห็นทิศทางของสุสานมีแสงพระพุทธแห่งความเมตตาแล้ว มีคนแตะต้องป้ายหลุมศพที่ใส่ของสิ่งนั้นแล้ว หากยังไม่ไปอีกมันจะสายเกินไปแล้ว!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ