ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 580

คนรู้จักที่ไม่เจอกันนานนี่ คือองค์ชายเก้าแห่งซีเจียง ซีฉางอี้

ตอนแรกที่โหลชีมายังต้าเซิ่ง ไม่ ตอนนี้ยังเรียกว่าพั่วอวี้ ตอนที่พึ่งมาถึงตำหนักจิ่วเซียวของพั่วอวี้ ซีฉางอี้ก็ถูกฮั่วหยูฉุนจับขังไว้ในคุกด้วยฐานะไส้ศึกซีเจียงแล้ว ต่อมาเป็นโหลชีที่ช่วยเขาและให้เฉินซ่าปล่อยตัวเขา

การที่นางทำอย่างนี้ เหตุผลส่วนมากเป็นเพราะความรักลึกซึ้งที่ซีฉางอี้มีต่อเสี่ยวซื่อซึ่งเป็นทาสหญิงของราชวงศ์คนนั้น

ต่อมาที่ตระกูลหานในเมืองลั่วหยาง ถึงรู้ว่าทาสหญิงของราชวงศ์คนนั้นของซีเจียงคือลูกสาวที่เคยหายสาบสูญไปของเจ้าตระกูลหาน แต่ตอนนั้นโหลชีแตกคอกับเจ้าตระกูลหานแล้ว แถมยังเกือบออกจากเมืองลั่วหยางไม่ได้ ต่อมาเป็นจ้าวหยุนเฟิงที่ยืมป้ายคำสั่งของจวนเจ้าเมืองของซวนหยวนฉงโจวมาให้นางใช้

หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้เจอซีฉางอี้อีกเลย ไม่คิดว่าจะมาได้มาเจอที่เมืองจิ่นหยางนี่อีกครั้ง

เมืองลั่วหยาง เมืองจิ่นหยาง ต่างกันแค่ตัวหนังสือเดียว

และซีฉางอี้ที่ตอนนั้นรักลึกซึ้งดุจมหาสมุทรกับหานเสี่ยวซื่อ ซีฉางอี้ที่ไปเป็นท่านเขยใหญ่ของตระกูลหาน เหตุใดมาปรากฏตัวอยู่ที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินนี่ได้ล่ะ?

มาปรากฏตัวที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินก็แปลกพอละ จุดสำคัญเขายังกลายเป็นคู่หมั้นของบุตรสาวหัวหน้าเผ่าเผ่ามนต์ขาวด้วย

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

หานเสี่ยวซื่อล่ะ?

สายตาหยุนรั่วหวามองพวกเขาไปมา ดด้วยความสงสัยยิ่ง ตอนแรกนางรู้สึกว่าซีฉางอี้เป็นสหายกับพวกเขา แต่ต่อมาท่าทางของทั้งสามคนทำให้นางมองไม่ออก หลังจากโหลชีพูดคำนั้น สีหน้าซีฉางอี้ดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที

"เข้ามาก่อนเถิด" ซีฉางอี้ปกปิดความกระอักกระอ่วนไม่สบายใจไว้ได้เร็วมาก ยิ้มน้อยๆให้กับโหลชีและเฉินซ่าพลางเบี่ยงกายหลบทางให้ ด้วยท่าทางของเจ้าบ้าน

ทุกคนเดินเข้าไป ประตูใหญ่ก็ปิดลง โหลชีใจกระตุกวูบในวินาทีนั้นทันที นางมีลางสังหรณ์แปลกๆ บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร

นี่เป็นเรือนใหญ่ที่มีทางเข้าสามทาง พอหยุนรั่วหวาเข้ามาก็วางท่าเป็นเจ้าของบ้าน "ทุกคนเร่งเดินทางมา คงทั้งเหนื่อยทั้งหิวแล้ว ข้าจะให้คนไปเตรียมอาหารค่ำ ทุกคนเชิญไปพักผ่อนที่ห้องพักกันก่อนเถิด" พูดพลางเรียกสาวใช้มาพาคนไปพักผ่อน

คนอื่นพากันถอยออกไปโดยไม่พูดอะไรหลังเห็นสัญญาณมือขององครักษ์อวิ๋น ส่วนองครักษ์อวิ๋น เฉิงสิบโหลวซิ่น และพวกอิ้นเหยาเฟิงชิวชิ่นเซียนกลับยืนอยู่ข้างกายเฉินซ่ากับโหลชี

หยุนรั่วหวาเห็นอย่างนั้น ในใจยิ่งคาดเดาฐานะของเฉินซ่าไปใหญ่

ก่อนได้เจอเฉินซ่า นางรู้สึกว่าพวกเขาช่างไม่เข้าใจมารยาทเสียเลย ต้องเป็นพวกกักขฬะแน่ ดังนั้นจึงแอบรังเกียจเดียดฉันท์อยู่มาก แต่หลังจากเจอพวกเขาแล้วนางก็รู้ว่าตนต้องเดาผิดแน่ ราศีชายผู้นี้แข็งแกร่งนัก ต่อให้บอกว่าพวกเขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ก็ไม่เพียงพอกับราศีนี้

เวลานี้หยุนรั่วหวาก็ยังไม่อยากให้พวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องพัก นางอยากรู้จักชายผู้นี้ให้มากขึ้น ดังนั้นเลยเชิญพวกเขาไปห้องโถง นั่งลงพูดคุยกันก่อน

"อาหารค่ำต้องรออีกครู่หนึ่งถึงจะเตรียมพร้อม ทั้งสองรับของว่างเสียก่อนเถิด" หยุนฉิงเอ๋อร์กับหยุนผิงหยุนชุ่ยเห็นของว่างประเภทขนมถั่วเขียวขนมกุ้ยฮวาธรรมดาที่สาวใช้นำมาแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเก้อเขินยิ่ง

ของว่างในรถม้าของอีกฝ่ายทั้งประณีตและพิเศษเพียงใด พอมาเห็นของว่างที่หาดูได้ดาษดื่นพวกนี้แล้วจะยังอยากกินรึ?

แต่พวกนางกับประเมินนิสัยชอบกินของโหลชีต่ำไป ถึงของว่างพวกนี้จะดูเทียบกับของว่างในยุคปัจจุบันที่นางวาดและทำออกมาไม่ได้เลย แต่นางก็อยากลองรสชาติดู ถ้าเกิดที่นี่มีพ่อครัวที่ฝีมือล้ำเลิศอยู่ล่ะ?

เพียงแต่ยามมือนางเอื้อมไปหาจานขนมกุ้ยฮวาข้างๆ หลังมือพลันโดนบางคนตบไป เสียงเพี๊ยะดังขึ้นชัดเจน ทำเอาทุกคนตกใจกันหมด

หยุนรั่วหวากลับแอบยินดี หรือว่าสตรีนางนี้จะไม่ได้เป็นที่โปรดปราน? ขนาดขนมเพียงชิ้นเดียวยังไม่ยอมให้นางกินเลย

มองสบสายตาน้อยเนื้อต่ำใจของโหลชี เฉินซ่าพูดเสียงเรียบว่า "เมื่อครู่เจ้ากินของหวานไปมากมายบนรถแล้ว ห้ามกินอีก ระวังกินมากไปแล้วฟันผุอีกทั้งอ้วนอีก"

ของหวานกินมากไปไม่ดี นางกินของหวานไปหลายจานแล้วตอนอยู่บนรถ พึ่งผ่านไปเท่าไหร่กันเชียว จะกินอีก? ที่น่าโกรธที่สุดคือนางกินมากมายเพียงนี้กลับไม่อ้วนเลย ทำให้เฉินซ่าที่อยากขุนนางให้อ้วนสักหลายกรัมเซ็งมาก

คำพูดนี้ไม่ได้แอบพูดกันสองคน ความห่วงใยรักใคร่ในน้ำเสียงนั้นทำให้ทุกคนขนลุกขนพองขึ้นมา

หยุนรั่วหวาเห็นท่าทีเฉินซ่า ฟังน้ำเสียงหวานล้ำของเขา ใจกระตุกโดยแรง จากนั้นก็ไม่อาจกลับมาที่เดิมได้เลย

บางครั้งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสตรีก็แปลกนัก บางทีชายผู้นี้อาจจะหน้าตาหล่อเหลามากก็ไม่พอให้พวกนางหวั่นไหว แต่ หากเป็นชายที่ราศีดูน่าตกใจ เย่อหยิ่งหรูหราอยู่ในตัวเอง แค่มองก็รู้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งพลันแสดงสีหน้าอ่อนโยนออกมา กลับมิมีสตรีนางใดจะหนีรอดได้เลย

พวกนางจะคิดว่า หากความรักใคร่อ่อนโยนเช่นนี้กระทำต่อข้าจะดีสักเพียงไหนนะ

จากนั้นก็จะเกิดความคิดที่ไม่ควรมีขึ้นมามากมาย หยุนรั่วหวาในเวลานี้ก็เช่นกัน

เห็นโหลชีทำหน้าเซ็ง ซีฉางอี้ยิ้มน้อยๆบอก "หลังจากแต่งงานกันแล้วดูท่าความรักของพวกท่านจะยิ่งดีกว่าเก่านัก"

พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ โหลชีรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้สืบหาข่าวฝั่งนั้นน้อยลงเลย และยิ้มบางบอก "พวกข้ารักใคร่กันดีนับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วล่ะ"

ในห้องเก็บฟืนมืดสนิท

แต่หานเสี่ยวซื่อเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย และย่อตัวลง แหวกหญ้าแห้งออก จับที่จับอันหนึ่ง และออกแรงดึงขึ้นมา

ในนั้นเป็นหลุมสูงแค่ครึ่งคน กว้างพอให้คนหนึ่งนั่งขดตัว มีไข่มุกราตรีที่สีธรรมดาอยู่มุมหนึ่ง ดังนั้นพอเปิดออกก็เลยมีแสงอ่อนบางลอดออกมา

คนที่นั่งคุดคู้อยู่ในนั้นเปิดดวงตาช้าๆ เขานั่งอยู่ด้านในไม่อาจยืดร่างกายได้ หลังจากฝาปิดลงมาแล้วแม้แต่หัวก็ไม่อาจเงยขึ้นได้ ในโลงยังยืดขายาวนอนตรงได้ หากแต่ในนี้กลับต้องขดตัวคุดคู้อย่างน่าสงสาร

หานเสี่ยวซื่อมองเขา ความคับแค้นใจในอกพลันหายไปไม่น้อย นางหัวเราะออกมา "มีข่าวดีและข่าวร้ายอย่างละข่าว เจ้าอยากฟังอันไหน?"

ชายผู้นั้นไม่ตอบ

หานเสี่ยวซื่อพูดออกมาเอง "เช่นนี้แล้วกัน บอกข่าวดีกับเจ้าก่อน ค่อยบอกข่าวร้าย ข่าวดีคือ เฉินซ่ากับโหลชีมาแล้ว ตอนนี้อยู่ในห้องโถงด้านหน้า"

พอเห็นหูชายผู้นั้นขยับ ร่างกายแข็งเกร็ง หานเสี่ยวซื่อหัวเราะขึ้นมาอีก "แต่เจ้าเองก็ไม่มีความหวังดอก เพราะข่าวร้ายก็คือ ข้ามีแผนการแล้ว คืนนี้จะให้ความรักของเฉินซ่ากับโหลชีแตกสลาย ตัดขาดจากกัน" นางยื่นมือไปลูบหน้าชายหนุ่ม พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "และแผนการนี้ เจ้าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยนะ คืนนี้ข้าจะให้เจ้าได้นอนกับโหลชี อ้อ จริงสิ สำหรับเจ้านี่น่าจะเป็นข่าวดีกระมัง? ฮะฮะฮะ ว่าง่ายนะ อีกเดี๋ยวเจ้าต้องเหนื่อยหน่อยนะ ต้องทำให้โหลชีร้องครวญครางใต้ร่างเจ้าให้ได้นะ ร้องให้โหยหวนหน่อย รู้ไหม?"

ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นฉับพลัน สายตาเพ่งมองดุจหมาป่า

หานเสี่ยวซื่อกลับไม่ตกใจเลยสักนิด แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหนักกว่าเดิม "เจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ เดิมคิดจะใช้เจ้ามาต่อกรกับนังแพศยาหยุนรั่วหวา ใครจะรู้ว่าจะตกปลาตัวใหญ่ได้สองตัวเยี่ยงนี้ ไม่ใช้ก็สิ้นเปลืองเปล่าๆสิ เหอะเหอะ สบายเจ้าละนะ ลองคิดดูได้นอนกับโหลชีเลยนะ ส่วนนั้นของเจ้าคงแข็งขึ้นมาแล้วกระมัง?"

แสงสลัวส่องมาที่ใบหน้าหานเสี่ยวซื่อ ในดวงตานางมีประกายมาดร้ายวาบผ่าน ทำให้คนมองแล้วรู้สึกหวาดกลัว

ในห้องโถง โหลชีไม่ได้ถามเรื่องหานเสี่ยวซื่ออีก ยังไงซะก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาไม่ใช่หรือไง? หยุนรั่วหวาเปลี่ยนท่าทีเย็นชาที่คุยกับพวกหยุนฉิงเอ๋อร์อย่างตอนในรถม้าก่อนหน้านี้ ท่าทีดีมาก พูดจาอ่อนโยนสุภาพ มีมารยาทจรรยา โหลชีมองออกว่า นางพยายามจะแสดงด้านที่ดีที่สุดของตนเองออกมา และยังทำทีพูดถึงฐานะของตนในเผ่ามนต์ขาวและความสามารถของนางเองด้วยอย่างไม่ได้จงใจ

โหลชีเหล่เฉินซ่าอย่างคล้ายจะยิ้มก็มิใช่ ทำเอาเขาสายตาดำมืด

แต่โหลชีกลับอยากสืบข่าวฟังเรื่องแปดราชตระกูลจากหยุนรั่วหวามากขึ้น

หยุนรั่วหวาแกล้งทำไฉเฉ เลยเปิดปากพูดขึ้นว่า "แปดราชตระกูล เดิมมีตระกูลเฉิน ซวนหยวน เฮ่อเหลียนสามตระกูลเป็นผู้นำ แต่สามราชตระกูลนี้ก็เป็นสามตระกูลที่เกิดเรื่องหนักหนาที่สุดในตอนนั้น ราชตระกูลซวนหยวนแทบสิ้นราชวงศ์ เหลือเพียงท่านอ๋องและองค์หญิงหลายคนพยุงไว้ สถานการณ์ผันผวนไม่แน่นอน ตอนราชวงศ์เฉินเกิดเรื่องมีไท่ซ่างหวงพยุงไว้ แต่กองราชาอสูรเทพไม่อยู่ เขาก็พยุงไว้ไม่ได้นานเท่าไหร่แล้ว สถานการณ์ดีกว่าราชตระกูลซวนหยวนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ