ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 581

ในฐานะองค์หญิงและไท่จื่อของสองราชวงศ์ ได้ยินว่าราชวงศ์ของตนสถานการณ์ผันผวนไม่แน่นอนจากปากคนอื่น บ้านแตกสาแหรกขาด ตอนที่กำลังจะพยุงต่อไปไม่ไหวแล้วจะเป็นความรู้สึกยังไงนะ?

อย่างน้อยในใจโหลชีและเฉินซ่าก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

ถึงพวกเขาจะจากไปตั้งแต่เล็ก ไม่ได้เติบโตมาในราชวงศ์ หรือกระทั่งเมื่อก่อนก็ไม่รู้ถึงชาติกำเนิดของตนเองเลย แทบจะไม่รู้ถึงการมีตัวตนของราชวงศ์ตัวเองด้วยซ้ำ แต่บางทีอาจเพราะอิทธิพลของสายเลือดราชวงศ์โดยธรรมชาติ ตอนนี้พวกเขาได้ยินเรื่องราชวงศ์ตัวเอง ยังไงก็มีความรู้สึกรักบ้านเกิดและความเลือดพล่านอยู่บ้าง

และเพราะความเลือดพล่าน สองสามีภรรยาในตอนนี้จึงมีสายตาคล้ายคลึงกัน ทั้งสว่างไสวและลึกซึ้งยากจะเข้าใจเหมือนกัน

ซีฉางอี้ที่นั่งข้างๆเห็นดวงตาสองคู่นี้ ในใจกระตุกเล็กน้อยๆ

อันที่จริงตอนแรกที่ทุ่งน้ำแข็งเขาก็อยากหาโหลชี เขาอยากบอกเล่าเรื่องบางเรื่องที่ได้รู้มาโดยบังเอิญแก่นาง แต่ตอนนั้นคลาดกันไป เขาไม่อาจทำได้ตามที่หวัง

ตอนนี้เรื่องกลายมาเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาพูดตอนนี้ยังมีประโยชน์หรือไม่?

ซีฉางอี้มีความทุกข์ลำบากในใจ

โหลชียกถ้วยชาขึ้น ค่อยๆใช้ฝาปิดถ้วยปัดฟองชาที่ลอยด้านบนออกเบาๆ สายตาพลันมีประกายวาบผ่าน นางยกถ้วยชาขึ้นมาอังใต้จมูก ดมกลิ่นเบาๆหนึ่งครั้ง

กิริยาของนางอันที่จริงแล้วปกติมาก มีคนที่ก่อนจิบชาจะดมกลิ่นชาก่อน ถึงมันจะดูเป็นพิธีรีตองอย่างน่าขันกับชาธรรมดาที่มาต้อนรับแขกอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีใครเห็นว่าผิดปกติอะไร

ยกเว้นเฉินซ่า

เฉินซ่าต่อให้กำลังฟังหยุนรั่วหวาพูดเรื่องแปดราชตระกูล แต่ความสนใจทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวโหลชี

ถ้ามีคนบอกว่า คนอื่นกำลังพูดอยู่ วิธีที่มีมารยาทที่สุดคือมองตาอีกฝ่าย เฉินซ่าต้องแค่นเสียงเยาะใส่แน่

สตรีนางนั้นมีอะไรน่ามองกัน? เขามองสตรีของตัวเองสบายตากว่าเยอะ

โดยเฉพาะยามนางยกถ้วยชา มือหนึ่งจับฝาถ้วยค่อยๆปัดฟองชาออกเล็กน้อย นิ้วเรียวยาวนั้นน่าดูยิ่ง ดูจนเขาอยากจับมาขบกัดเบาๆเสียหลายครั้ง

จากนั้นเขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของโหลชี

เฉินซ่าเข้าใจในทันที ตาหลุบต่ำลง อันที่จริงพวกเขาเตรียมใจไว้แล้วตอนที่เห็นซีฉางอี้ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการคร่ำครึเยี่ยงนี้ วางยาในน้ำชา? แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่ง่ายๆ เพราะเขาพบว่ามือข้างที่ยกถ้วยชาของโหลชีสั่นน้อยๆ แค่เล็กน้อย จากนั้นก็จับไว้อย่างมั่นคง แต่กำลังภายในเขาล้ำลึกกว่าคนอื่นหลายเท่านัก ฝีมือของโหลชีถือว่าดีมากแล้ว เขายังจับลมหายใจสับสนชั่วแวบเดียวของนางได้อยู่

ฝ่าบาทโกรธจัดแล้ว

เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่าสตรีของตนอารมณ์ในใจนั้นพลุ่งพล่านค่อนข้างมาก แสดงว่าสิ่งที่นางพบเจอหากมิใช่ทำให้นางขยะแขยงเป็นที่สุดก็เป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวละ

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ล้วนควรตาย

เวลานี้เขาได้ยินโหลชีส่งกระแสจิตหาเขา "ท่านอย่าแตะต้องถ้วยชา และอย่าแตะต้องตัวข้าด้วย"

พอได้ยินคำนี้ เฉินซ่ารู้ทันทีว่า สิ่งที่นางพบเจออยู่นั้นน่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด ประกายอำมหิตผุดขึ้นมาทันที "เจ้าแก้ไขได้หรือไม่?"

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธกับการที่ตนเองไม่เป็นเรื่องพวกนี้ หากเขารู้เรื่อง ก็ไม่ต้องวางภาระหนักอึ้งไว้บนบ่านางแล้ว

จะว่าไปแล้ว โหลชีช่างเป็นสตรีที่เหมาะสมกับเขาที่สุดจริงๆ ไม่ว่าจะวิทยายุทธ์หรือกำลังภายใน ตัวเขาเองก็สามารถเกรียงไกรไปทั่วใต้หล้า แต่เขาไม่เป็นเรื่องแปลกๆเหลือเชื่อพวกนี้ แต่โหลชีเป็น และยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดเก่งกาจที่สุดในด้านนี้ด้วย เขาชอบ ชอบมากยิ่งนัก

สตรีที่แก้พิษกู่เป็นไม่ใช่ไม่มี แต่ใครจะเทียบกับนางได้? คนอย่างเขาเฉินซ่า หากต้องการ ต้องเป็นคนที่ดีที่สุดเท่านั้น

อย่าพูดว่าความรักไม่มีเหตุผลไม่มีเงื่อนไข นั่นแค่ลมปากคนเท่านั้น ถ้าโหลชีไม่เป็นอะไรเลย เป็นแค่สตรีงดงามคนหนึ่ง นางก็มิอาจอยู่ข้างกายเขาได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ไหนเลยจะมีขั้นตอนที่พวกเขาสองคนเพิ่มพูนความรักต่อกัน

เขารักนาง รักนิสัยของนาง และรักฝีมือของนาง

สรุปแล้ว บุรุษที่เย่อหยิ่งบ้าคลั่งอย่างเฉินซ่านี่ ไม่มีทางหลงรักผู้อ่อนแอแน่ โชคดีที่โหลชีไม่เคยเป็นผู้อ่อนแอเลย

แต่ไม่ว่าโหลชีจะเก่งกาจเพียงใด ใครกล้ามาหาเรื่องนาง ใครกล้ามาทำร้ายนาง ก็อย่าได้มีชีวิตอยู่เลย

โหลชียกถ้วยชาขึ้น สีหน้าดูไม่มีอะไร แต่ในใจด่ากราวเป็นชุดแล้ว

ถ้าตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าคนที่ลงมือคือหานเสี่ยวซื่อนั่น นางคงโง่มากจริงๆ แต่หานเสี่ยวซื่อกลับเหนือความคาดหมายอยู่มาก ซ่อนตัวได้ลึกมาก ต่อให้ตอนแรกรู้ว่า เบื้องหลังการวางยาที่ตระกูลหานมีเงาของหานเสี่ยวซื่อซ่อนอยู่ นางก็ไม่ได้สงสัยมากนัก ที่แท้ตนเองก็ทำความผิดชนิดคิดไปเองเหมือนกัน คิดมาตลอดว่า หานเสี่ยวซื่อก็แค่ทาสหญิงตัวน้อยของราชตระกูลซีเจียง อาศัยความรักใคร่ของซีฉางอี้ถึงมีชีวิตอยู่ได้

อันที่จริงมาคิดๆดูตอนนี้ สาวน้อยที่โดนลักพาไปตั้งแต่เด็กคนหนึ่ง ถ้าไม่เลว ถ้าไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม จะสามารถคลานจากตำแหน่งทาสสาวคนหนึ่งมาอยู่ข้างกายองค์ชายท่านอ๋องได้ยังไงกัน ไม่มีฝีมือสักหน่อย จะคว้าหัวใจอ๋องซีเจียงมาไว้ในกำมือได้ยังไง? แถมต่อมายังพาเขากลับตระกูลหาน ได้นั่งตำแหน่งคุณหนูใหญ่ตระกูลหานอีก?

บางทีเมื่อก่อนนางก็เคยคิด แต่ผู้หญิงอย่างหานเสี่ยวซื่อปรากฏตัวในชีวิตนางน้อยครั้งนัก แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีสัมพันธ์อะไรกันเลย ดังนั้นนางเลยไม่ได้ใส่ใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะโหลชีเรียกร้องเอากับตัวเองสูงเกินไป นางก็จะรู้ว่า ข้อผิดพลาดนี้เป็นเรื่องปกติ ให้อภัยกันได้

แต่โหลชีเรียกร้องเอากับตัวเองสูงมาตลอด ดังนั้นนางเลยรู้สึก อภัยให้กับความโง่ของตัวเองไม่ได้

ใช่ โง่

เพราะหลังจากเข้ามาในห้องโถงนี้แล้ว นางไม่ได้เพิ่มระดับการป้องกันระแวงถึงขั้นสุด หานเสี่ยวซื่อเป็นคนส่งน้ำชามา นางก็ไม่ได้สังเกตเลย

ดูท่า หานเสี่ยวซื่อจะวางแผนมารัดกุมกับของที่ใช้กับตนในครั้งนี้ ดังนั้นนางเลยไม่คิดปกปิดเลยสักนิด และไม่ได้อาศัยมือคนอื่น เดินถือชาเข้ามาหน้าตาเฉยด้วยตัวเอง

ในตอนที่หยุนรั่วหวาจะใช้มนต์ อิ้นเหยาเฟิงก็ซัดคำสาปอันหนึ่งไปที่หน้าอกนางก่อน "มนต์เล็กน้อยของเจ้าน่ะอย่าเอาออกมาให้ขายหน้าเลย!"

ล้อเล่นน่า ถึงจักรพรรดินีของพวกเขาจะไม่คุ้นเคยมนต์เท่าไหร่นัก แต่ต่อกรกับสตรีที่เผ่ามนต์ขาวเลี้ยงดูประคบประหงมออกมาก็ถือว่าสบายมาก ไม่ต้องให้จักรพรรดินีลงมือเลย คนที่จักรพรรดินีสอนมาเองกับมืออย่างนางก็สามารถต่อกรได้แล้ว

ซีฉางอี้โดนเฉิงสิบพาดกระบี่ไว้ที่คอ ยิ้มเศร้ามองโหลชี

"ขอโทษ" ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับโหลชีเลยจริงๆ และไม่อยากทำร้ายนาง

ตอนนี้ที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่มีแค่โหลชีคนเดียว เฉินซ่ายืนข้างนาง อยากจะกอดนาง หากนางกลับโบกมือปฏิเสธ

โหลชีเงยหน้าขึ้นมองซีฉางอี้ "ข้าแค่อยากรู้ว่า วางแผนมาเพื่อพวกข้าใช่ไหม?"

ซีฉางอี้ส่ายหน้าบอก "ไม่ใช่ พวกเราไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะมาที่นี่"

มันเป็นเหตุบังเอิญ

เวลานี้ มีเสียงหนึ่งลอยกลางอากาศจากทางไหนไม่รู้เข้าหูทุกคน มีแววเย่อหยิ่งภูมิใจ "โหลชี เฉินซ่า จะว่าไปก็คงต้องบอกว่าพวกเจ้าโชคไม่ดีกระมัง" ใครให้พวกเจ้ามาเจอพวกหยุนฉิงเอ๋อร์พอดี และตามมาถึงนี่พอดี? เทียบกับการควบคุมหยุนรั่วหวา เทียบกับกุญแจแสงจันทร์และยังหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แน่นอนว่าควบคุมพวกเจ้าไว้ก่อนจะคุ้มค่ากว่า

"ครั้งนี้ฝ่าบาทต้องดีใจมากแน่ อุ๊ ให้ข้าคิดดูก่อน เอาพวกเจ้าไปแลกรางวัลอะไรกับฝ่าบาทดีนะ? อ้าจริงสิ ข้าอยากให้ฝ่าบาทแต่งตั้งข้าเป็นองค์หญิง โหลชี เจ้าว่าดีหรือไม่?"

เสียงนี้เป็นของหานเสี่ยวซื่อ

สีหน้าซีฉางอี้ฉายแววเจ็บปวดออกมา

ฝ่าบาทอีกแล้ว

โหลชีหัวเราะเหอะๆ นางรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตแรงกล้าที่แผ่ซ่านออกมาจากผู้ชายข้างตัวนาง นางปรายตามองไป พวกหยุนฉิงเอ๋อร์และสาวใช้ที่เดิมอยู่ในห้องโถงทนรังสีนี้ไม่ไหว เป็นลมสลบไปแล้ว

"ไสหัวออกมา" เฉินซ่าตะคอกดัง

เสียงสะท้อนไปมา ทำห้องโถงนี้ไหวเอน ซีฉางอี้และหยุนรั่วหวาสีหน้าซีดเผือด กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

หานเสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้องลับก็โดนกำลังภายในลึกล้ำนี้สะท้านจนเลือดลมพลุ่งพล่านเหมือนกัน

มุมปากนางมีเลือดไหลออกมา สายตาทอประกายชั่วร้ายไร้ใครเทียมขึ้นมา กัดฟันบอก "ไท่จื่อตระกูลเฉิน ท่านมิสู้กังวลเสียหน่อยว่า หมวกที่จะใส่ต่อไปนี้จะเขียวสักแค่ไหน*!"ชะงักไปเล็กน้อย นางพลันหัวเราะขึ้นมาอีก "ทำไม โหลชี ชาถ้วยนั้นเจ้าจะดื่มหรือว่าไม่ดื่ม?"

พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนถึงพบว่า เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น หากโหลชีกลับยังถือถ้วยชานั้นไว้ ไม่ได้วางลง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ