ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 589

พวกเขาไม่เคยได้ยินการทดสอบของวังศุทธิเซียนมาก่อน ขอเพียงให้พวกเขาเอานกตัวหนึ่งมาจิกสักหน่อย ถ้าไม่มึนเป็นลมไป ก็สามารถขึ้นเขาศุทธิเซียนได้แล้ว

พอได้ยินว่ามีการทดสอบแบบนี้ โหลชีรู้สึกเห็นกาดำแถวหนึ่งบินผ่านตาไป

โดนนกจิก? คนวังศุทธิเซียนช่างคิดออกมาได้นะ!

แต่ว่า สถานที่สามารถสั่งสอนคนอย่างนักพรตเลวออกมาได้ นางไม่กล้าดูถูกแน่ จิกก็จิกละกัน

เพียงแต่ เมื่อก่อนนักพรตเลวเคยบอกนางไว้แท้ๆว่า อาจารย์ของเขาเป็นยอดฝีมือหลบเร้นที่ไม่สนใจอะไรโลกภายนอก พาศิษย์พี่ศิษย์น้อยไปอยู่เขาศุทธิเซียน ภูเขานั่นยังอันตรายมาก ไม่มีใครกล้าขึ้นไปง่ายๆ ตอนนี้ทำไมยอดฝีมือหลบเร้นคนนั้นกลับจะอยากเลือกเจ้าวังใหม่? ข่าวนี้ยังแพร่ออกมาอีก

อีกอย่าง คนที่ไม่สนใจโลกภายนอก จะทำอะไรให้ญาติของศิษย์มาเปิดโรงเตี๊ยมรับเซียนแบบนี้เนี่ยนะ? นี่ยังเรียกว่าไม่สนโลกภายนอก ไม่เกี่ยวข้องอีกรึ?

หรือว่าในสิบกว่าปีมานี้ที่นักพรตเลวจากไป อาจารย์และสำนักของเขาเปลี่ยนแปลงมากเกินไป?

แน่นอน นางก็ไม่คิดจะหมกมุ่นอยู่กับความวุ่นวายในนี้ ยังไงซะพรุ่งนี้ก็จะขึ้นเขาศุทธิเซียนแล้ว ถึงเวลานั้นข้อสงสัยอะไรก็จะได้รับการแก้ไข

โหลชีไม่เคยคิดว่าตนเองจะไม่ผ่านการทดสอบนั่น

"ชีชี เข้ามาอาบน้ำ" หลังจากเฉินซ่าไล่คนออกไปแล้วก็เข้าไปในห้องอาบน้ำ ผ่านไปครู่หนึ่งก็เรียกนางจากข้างใน

พวกเขาจองเป็นห้องชั้นหนึ่ง เลยมีห้องอาบน้ำด้วย ในห้องทำทางไม้ไผ่ดึงน้ำเข้ามา เรียกหนึ่งครั้งก็มีน้ำร้อนไหลเข้ามาในอ่างอาบน้ำ พออุณหภูมิน้ำลดก็ยังเพิ่มน้ำร้อนได้ตลอดเวลา มันทำให้โหลชีรู้สึกประหลาดใจมาก การออกแบบนี้เทียบไม่ได้กับยุคปัจจุบัน แต่นี่เป็นยุคโบราณนี่นา นี่เป็นการประดิษฐ์ที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมาแล้ว

แถมโรงเตี๊ยมนี้ยังละเอียดอ่อนมาก วางแปะกระดาษไว้หนึ่งใบด้านข้างเพื่อบอกวิธีใช้ด้วย

โหลชีเห็นอ่างอาบน้ำที่ใหญ่พอให้บรรจุคนสามคนเข้าไป เฉินซ่าแช่น้ำอยู่ด้านในแล้ว เพราะอุณหภูมิน้ำสูง ในห้องมีไอร้อนขึ้น ทำให้ใบหน้าเขาเปียกชื้นลดทอดความเย็นชาลงสามส่วน เพิ่มความอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน

เฉินซ่าแบบนี้นอกจากโหลชีแล้วไม่มีคนอื่นมีโอกาสได้เห็นเลย แต่ว่าถึงโหลชีจะเคยเห็นใบหน้าเขาแบบนี้หลายครั้ง แต่ก็ยังอดใจเต้นไม่ได้

"รอท่านอาบเสร็จข้าค่อยอาบ" โหลชีหมุนตัวจะเดินออกไป เอวพลันโดนดึง ทั้งตัวโดนเขาดึงเข้าไป นิ้วมือทั้งห้าของเขาคว้าจับความว่างเปล่า

"น้ำอ่างหนึ่งมีมากนัก อาบคนเดียวสิ้นเปลือง" เฉินซ่าพูดเสียงเรียบ มือหนึ่งดึงนางเข้าอ่างทันที

โหลชียังไม่ทันได้ถอดเสื้อผ้า ก็เปียกสนิทแล้ว ทนไม่ไหวยื่นมือไปตบเขาหนึ่งที ซัดน้ำใส่หน้าเขา "ลามก!"

เฉินซ่าหัวเราะเสียงต่ำ หันร่างกลับมา

นางกะพริบตาปริบๆด้วยดวงตากลมโตที่เปียกชื้นดูน่าสงสาร

ครึ่งเดือนนี้มานี้ที่เร่งรีบเดินทาง ส่วนมากเป็นป่า บางทีมีบ้านเรือนให้อาศัยพักแรมก็ไม่มีห้องดีๆอะไร ถ้าอยู่บนรถม้า เขาก็รังเกียจที่จะพาคนนอกหลายคนขึ้นรถด้วย

"ชีชีว่าง่ายนะ..." เฉินซ่าเสียงแหบเครือ มองดูใบหน้าที่เริ่มแดงเรื่อของนาง "เจ้าช่างงามนัก..." ใบหน้าโหลชีแดงเรื่อหนักขึ้น ทนไม่ไหวจริงๆกับการที่เขาจ้องมองนางพลางพูดแบบนี้

มุมปากเขาเผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา

"เรียกชื่อข้า มีเจ้าเท่านั้นที่เรียกได้" เขาโอบเอวแน่งน้อยของนาง

"ซ่า ซ่า...ซ่าของข้า..."

เฉินซ่าพลันรู้สึกเต็มตื้นที่หน้าอก "ว่าง่าย ที่รักของข้า..."

ด้านนอกลมหนาวพัดกระหน่ำ ค่ำคืนมืดมิด อุณหภูมิในห้องนี้กลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ลดลงเลย

วันต่อมาโหลชีคลับคล้ายคลับคลารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาดุนดันแขนตน นางยังนึกว่าบางคนจะกวนนางตอนเช้าอีกยก ยื่นมือออกไปตบอย่างไม่เกรงใจ

"วู๊วู!"

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของวู๊วูทำให้นางตื่นขึ้นมาทันที ลืมตาตื่นและลุกขึ้นนั่ง สบเข้ากับดวงตากลมโตมีประกายน้ำตาของวู๊วู ดวงตามันกำลังต่อว่านาง

ก็แค่เรียกนางตื่น ทำไมต้องตีมันด้วย?

โหลชีกุมขมับ

"...หยุนเฟิง?" โหลชีตาเป็นประกาย น่าแปลกนัก แค่ได้ยินคำพูดนี้นางก็ฟังออกทันทีว่า จ้าวหยุนไปแล้ว หยุนเฟิงมาแล้ว!

"เหอะ" เฉินซ่าแค่นเสียงเย็น เหล่นางหนึ่งที

โหลชีลูบจมูกแก้เก้อ เฉินซ่ากำลังภายในแข็งแกร่งเกินไป ตอนเดินผ่านไม่มีเสียงเขาสักนิด นางเลยไม่ได้เสแสร้งอะไร หยุนเฟิงน่าจะได้ยินเสียงฝีเท้านาง แต่ไม่รู้ว่าเฉินซ่าอยู่กับนาง

นั่นไง พอได้ยินเสียงเฉินซ่าแค่นเสียงเย็น หยุนเฟิงก็ชะงัก จากนั้นเปลี่ยนคำว่า "จะให้นางกำนัลมาช่วยข้าน้อยทำผมได้หรือไม่? การแต่งกายของสตรีข้าไม่เข้าใจ"

โหลชีหัวเราะพรืด ให้เสี่ยวโฉวเข้าไป

รอจนพวกเขานั่งรอที่ห้องโถงครู่หนึ่ง เสี่ยวโฉวก็เดินข้างหยุนเฟิงลงมาจากด้านบน และตอนนี้เอง มีหลายคนเข้ามาทางประตูใหญ่ ผู้ชายคนนำหน้ากำลังมองไปที่หยุนเฟิงที่ย่างกรายลงมาจากชั้นบนพอดี

ร่างสาวงามเดินนวยนาด หน้าตาดุจดอกซากุระ ร่างอรชรมีราศีดุจหยกทำลมพัดแผ่วเบาผ่านหัวใจเขาไป

"งามนัก..."

ชายผู้นั้นมองอย่างเหม่อลอย รับหน้าสาวงามเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว

ทุกคนพากันมองมาทางนี้ นอกจากสาวงามผู้นั้น ชายผู้นี้ก็ทำให้คนอื่นตาเป็นประกายเช่นกัน

โหลชีเลิกคิ้ว บางทีคนหน้าตาดีน่ะพูดถึงผู้ชายแบบนี้แหละ ชายผู้นี้ไม่ได้เป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ราศีจัดเต็มแบบเฉินซ่า แต่ใบหน้าขาวดุจหยก องค์ประกอบเพียบพร้อม ประหนึ่งหนุ่มรูปงามที่ออกมาจากภาพวาด

เพียงแต่ชายรูปงามผู้นี้ดูเหมือนจะสนใจหยุนเฟิงในคราบสาวงามเข้าให้แล้ว?

"รักแรกพบหรอเนี่ย...." โหลชีก้มหัวลง หัวเราะจนไหล่สั่น

สีหน้าหยุนเฟิงกลับดำสนิท วันนี้เขาตื่นเช้ามา กว่าจะเกลี้ยกล่อมตัวเองในชุดสตรีได้มันไม่ง่ายเลย และทำใจอีกนานกว่าจะรับกับการที่โดนเสี่ยวโฉวโปะแป้งอีกหลายชั้น สุดท้ายพอลงมาก็เจอชายไร้สมองผู้หนึ่งอีก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ