โหลชีพยักหน้าบอกว่า "อืม ข้ามิเข้าใจจริงๆ แต่พอจะคิดออก พูดแบบนี้ เจ้ามีสตรีในดวงใจ?"
"มี แล้วยังไงเล่า"
"ยังไงเล่า หลังจากถอนพิษให้เจ้าก็กลับไปหานางได้อย่างไรเล่า" โหลชีกะพริบตาปริบๆ พูดออกมาอย่างง่ายดาย
ชายผู้นั้นอึ้ง มองนาง หากมีประกายความหวังวาบผ่านขึ้นในแววตา เขาก้มหน้าลงพลางว่า "เหอะเหอะ เข้าคุกของตำหนักจิ่วเซียว อีกทั้งยังเป็นคนซีเจียง ข้ายังมีโอกาสรอดออกไปหรือ? ดูท่ามิรู้จักนิสัยเฉินซ่า ข้าเพียงอยากถอนพิษ และลองลิ้มรสชาติความหวาดกลัวและตื่นเต้นเท่านั้นเอง"
โหลชีกวักนิ้วใส่เขา "มา พวกเรามาคุยกัน"
"คุยอันใดรึ?" ถึงจะยังระแวดระวัง เขายังคงเดินเข้าไปหานาง
โหลชีชี้ไปที่ข้อมือเขา "นี่เป็นสิ่งที่สตรีในดวงใจเจ้ามอบให้กระมัง? นางชื่ออะไรรึ?"
ชายผู้นั้นยกมือจับไปที่สายเชือกเส้นนั้น ใบหน้าเผยแววคิดถึงอย่างเศร้าสร้อยออกมา "ใช่ นางมอบให้ข้า ชื่อของนางคือหานเสี่ยวซื่อ นางมิใช่คนซีเจียง เป็นเพียงทาสหญิงที่โดนจับตัวไปคนหนึ่งเท่านั้น..."
เฉินซ่าที่อยู่ด้านนอกเลิกคิ้วแปลกใจ ในราชวงศ์ซีเจียงถึงจะมีทาสหญิงที่โดนจับจากจงหยวนไป คนผู้นี้เป็นคนในราชวงศ์ซีเจียง
ฮั่วหยูฉุนอีกด้านหนึ่งกลับรู้สึกเหมือนมีสิ่งใดควรจะต้องสนใจ หากตอนนี้นึกไม่ออก
"เจ้าชื่ออะไรล่ะ? ยังไงก็คิดจะตายแล้ว ยังมีอะไรมิอาจพูดได้อีก?" จู่ๆโหลชีก็ถอนหายใจพลางว่า "แต่ในเมื่อเจ้าพูดว่า แม่นางหานผู้นั้นโดนจับไป และยังเป็นทาสหญิง เจ้าว่าหากเจ้ามิอยู่ข้างกายนาง นางจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง? เจ้ามิเคยคิดจะมีชีวิตรอดกลับไปดูแลนางบ้างรึ ไปรับนางอย่างมิต้องแยแสสิ่งใด ไปอยู่กับนาง?"
"ข้าจะทำได้รึ?"
"ได้สิ เจ้าฟังข้านะ ข้าจะให้เฉินซ่าปล่อยเจ้า เป็นเยี่ยงไร?"
"เจ้า?"
"ใช่ ข้าไง จริงสิ ข้าขอแนะนำตัวใหม่แล้วกัน ข้าชื่อโหลชี นางกำนัลเพียงคนเดียวของตำหนักสาม และเป็นนางกำนัลใหญ่ใกล้ชิดเฉินซ่า"
"บอกเขาว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้า" ที่ข้างหูพลันมีเสียงทุ้มต่ำของเฉินซ่าลอยมา และชายตรงหน้าเหมือนจะไม่ได้ยินมัน นี่คือการส่งเสียงลับ?
โหลชีมองบน ประสาท ทำไมนางต้องบอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของเขาด้วย? แบบนี้พูดว่าเขาเป็นผู้ชายของนางยังดีซะกว่าอีก
นางมิได้สนใจเขา พูดต่อว่า "ยังไงถ้าเจ้าเชื่อข้า ข้าถอนพิษให้เจ้า ปล่อยเจ้าไป ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า พอข้าถอนพิษให้เจ้าแล้ว ก็ให้หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วลงทัณฑ์เค้นความจริงจากเจ้า ถึงเวลานั้นมาดูกันว่าเจ้าจะทนได้ไหม"
สองทางเลือกนี้ ต่อให้คนโง่ยังรู้เลยว่าควรเลือกทางไหน โหลชีรู้สึกว่าตัวเองช่างใจดีเสียจริง
"ซีฉางอี้ ชื่อของข้า"
"ซีฉางอี้? ฝ่าบาท องค์ชายเก้าแห่งซีเจียง!" ฮั่วหยูฉุนหันไปมองเฉินซ่าอย่างตกใจ เขาเพียงได้ยินแต่เสียง มิเห็นเหตุการณ์ด้านใน
ซีฉางอี้ องค์ชายเก้าแห่งซีเจียง เป็นน้องชายต่างมารดาของซีฉางหลี แต่ทั้งสองกลับห่างกันแค่เพียงสองปี ว่ากันว่าซีฉางอี้ร่างกายอ่อนแอแต่เด็ก อาศัยอยู่ในราชวังซีเจียงมิเคยได้ออกไปไหน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร และยังเคยได้ยินว่าซีฉางอี้เคยประกาศออกมาแล้วว่าไม่มีทางต้องการบัลลังก์ ในสายตาผู้คน เป็นเพียงขี้โรคที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกคนหนึ่งเท่านั้น
ใครจะรู้ว่าเขากลับดั้นด้นมาไกลนับพันลี้ถึงพั่วอวี้ และยังลอบเข้าตำหนักจิ่วเซียว อยากลอบเข้ามาในตำหนักสาม!
มันช่างเหนือความคาดหมายของพวกเขายิ่งนัก
"ลือกันว่า ซีฉางอี้และองค์ชายสามซีฉางหลีรักใคร่สนิทสนมกันดี ดูท่าการที่ซีฉางหลีมาช่วยเขาก็ถือว่าสมเหตุสมผล" ฮั่วหยูฉุนพูดต่อว่า "หากเป็นเช่นนี้จริง ซีฉางหลีมิน่าจะยอมแพ้ง่ายๆกระมัง?"
เฉินซ่าเงียบมิเอ่ยคำ จับตาดูในห้องขังต่อไป
โหลชีไม่รู้ว่าซีฉางอี้เป็นองค์ชายเก้าแห่งซีเจียง แต่นางพอเดาได้คร่าวๆจากชื่อ
"ซีฉางอี้ นั่งลงเถิด"
ซีฉางอี้ฟังคำของนางและนั่งลงบนเตียง
โหลชีลูบไปที่เอวอย่างรวดเร็ว และจับสร้อยเงินออกมาเส้นหนึ่ง ด้านล่างสร้อยห้อยจี้ทรงกลมไว้อันหนึ่ง สลักลายหางนกยูงทรงกลมเอาไว้ ซีฉางอี้มองสิ่งนั้นอย่างไม่เข้าใจ "นี่จะทำกระไรรึ?"
"ซีฉางอี้ ดูมาที่จี้นี่" เสียงของโหลชีพลันเบาลงราบเรียบลง ประหนึ่งอยู่ไกลมาก "ซีฉางอี้ เจ้ารู้สึกเหนื่อยมากง่วงมากกระมัง ทำใจสบาย ปล่อยไปตามใจ ไปที่ที่เจ้าอยากไปที่สุด เดินไป จริงสิ เจ้าพาคนที่เจ้ารักไปได้ ชื่อของนางคือหานเสี่ยวซื่อใช่รึไม่? ดูสิ นางกำลังยิ้มอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วนะ หานเสี่ยวซื่อ นางงามหรือไม่?"
"งาม..." สายตาของซีฉางอี้เริ่มเลื่อนลอย แต่เขายังมิได้หลับไป
เบื้องหน้าเขา สตรีที่เขารักกำลังยิ้มให้เขา นางเรียกเขาเบาๆว่า "ท่านองค์ชายเก้า ท่านองค์ชายเก้า"
"เรียกข้าว่าฉางอี้"
"ฉางอี้ ท่านรู้หรือไม่? ชื่อของท่านไม่เหมือนชื่อคนซีเจียงเลยสักนิด ฉางอี้ ฉางอี้ แปลว่าคิดคำนึงเนิ่นนาน ชื่อช่างเหมือนตงชิงของพวกเรา ยิ่งนัก"
"เสี่ยวซื่อชอบก็ดีแล้ว"
อิงถลึงตาใส่นาง ทำเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไร นี่จงใจไล่เขารึ? แต่สายตาเฉินซ่าปรายมา เขาได้แต่ล่าถอยออกไป ก็แค่อยากจะดูฝีมือนางสักหน่อยเท่านั้น มันยากขนาดนี้?
พอเห็นอิงกับฮั่วหยูฉุนล่าถอยออกไป สายตาโหลชีปรายมองมา เฉินซ่าหรี่ตามอง "อยากไล่ข้า?" แววข่มขู่ในน้ำเสียงชัดเจนไม่ปิดบัง ใครก็ไล่ได้ นี่ขนาดเขายังจะไล่ออกไปด้วย?
เขาไม่พอใจที่นางจะอยู่กับซีฉางอี้เพียงลำพัง ต่อให้เพื่อถอนพิษก็ไม่ได้ ต่อให้เพื่อช่วยเขาก็ไม่ได้ เขาจะนั่งมองอยู่ตรงนี้ เขาจะดูสิว่านางจะกล้าไล่เขาออกไปจริงๆหรือไม่
โหลชียิ้มร่าขึ้นทันที "ใครจะกล้าเล่า นายท่านเชิญนั่งเจ้าค่ะ"
ลูกผู้หญิงอดทนพยายามได้ นางไม่รู้สึกว่าขายหน้าเลย ไม่เลยสักนิด
แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมออกไป ไม่ใช้โอกาสนี้ก็ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป โหลชีหยิบยาถอนพิษสิบเม็ดนั้นเข้าไป ยื่นที่หน้าเขา "รบกวนนายท่านช่วยบดยาเหล่านี้เป็นผงเถิด"
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าใช้เขาทำงาน ถึงจะเป็นเพียงการบดยา!
เฉินซ่ามองนางอยู่หลายวินาที จากนั้นรับยาไปจริงๆ สิบเม็ดด้วยกัน เพียงแค่กำหมัดเบาๆ และเปิดฝ่ามือออก ก่อเกิดเป็นผุยผงกลางฝ่ามือ
เห ดีนี่ งานที่นางให้เขาทำมันง่ายไปจริงๆ
สายตาโหลชีกลอกไปมา นางหยิบแก้วมาให้เขาใส่ผงยาลงไป จากนั้นเทน้ำลงไปครึ่งแก้วและเขย่า มือนางปิดบนแก้วอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขย่าอีก พลางยกแก้วยานั้นไปหาซีฉางอี้ มือหนึ่งจะพยุงหลังเขา เฉินซ่าตะคอกดังทันที "เจ้าทำอะไร?"
"ป้อนเขากินยาไงเล่า"
เฉินซ่ายืนพรวดขึ้นทันที เข้ามาแย่งแก้วในมือนาง อีกมือบีบแก้มซีฉางอี้อย่างแรง และกรอกยาเข้าปากเขาอย่างว่องไว การกระทำของเขารุนแรงมาก โหลชีมองเขาปล่อยมืออย่างตะลึงอ้าปากค้าง ตรงแก้มของซีฉางอี้มีรอยนิ้วช้ำเขียวสองรอยปรากฏขึ้น!
"ต้องขนาดนี้เลย? ต้องแบบนี้?" นางบ่นพึมพำ แต่ไม่รู้ทำไมใจกลับรู้สึกละมุนขึ้นมา
มือวาดเป็นภาพ โดยหันหลังให้เฉินซ่า จนเฉินซ่ามองไม่เห็นการกระทำของนาง เขาเพียงเห็นเข็มหลายเล่มบนหัวซีฉางอี้ขยับขึ้นลง ไม่นาน นางก็ดึงเข็มเหล่านั้นออกมาอย่างว่องไว ตอนพึ่งดึงออกมา เกิดควันสีดำจางๆแผ่ซ่านออกมาจากจุดที่ดึงเข็มออก เป็นเส้นเล็กเส้นน้อย กระจายในอากาศ
มีกลิ่นเหม็นจางๆในอากาศ
เฉินซ่าขมวดคิ้ว พลันสีหน้าเปลี่ยน ตะคอกออกมาว่า "ไสหัวออกมา!"
น้ำเสียงเขาพึ่งดัง อิงกับฮั่วหยูฉุนที่อยู่ด้านนอกพลันยิงไปทางต้นไม้ข้างๆรัวๆ ทำใบไม้ร่วงหล่นเป็นระนาบ มีเสียงหัวเราะใสราวกระดิ่งดังขึ้น
"เหอะเหอะๆๆๆ! ท่านพี่เฉินซ่า ท่านยังคงเย็นชาดุจเดิมเลยนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ