ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 63

ท่านพี่เฉินซ่า?

เฉินซ่ายืนอยู่หน้าประตู และดึงกำลังภายในที่จะสาดออกไปกลับมาได้ทันในนาทีสุดท้าย

โหลชียื่นมือไปดีดนิ้วหน้าซีฉางอี้หนึ่งที ซีฉางอี้ที่ลืมตาอยู่ตลอดค่อยๆหลับตาลง และล้มไปด้านหลัง โหลชีไม่ได้สนใจเขา ยังไงก็ล้มลงบนเตียง

นางเดินออกไปพูดกับทหารที่เฝ้าหน้าประตูว่า "ลงกลอน พรุ่งนี้น่ะเขาถึงจะตื่น"

"ขอรับ แม่นางโหล"

"ท่านพี่เฉินซ่า สตรีผู้นี้คือใครรึ?" ใบไม้ยังคงร่วงมิหยุดหย่อน อิงและฮั่วหยูฉุนกลับมายืนที่เดิมแล้ว ท่ามกลางใบไม้ร่วง บนต้นไม้พลันมีร่างสาวน้อยในชุดชุดสีเขียวสดลอยลงมา อายุสิบห้าสิบหกปี ดวงตาเรียวยาว ปากจิ้มลิ้ม ใบหน้างดงาม โหลชีสังเกตเห็นว่ามีแส้สีทองปักลายสีแดงสดหนึ่งเส้นพันเอวนางอยู่

โหลชีขยับไปทางอิงสองก้าว ถามเสียงต่ำว่า "ใครกันรึ?"

อิงกลับมิได้ตอบคำนาง และคว้าหมับที่ข้อมือนางพลางพูดกับเฉินซ่าว่า "นายท่าน ข้าน้อยขอตัวก่อน"

พูดจบเขาลากโหลชีจะออกจากที่นี่

เสียงฟิ้วดังขึ้น แส้สะบัดฟาดฟันกลางอากาศ สีหน้าอิงเปลี่ยนเล็กน้อย ขยับเท้าพลาด ลากโหลชีหลบอย่างเร่งร้อน หลบหลีกแส้นั้น แต่ยังไม่รอพวกเขายืนนิ่ง แส้นั้นก็ตวัดมาหาอีกราวกับงูมีชีวิต ครั้งนี้มุ่งเป้ามาที่ใบหน้าของโหลชี

โหลชีดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ยื่นมือออกไปหวังคว้าจับแส้นาง อิงกลับตะคอกดังว่า "อย่าจับ!"

ติ๊งดังขึ้น เสียงพิชิตวันที่พุ่งมาปะทะกับแส้นั้น เกิดประกายไฟขึ้นสองจุด แส้นั้นทำจากทองคำ

สมองโหลชีวาบผ่านภาพหนึ่งที่เคยเห็นจากกรุภาพของนักพรตเลว ภาพครึ่งร่างของผู้หญิงคนนี้ และในมือผู้หญิงคนนั้นมีแส้แบบนี้อยู่เส้นหนึ่ง แต่นางไม่ใช่สาวน้อยตรงหน้าคนนี้

"เล่นพอหรือยัง?"

เสียงเย็นชาของเฉินซ่าดังขึ้น

"ท่านที่เฉินซ่ายังไม่ได้บอกตันเอ๋อร์เลยว่านางเป็นใคร"

โหลชีสะบัดมืออิงออก หันกลับมามองสาวน้อยงดงามตรงหน้าอย่างเย็นชา

ดี ดีมาก ไม่รู้จักกันเลยนะ นางไปฆ่าล้างบ้านนางหรือฆ่าคนรักกันล่ะเนี่ย? มาถึงก็ตวัดแส้จะฟาดหน้านาง!

พอดีว่านางรู้จักประวัติของแส้นี้พอดี

แส้ทองฟ้าร้อง แช่ลงในยาพิษ81วัน จนฤทธิ์ยาซึมลงในตัวแส้ แส้ทองฟ้าร้องเมื่อเจอเลือด พิษจะซึมเข้ากระแสเลือดอีกฝ่ายทันที พิษแล่นเร็วมาก ต่อให้มียาถอนพิษก็ไม่มีประโยชน์ และแผลเหล่านั้นไม่มีทางผสานได้อีก ดังนั้นสาวน้อยคนนี้ไม่ถามไถ่สักคำก็ฟาดแส้ใส่หน้านาง นี่จงใจทำลายรูปโฉมนางชัดๆ

ดีมาก ดีมาก อายุน้อยแต่กลับจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ ปัญหาคือ นางไปหาเรื่องนางเข้าตอนไหน?

ท่านพี่เฉินซ่า?

อย่าบอกนางนะว่า เพราะนางปรากฏตัวขึ้นข้างกายเฉินซ่า! ถ้าอย่างนั้นสนมที่พรุ่งนี้เฉินซ่าจะคัดเลือกไม่โดนกันถ้วนหน้า?

เอ้า นางยังมีเวลาว่างไปห่วงสนมพวกนั้นอีกแหน่ะ

เฉินซ่ากำลังมองมาทางนาง และพูด แต่พูดกับตันเอ๋อร์ว่า "นางกำนัลของข้า"

ไม่รู้ทำไม โหลชีโกรธมาก นางกำนัลนางกำนัล! ทำไมไม่บอกว่านางเป็นผู้หญิงของเขาล่ะ? ดี ดีมาก ตันเอ๋อร์นี่เป็นใครกันแน่?

อิงลากนางอีก "ไป"

โหลชีเดินไปทางตันเอ๋อร์นั่นก้าวหนึ่ง แค่ก้าวเดียวนี้นางรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกแล่นไปทั่วร่างทันที! ไม่ถูก ไม่ถูกเลย! มีรังสีอำมหิตสี่สายจับจ้องมาที่นางในพริบตา! ขอเพียงนางขยับขึ้นหน้าอีกก้าวเดียว นางรับรองได้เลยว่าต้องโดนรังสีอำมหิตสี่สายนี้ล้อมกรอบและบดขยี้แน่!

ทำไมถึงมีของแบบนี้ได้?

ความโกรธของโหลชีโดนกดลงไป สามารถซ่อนตัวอยู่รายรอบและหลบหลีกการรับรู้ของนางได้ ไม่ใช่ธรรมดาแน่ นางไม่เคยทำอะไรผลีผลาม ชีวิตมีชีวิตเดียว จะฆ่าคน นางจะไม่ยอมเสียชีวิตตัวเองไปด้วย

เลยดึงขากลับ ก้มหน้า ถอยตามอิงออกไป

เฉินซ่าดึงสายตากลับ พลางหันไปมองตันเอ๋อร์ หากสายตากลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบเสียดกระดูก "เขาเวิ่นเทียนหมายความว่าอย่างใด?"

"ไอ้หยา ท่านพี่เฉินซ่า เขาเวิ่นเทียนให้ตันเอ๋อร์มา ย่อมต้องมาเพื่ออวยพรอยู่แล้วสิเจ้าคะ ยังมีคือมาช่วยท่านพี่เฉินซ่าคัดเลือกพระสนม ดูสิ นี่เป็นของกำนัลที่เหล่าผู้อาวุโสให้ตันเอ๋อร์นำมามอบให้"

พอตันเอ๋อร์ปรบมือ ก็มีคนใส่ผ้าคลุมปิดหน้าสวมชุดคลุมยาวสีเทาคนหนึ่ง ในมือถือกล่องใบหนึ่งมา

แต่นางกลับยิ้มร่าบอก "แต่ว่าของกำนัลนี้ไม่ได้มอบให้ท่านพี่เฉินซ่าดอก จะมอบให้พระสนมที่ได้รับการคัดเลือกพรุ่งนี้ต่างหาก อย่างไรซะตันเอ๋อร์เก็บไว้ก่อนแล้วกันเจ้าค่ะ" นางโบกมืออีก คนผู้นั้นถอยล่าไปอีก

ทั้งๆที่เขายืนอยู่ด้านหลังตันเอ๋อร์ หากแม้แต่เฉินซ่ายังไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของเขาเลย

"เช่นนั้น ข้าขอบใจเหล่าผู้อาวุโสแห่งเขาเวิ่นเทียนแล้วกัน"

"ท่านพี่เฉินซ่าไม่ขอบใจตันเอ๋อร์เลยรึ?"

"แม่นางน่าหลานเดินทางมาไกล ไปพักผ่อนเถิด เทียนยี!"

เทียนยีปรากฏตัวออกมา "ฝ่าบาท"

"พาแม่นางน่าหลานไปพักผ่อนที่ตำหนักสอง!"

"ขอรับ!"

เฉินซ่าแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง และหมุนตัวจากไป

น่าหลานตันเอ๋อร์ที่เดิมอยากเอ่ยปากว่าจะไปตำหนักสามกลืนคำพูดกลับลงไป สายตากลอกไปมา และยิ้มอ่อนโยนดุจดอกไม้อีกครั้ง และเดินตามเทียนยีไปโดยดี

ในตำหนักสาม อิงมองโหลชีอย่างไม่ค่อยวางใจ และอดพูดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ว่า "ที่ข้าพูดเจ้าได้ยินหรือไม่? ตอนนี้นายท่านยังไม่สามารถเป็นศัตรูกับเขาเวิ่นเทียนได้ หากมีการน้อยใจอะไรต้องอดทนไว้ก่อน ทนไว้ ต่อไปนายท่านจะออกหน้าจัดการให้เจ้าเอง"

โหลชีเหล่เขาหนึ่งครั้ง

คนนี้ บาดเจ็บภายในยังไม่หายดี วิ่งตามมาจัดการโน่นนี่ ไม่เหนื่อยหรือไง

พอองครักษ์เสวี่ยเห็นโหลชีกิยิ้มประหลาด

"โหลชี เจ้ากลับมาจากคุกแล้วรึ ไม่รู้ว่าได้เจอแม่นางตันเอ๋อร์แล้วหรือไม่?"

"เสวี่ย" อิงขมวดคิ้ว มองนางอย่างห้ามปราม

"อิง เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว" องครักษ์เสวี่ยมองเขา และเก็บรอยยิ้มกลับไป

"เอาล่ะ มีเวลาว่างมาถกเถียงกัน มิสู้ช่วยกันคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอย่างไรดี" เยว่มองโหลชีหนึ่งที โหลชีลุกขึ้นยืน พลางยักไหล่บอก "พวกท่านคุยธุระกัน ข้าไปนอนก่อนล่ะ เอ้อร์หลิง เอ้อร์หลิง"

และเห็นนางเดินไปไกล เอ้อร์หลิงรีบตามไป พวกเขายังได้ยินเสียงนางลอยมา

"มีอะไรกินหรือไม่? ข้าหิวมากเลย"

"กินกินกิน รู้จักแต่กิน ไม่รู้จริงๆว่านายท่านชมชอบนางตรงไหนกัน" เสวี่ยกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่หางตาพลันปรายมองเห็นเฉินซ่าเข้าพอดี รีบเก็บอารมณ์ทันที

"คารวะนายท่าน!"

"เข้ามา"

เฉินซ่ามิได้มองนาง หากเดินเข้าไปที่ห้องประชุมด้านข้าง

ตำหนักสองมีน่าหลานตันเอ๋อร์อยู่ จะคุยกันมันมิสะดวกแล้ว

"นายท่าน เขาเวิ่นเทียนต้องการสิ่งใดกัน?" เยว่ถามเปิดประเด็น

"น่าหลานตันเอ๋อร์มาแล้ว น่าหลานฮั่วซินกลับมิได้มา จะอย่างไรเรื่องนี้ช่างดูแปลกนัก" ถึงในใจองครักษ์เสวี่ยจะไม่ค่อยดี หากนางรู้ถึงความร้ายกาจของเขาเวิ่นเทียนมาแต่ไหนแต่ไร เลยมิเคยมีความคิดจะเอาชนะคะคานกับน่าหลานฮั่วซิน

น่าหลานฮั่วซิน เป็นหนึ่งในตัวเลือกฮองเฮาของพวกเขา

เดิม พรุ่งนี้จะไม่แต่งตั้งฮองเฮา จะปล่อยว่างไว้ก่อน เขาเวิ่นเทียนไม่จำเป็นต้องส่งคนมา เพราะพวกเขาถือตนว่าเหนือกว่าผู้อื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มิมีทางมาร่วมงานฉลองของสนมคนอื่นหรอกกระมัง?

หากน่าหลานตันเอ๋อร์กลับมา น่าหลานตันเอ๋อร์คนนี้เลื่อมใสศิษย์พี่ประหนึ่งชีวิตตน นี่คือมาคุมแทนนางรึ?

เฉินซ่าเม้มปากบางแน่น มิได้พูดกระไร

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินซ่าถึงเปิดปาก "เทียนยี ตี้เอ้อร์ นับแต่วินาทีนี้ ตามติดข้างกายนาง อย่าให้ห่างกาย ปกป้องคุ้มครองชีวิตนาง"

ทั้งสามคนต่างเงยหน้ามองเฉินซ่าอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง คนที่มีท่าทีรุนแรงที่สุดคือองครักษ์เสวี่ย

"นายท่าน ท่านหมายความว่ากระไรกัน? นางที่ท่านพูดถึง คงมิได้หมายถึงโหลชีกระมัง? เทียนยีตี้เอ้อร์เป็นองครักษ์เงาของท่าน พรุ่งนี้คาดเดาไม่ได้และอันตรายรอบด้าน พวกเขาจะห่างกายท่านไปคุ้มครองสตรีที่ไม่เกี่ยวข้องกันคนนั้นได้อย่างไรกัน?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ