ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 639

ฤดูใบไม้ผลิปีที่สองของต้าเซิ่ง

ถึงแม้ว่าตรุษจีนกับเทศกาลโคมไฟได้ผ่านไปแล้ว แต่ว่าเมืองทั้งเมืองก็ยังเต็มไปด้วยโคมไฟลูกบอลหลากสีผูกริบบิ้น รื่นเริงและมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี

สวมใส่เสื้อผ้าใหม่กันแทบจะทุกคน ผู้ชายสวมใส่มงกุฎผมอย่างเคร่งครัด ผู้หญิงปักปิ่นระย้าที่โปรดปราณ แต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างสวยงาม

ท้องฟ้าเพิ่งจะสางขึ้นมา ทุกๆคนต่างก็เริ่มเตรียมตัวกันแล้ว มีเด็กบางคนถูกมารดาปลุกให้ตื่น ลืมตาที่ยังคงฝันอยู่ขึ้นมากึ่งหนึ่ง กล่าวถามอย่างไร้เดียงสา

"ท่านแม่ วันนี้คือวันอะไรหรือ?"

มารดาผู้อ่อนเยาว์ตอบอย่างมีความสุข: "บ่ายวันนี้ จักรพรรดิกับจักรพรรดินีของต้าเซิ่งเราก็จะกลับมาแล้ว!"

"บ่าย? เช่นนั้นตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่เลย"

"ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องกันไง ยังต้องต้มเหล้าหมักหวานเอาไว้ให้บรรดาทหารของทัพใหญ่ ต้องให้พวกเขากินได้หวานมากเพียงพอ ต่อไปถึงจะได้อยู่ที่ต้าเซิ่งไปนานๆ อย่าได้ไปที่แผ่นดินใหญ่หลงหยิน"

เด็กน้อยเหมือนจะเข้าใจแต่จริงๆไม่เข้าใจ

ท้องฟ้าที่ยังไม่ทันได้สว่างจ้า จู่ๆก็มีเงาที่มีขนาดใหญ่บินผ่านท้องฟ้าไป ไม่ช้าก็บินไปถึงบนเขาจิ่วเซียว ลงสู่หลังเขาของตำหนักจิ่วเซียว

เงาร่างสองเงาลอยลงมาอย่างแผ่วเบา

เงาร่างที่อรชนอ้อนแอ้นตบไปที่อินทรียักษ์เบาๆ กล่าวเสียงเบาว่า: "เจ้าขาวลำบากเจ้าแล้ว ไปหลังเขาหารังพักผ่อนเองเถอะ"

"วู๊วู"

บนที่นั่งขนาดใหญ่ จิ้งจอกสีม่วงเงินตัวเล็กๆตัวหนึ่งโผล่ออกมา ร้องเสียงเบาออกมาคำหนึ่ง เหมือนกับกำลังบอกกับนางว่า มันจะดูแลเจ้าขาวอย่างดีเอง

เงาร่างที่อรชรอ้อนแอ้นประกฏว่าเป็นโหลชี นางเหลือบมองมันอย่างขบขันครู่หนึ่ง "เจ้าดูแลตัวเองให้ดี ที่นี่ไม่ได้มียาสมุนไพรที่ดีมากมายขนาดนั้นให้เจ้าแอบกินแล้ว"

อยู่ทางฝั่งซวนหยวนราชตระกูลเฉินวู๊วูกินของดีไปไม่น้อยเลย ตอนนี้ขนสีเงินม่วงแทบจะสามารถส่องประกายได้แล้ว ฟูมฟักได้อย่างเป็นประกายเงางาม

"ห้ามมารบกวนข้า มิเช่นนั้น......" เฉินซ่าก็เหลือบมองมันครู่หนึ่ง แต่สายตานี้กลับแฝงไปด้วยการข่มขู่ที่เข้มข้น

"วูวู!" น่ากลัวจัง

ไอสังหารของผู้ชายที่อัดอั้นมากว่าครึ่งปีช่างรุนแรงยิ่งนัก มันอยู่ให้ห่างหน่อยดีกว่า!

วู๊วูติดตามเจ้าขาวจากไปไกลในทันที

เฉินซ่าโอบเอวของโหลชีเอาไว้ กระโดดขึ้นมาสองสามที คนก็กลับไปถึงตำหนักสามที่จากไปปีกว่าแล้ว

ทุกอย่างในตำหนักสามยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่พืชพรรณเขียวชอุ่มกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย

ตรงทางเดินยาวมีโคมวังหลวงใหม่เอี่ยมแขวนอยู่ทุกสองเมตร เนื่องจากเป็นการต้อนรับการกลับมาของจักรพรรดิและจักรพรรดินี ที่นี่ได้รับการจัดวางอย่างประณีต ทำความสะอาดอย่างดีแล้ว

ผลักประตูเข้าไปในตำหนักบรรทม ข้างในก็มีกลิ่นหอมจางๆของเตาถ่านเส้นเงิน อบอุ่นไปทั้งห้อง

บนเตียงใหญ่ถูกปูด้วยที่นอนอันใหม่ บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างมีถาดไม้จันทร์วางอยู่ ข้างบนมีเสื้อผ้าชั้นกลางสีแดงพับวางอยู่อย่างเรียบร้อย หนึ่งในชุดผู้หญิงชุดนั้น ข้างบนยังมีตู้โต้วสีแดงสดวางทับอยู่ด้านบนตัวหนึ่ง

โหลชีใช้นิ้วมือเกี่ยวสายรัดเลิกมันขึ้นมา ก็เห็นเป็ดแมนดารินไขว้คอคู่หนึ่งถูกปักเอาไว้บนตู้โต้วด้วยด้ายสีทอง

โหลชีรู้สึกขบขันขึ้นมาในทันที เหลือบมองไปที่เฉินซ่า "ท่านให้องครักษ์เยว่พาเอ้อร์หลิงกลับมาก่อน ก็เพื่อเรื่องนี้หรือ?"

จักรพรรดิบางคนเริ่มถอดเสื้อผ้าแล้ว จากนั้นก็มาถอดเสื้อผ้าของนาง

"ไม่ใช่ นี่ท่านกำลังจะทำอะไร?" โหลชีกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ข้างในเปลือยเปล่า คลุมเสื้อคลุมเอาไว้แค่ตัวเดียว?

"คู่บ่าวสาวเข้าหอ หน้าที่สามีภรรยา เจ้าชอบคำเรียกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น"

โหลชีรู้สึกแค่ว่าทั่วทั้งร่างกายไม่มีส่วนไหนที่ไม่อึดอัดเลย "ถ้าหากถูกคนเห็นเข้าล่ะ? ทำไมยังจะต้องออกมาด้วย"

"จักรพรรดินี ท่านคงลืมแล้วแน่เลย ตำหนักสามไม่มีใครกล้าเข้ามาโดยพลการ เราไปที่บ่อน้ำพุร้อนตำหนักมารุตกัน" ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมต้องไปในครั้งนี้ เป็นเพราะเขาไม่อยากให้สาวใช้ที่เตรียมเสื้อผ้าเดาออกว่าพวกเขาจะไปที่บ่อน้ำพุร้อน

ทางที่ดีที่สุดคือไม่มีคนมารบกวน

ฟ้ารู้ว่าครึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ นอกจากการออกรบจากเหนือยันใต้ของพวกเขาในตอนแรก และอยู่ในสนามรบไม่สะดวกแล้ว เวลาต่อจากนั้นก็มีคนมากมายแย่งชิงผู้หญิงกับเขาอีก!

ซวนหยวนคง โหลฮ่วนเทียน หยุนโยว แม้กระทั่งยังมีเสด็จพ่อเสด็จแม่ ไท่ซ่างหวง! ที่ไร้เหตุผลที่สุดก็คือพ่อตาของเขาซวนหยวนจ้าน!

ใครเคยเห็นมาก่อนว่าดึกดื่นเที่ยงคืนคนเป็นพ่อจะวิ่งมาที่ข้างเตียงของลูกสาว บอกจะมาดูว่านางถีบผ้าห่มหรือเปล่า มาห่มผ้าห่มให้นาง?

ใครเคยได้ยินมาก่อนว่าลูกสาวอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ยังเอาแต่คะยั้นคะยอนางว่าจะนั่งบนหลังเล่นขี่ม้าหรือไม่อยู่อีก?

ใครเคยได้ยินมาก่อนว่าจะพาลูกสาวออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อซื้อขนมตลอดเวลา?

พวกนี้ ซวนหยวนจ้าน ไท่ซ่างหวงองค์ใหม่ของราชวงศ์ซวนหยวนล้วนทำ! ได้! แล้ว!

คนอื่นเขายังพูดได้อย่างหนักแน่นมีเหตุผลรองรับ สิบกว่าปีที่ผ่านมาล้วนไม่สามารถอยู่ข้างกายของลูกสาว อย่างไรก็ต้องให้เขาได้มีโอกาสชดเชย!

เฉินซ่านึกเสียใจภายหลังมากกว่าหนึ่งครั้ง ที่ตอนนั้นช่วยพ่อตาคนนี้ "บังคับ" ให้โหลฮ่วนเทียนสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ น่าจะปล่อยให้เขาเป็นฮ่องเต้ต่อไป เขาถึงจะไม่มีเวลามายุ่งกับชีชีของเขามากมายขนาดนั้น

ดังนั้น จึงไม่สนใจคำเหนี่ยวรั้งและคัดค้านของทุกคน เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะพาโหลชีออกจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน กลับไปยังแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง กลับต้าเซิ่ง อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็สงบเงียบ!

เดิมทีควรจะถึงตอนบ่าย ชาวบ้านจะมาต้อนรับตามตรอกซอย แต่ว่าฟ้ายังไม่ทันจะสาง เขาก็พาโหลชีนั่งเจ้าขาวกลับมายังตำหนักจิ่วเซียวแล้ว

ชิงยีหยุดไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดที่จะกล่าวขึ้นมาไม่ได้: "นายท่าน เรื่องการคัดเลือกสนม......" ตอบตกลงได้หรือยัง? ท่านผู้นั้นไปต้าเซิ่งแล้ว ระหว่างหลงหยินกับซื่อฟาง ก็ยังห่างไกลกันมาก ถึงนางจะกลับมาหลงหยินอีก ก็จะไม่มาที่นี่แล้ว

"ปีหน้าค่อยว่ากันเถอะ"

ปีหน้า......

ชิงยีถอนหายใจอย่างเงียบๆ

"สาขาของโรงพรรณยาหยุนเปิดพรุ่งนี้ใช่ไหม?"

"ขอรับ"

"จ้าวหยุนเฟิงมาถึงแล้วหรือ?"

"ได้ยินมาว่ามาถึงแล้ว คุณชายจ้าวเคยส่งบัตรเชิญให้นายท่าน พรุ่งนี้นายท่านไปไหม?"

เฮ่อเหลียนเจี๋ยฮึเสียงเบาคำหนึ่ง "ไม่ไป ข้าไม่อยากเห็นใบหน้าใบนั้นของเขา" ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อก่อนรู้สึกว่าจ้าวหยุนเฟิงยังมีกลิ่นอายชั่วร้ายอยู่เล็กน้อย ตอนนี้กลับดีเลย กลายเป็นเหมือนสัตบุรุษผู้สง่างามจริงๆแล้ว

ที่สำคุญที่สุดคือ ครั้งก่อนตอนที่เจอกันในเมืองหลวงของราชวงศ์เฉิน ตอนนั้นโหลชียังอยู่ที่ซวนหยวน จ้าวหยุนเฟิงพูดคุยกับเขา พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า: "เมื่อวานโหลชีได้ส่งจดหมายมาให้กับข้าน้อย บอกว่าหลังจากที่ชนะศึกแล้ว ก็พบยาสมุนไพรชนิดหนึ่งตรงเทือกเขาลูกหนึ่ง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้สูงอายุที่ร่างกายชราภาพ อีกไม่กี่วันข้าน้อยจะไปดูยาสมุนไพรด้วยตัวเอง ตอนกลางคืนจะตอบจดหมายโหลชี ต้องการให้ทักทายแทนท่านอ๋องสักคำไหม?"

โอ้อวด โอ้อวดอะไร?

ตอนนั้นเขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป เพียงแต่ว่าตอนกลางคืนในห้องหนังสือเมื่อกางกระดาษจดหมายออก กลับพบว่าความจริงแล้วตัวเองไม่มีคำพูดอะไรที่สามารถเขียนลงไปในจดหมายได้

สิ่งที่เขียน ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะพูด

สิ่งที่อยากจะพูด ก็ไม่มีความหมายใดๆอีกแล้ว

และจ้าวหยุนเฟิงในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในโรงพรรณยาหยุนสาขาจันทราที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ บริเวณโดยรอบคือตู้ยาที่เรียงรายอยู่ ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือยาสมุนไพรที่แปรรูปไปแล้วครึ่งหนึ่ง

"เจ้าของร้าน ความจริงยานี้ให้เด็กฝึกงานแปรรูปก็ได้ เหตุใดท่านถึงต้องลงมือทำด้วยตัวเองด้วย?" เถ้าแก่ที่ถูกย้ายมายืนอยู่ด้านหนึ่งอย่างเคารพนบนอบและก็กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ: "ระยะเวลาแปดเดือน โรงพรรณยาหยุนเปิดสาขาไปแล้วสิบหกแห่ง สิ่งที่เจ้าของร้านต้องจัดการมีมากมายเหลือเกิน สามารถพักผ่อนได้ก็พักผ่อนเถอะ"

หยุนเฟิงส่ายหน้า: "ไม่เป็นไร ยาสมุนไพรประเภทนี้ นางสอนข้าว่าแปรรูปอย่างไรดีที่สุด อย่างไรข้าก็ต้องลงมือลองด้วยตัวเอง"

เขาหยิบยาสมุนไพรขึ้นมาต้นหนึ่ง นึกถึงคำพูดของโหลชีในจดหมาย

ดูแลโรงพรรณยาหยุนให้ดีๆ เป็นโรงพรรณยาที่คุ้มครองสุขภาพของผู้คนในใต้หล้า เมื่อพบยาดีๆ นางจะเขียนจดหมายแจ้งต่อเขาทันทีเลย

"ข้าจะทำ" ภายใต้แสงไฟ เขามองดูยาสมุนไพรแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

ถึงแม้จะมีแค่เหตุผลข้อนี้ข้อเดียว สามารถเขียนจดหมายติดต่อกับนางได้ เขาก็เต็มใจจะทนต่อความทุกข์เช่นนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ