ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 641

ประเทศต้าเซิ่งต้อนรับความเจริญรุ่งเรืองที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าอยู่ในช่วงวันเวลาแห่งความรุ่งโรจน์เป็นครั้งแรก

กลางฤดูร้อน พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า สาดส่องลงมายังดินแดนอันกว้างใหญ่ ในวันนี้ ใต้เท้าองครักษ์อิงที่เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพกับใต้เท้าขุนนางหญิงชิวชิ้นเซียนขุนนางหญิงที่ติดตามจักรพรรดินี และโหลวซิ่นหัวหน้าองครักษ์กับใต้เท้าอิ้นเหยาเฟิงหัวหน้าทีมหน่วยรบพิเศษหญิงที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ กำลังจะแต่งงานกันแล้ว

นี่คือเรื่องมงคลเรื่องแรก หลังจากที่จักรพรรดิกับจักรพรรดินีแต่งงานกันแล้ว

ทุกหนทุกแห่งของเมืองหลวงเต็มไปด้วยโคมไฟลูกบอลหลากสีและผูกริบบิ้น ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสงดงามราวกับดอกไม้ ร่วมใจกันแสดงความยินดีกับคู่แต่งงานใหม่สองคู่นี้ หน้าประตูของบรรดาขุนนางเต็มไปด้วยชาวบ้าน และทั้งหมดล้วนมามอบของขวัญแสดงความยินดี

แน่นอนว่า ของขวัญแสดงความยินดีพวกนี้ย่อมไม่ได้มีราคาแพงเหมือนที่เหล่าขุนนางมอบให้อยู่แล้ว

"นี่คือลูกแพร์ที่บ้านข้าน้อยปลูกเอง ข้าน้อยเลือกลูกที่ดีและหวานที่สุดมาสองตะกร้า ขอใต้เท้าได้โปรดช่วยข้าน้อยส่งต่อให้กับแม่ทัพอิงและหัวหน้าองครักษ์โหลวด้วย!"

"พ่อบ้านพ่อบ้าน ข้าน้อยมอบปลอกผ้าห่มเป็ดยวนยางสองผืนนี้ให้ใต้เท้า เป็นของเมียข้าปักเองกับมือเลย ขอฝากบอกท่านหน่อย "

"ยังมีของข้ายังมีของข้า นี่คือรูปปั้นหินที่ท่านปู่ข้าแกะสลักเอง"

"นี่คือยาวิเศษที่ข้าขุดได้บนภูเขา"

"แล้วก็ยังมีของยายแก่อย่างข้าคนนี้ นี่คือไข่ที่ออกโดยไก่ที่เลี้ยงในบ้านตัวเอง อร่อยมากนะ"

รถม้าคันหนึ่งส่ายง่อนแง่นเข้ามาในเมืองหลวง คนที่อยู่ในรถยื่นมือมาเปิดผ้าม่านออก มองดูความครึกครื้นทุกหนทุกแห่งของที่นี่ อดที่จะกระตุกมุมปากขึ้นมาไม่ได้

"ก็แค่แต่งงานไม่ใช่หรือ? ต้องถึงขนาดนี้เลย?"

หลงฉือที่เป็นคนขับรถม้าปาดเหงื่อที่อยู่ตรงหน้าผาก ตอบกลับมาว่า: "ฝ่าบาท ถ้าหากพระองค์แต่งงาน ต้องครึกครื้นกว่านี้มากอย่างแน่นอน ไม่เชื่อพระองค์ก็ลองแต่งงานดูสิ"

คนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็คือโหลฮ่วนเทียนที่ชิงหนีออกมาก่อนก้าวหนึ่ง ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนนามสกุลกลับไปเป็นซวนหยวน และก็เป็นฮ่องเต้มานานหลายเดือน ตอนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรก็ค่อนข้างเหมือนเช่นนั้นจริงๆ แต่ว่าตอนนี้เขากำลังกลอกตามองบน เก็บพัดที่ใช้พัดลมในมือขึ้น แล้วเคาะไปบนหัวของหลงฉือทีหนึ่ง

"ทำไมเจ้าถึงไม่แต่งงานล่ะ? เรื่องแบบนี้บอกจะแต่งก็แต่งได้เลยงั้นหรือ?"

"แต่ว่าฝ่าบาท ท่านก็โตเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ต้องรีบผลิดอกใบออกผลเพื่อราชวงศ์ในเร็ววันแล้ว"

"ข้าว่า ไอ้เจ้าหลงฉือแม่ข้าส่งเจ้ามาใช่ไหม? แม่ข้าใช้อะไรซื้อตัวเจ้าล่ะ?"

หลงฉือแสดงออกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก "ไม่ใช่ไทเฮาซื้อตัวข้าน้อยจริงๆ ท่านลองถามหลงเอี๋ยนดู เขาได้รับจดหมายขององค์หญิงน้อย องค์หญิงน้อยบอกว่า หากท่านไม่เร่งมือหน่อย เกิดไท่ซ่างหวงไทเฮาชิงให้กำเนิดอีกก่อน......"

"เหลวไหล!" ซวนหยวนฮ่วนเทียนระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที: "พวกเขายังคิดจะให้กำเนิดอยู่? รอเดี๋ยว หลงเอี๋ยนเจ้าออกมา ทำไมเสี่ยวชีถึงต้องเขียนจดหมายให้เจ้าด้วย? ยังพูดอะไรอีก?"

"แค่กๆ" หลงเอี๋ยนแวบออกมา กล่าวออกมาอย่างร้อนตัวเล็กน้อย: "ฝ่าบาท องค์หญิงน้อยก็แค่ห่วงใยท่าน......"

ซวนหยวนฉงโจวหรี่ตาลงเล็กน้อย ดึงคอเสื้อของเขาเอาไว้ "หลอกใครน่ะ? ถึงแม้ว่าเสี่ยวชีต้องการจะห่วงใยข้า นั่นก็ต้องเขียนจดหมายให้ข้าด้วยตัวเอง เขียนให้เจ้าทำไมกัน? เป็นเพราะเจ้าเคยเป็นองครักษ์ลับของนาง นางก็เลยสนิทสนมใกล้ชิดกับเจ้าหน่อย? เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเชียว คนที่เสี่ยวชีใกล้ชิดสนิทสนมมากที่สุดคือข้า พูด พูดความจริงมา มิเช่นนั้นข้าจะถีบทำลายของสำคัญเท่าชีวิตจิตใจของเจ้าซะ ให้ชาตินี้เจ้าไม่สามารถแต่งเมียได้อีก"

หลงเอี๋ยนหน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันที อดที่จะบ่นไม่ได้: "ฝ่าบาท องค์หญิงน้อยแทบอยากจะให้องครักษ์ของนางทุกคนล้วนหาคู่แต่งงานได้กันทุกคน มีอย่างท่านที่ไหนกัน เอะอะก็จะทำลายของสำคัญเท่าชีวิตจิตใจของข้าน้อย"

"ใช่ ข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ มีปัญญาเจ้าก็ไปเป็นองครักษ์ของเสี่ยวชีสิ" น่าโมโหจริงๆ ดีร้ายก็เป็นถึงองครักษ์พกอาวุธชั้นหนึ่งของราชวงศ์ซวนหยวนเขา มีปณิธานแค่ไหน แค่เพื่อจะแต่งเมียคนหนึ่งเนี่ยนะ?

เขาหัวเราะแฮะๆๆขึ้นมา: "มิเช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดถึงเฉิงสิบดูสิ ข้าว่าเจ้าหมอนั่นก็คือคนที่หาเมียไม่ได้ทั้งชีวิตแน่ พวกเจ้าติดตามเสี่ยวชี ช้าเร็วก็จะเหมือนกับเขานั่นแหละ"

"เฉิงสิบก็ค่อนข้างดีอยู่ไม่ใช่หรือ?"

"ดีอะไรกัน? นั่นก็แค่คนหัวดื้อคนหนึ่ง"

ทันทีที่คำพูดของซวนหยวนฮ่วนเทียนหยุดลง เสียงของเฉิงสิบก็ดังมา

"ฮ่องเต้ซวนหยวนนินทาข้าน้อยลับหลังเช่นนี้ดีหรือ?"

เงาร่างสูงและหล่อเหลาบินโฉบเข้ามา หยุดอยู่ตรงด้านหน้ารถม้า ซึ่งคือเฉิงสิบนั่นเอง

เฉินสิบในเวลานี้ไม่มีความไร้เดียงสาอย่างตอนที่เพิ่งเริ่มติดตามโหลชีในตอนแรกแล้ว ยังคงหล่อเหลาดังเดิม แต่ความสุขุมเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ก็เหมือนกระบี่ล้ำค่าที่เดิมทีสวยงามหรูหราเกินไปหลังจากที่ถอดความสดใสออกไป กลับดูมีเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหลมากขึ้นมาเล็กน้อย

"อ๊า นั่นคือแม่ทัพน้อยเฉิงสิบนี่!"

ซวนหยวนฮ่วนเทียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ด้านข้างก็มีเสียงกรี๊ดที่ตื่นเต้นดังขึ้นมา จากนั้นก็มีสาวน้อยกลุ่มหนึ่งกระโจนเข้ามากันอย่างบ้าคลั่ง

บนใบหน้าของพวกนางแต่ละคนล้วนแดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย มองดูเฉิงสิบราวกับผึ้งที่เห็นดอกไม้

"แม่ทัพน้อยเฉิง ข้าจะแต่งงานกับท่าน!"

"แม่ทัพเฉิง แต่งกับข้าแต่งกับข้า สินเดิมเจ้าสาวข้าก็เตรียมเอาไว้แล้ว!"

"แม่ทัพเฉิงสิบ ข้าชอบท่านมานานแล้ว อ่า ได้เห็นตัวเป็นๆดีใจจังเลย!"

ชั่วขณะหนึ่งทั่วทั้งถนนราวกับถูกต้มจนเดือดระอุ คนกลุ่มหนึ่งโอบล้อมเข้ามาอย่างตื่นเต้น

ใบหน้าหล่อเหลาของเฉิงสิบดำมืด รีบกระโดดขึ้นรถม้าไปทันที ให้หลงฉือรีบขับรถม้าออกไปอย่างรวดเร็ว

กว่าที่จะฝ่าวงล้อมหนีออกไปไม่ง่ายเลย ซวนหยวนฮ่วนเทียนหัวเราะฮ่าๆๆจนยืดตัวตรงขึ้นมาไม่ได้

"โอ้ แม่ทัพน้อยเฉิงสิบนี่คือค่าตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างมากหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพแล้วนี่นา"

เฉิงสิบรู้สึกอายเล็กน้อย "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะจักรพรรดินีพูดไร้สาระกับคนอื่นตอนที่ออกมาเดินเล่นเมื่อสองวันที่แล้ว!" พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเล็กน้อย

จริงๆเลย ไม่อยากแต่งงานน่าแปลกมากหรือ?

"เสี่ยวชีพูดอะไรหรือ?" ซวนหยวนฮ่วนเทียนสนใจขึ้นมา

"เฉินซ่าถูกประตูหนีบหัวจนโง่ไปแล้วหรืออย่างไร?" ซวนหยวนฮ่วนเทียนกระทืบเท้า "รอให้ท่านพ่อตาของเขามาก่อนเถอะ ข้าก็อยากจะดูสิว่าจะให้เข้าตำหนักสามไหม!"

และในตำหนักสามที่ถูกเฉินซ่าระบุให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม ไม่ว่าใครก็ห้ามเหยียบเข้าไปโดยพลการ เวลานี้ภายใต้ร่มเงาของดอกไม้ในสวนดอกไม้บางแห่ง สองมือของโหลชีกำลังจับเถาวัลย์ดอกไม้สองต้นเอาไว้แน่น ด้านหลังถูกเฉินซ่ายันเอาไว้อย่างแน่นหนา

"เฉินซ่าเจ้ามันสารเลว....."

"ข้าสารเลวตรงไหนกัน หืม?"

"รู้อยู่แล้วแท้ๆว่าพี่ชายข้าใกล้จะมาถึงแล้ว ยัง......ยังไม่ปล่อยข้าไปอีก!"

"ชีชีเด็กดี เราต้องรีบทำเวลาให้กำเนิดพระโอรสแล้ว จะปล่อยให้คนอื่นนำหน้าไม่ได้"

โหลชีรู้สึกหมดคำพูดไปชั่วขณะ

และเพราะเหตุผลนี้ ช่วงนี้เจ้าหมอนี่เกิดอาการติดสัดตลอดเวลา ไม่คำนึงถึงกลางวันกลางคืนเวลาและสถานที่เลย! เหตุผลของวันนี้ก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกหมดแรง เป็นเพราะว่าอิงกับโหลวซิ่นพวกเขาจะแต่งงานเข้าหอกันในคืนนี้ กลางวันเขาจะต้องทำก่อนหลายๆรอบ ถ้าหากว่าทุกคนล้วนสามารถตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ นางก็สามารถเร็วกว่าคนอื่นครึ่งวัน!

เด็กอมมือ!!!

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เหตุผลที่น่าขำข้อนี้มาปกปิดความจริงที่ว่าเขาหมกมุ่นในเรื่องกามอารมณ์ชัดๆ!

"ห้ามใจลอย" เฉินซ่าเห็นว่านางใจลอย การกระทำก็แรงขึ้นมาเล็กน้อย

"เราควรต้องออกไปแล้ว......อ๊า!" บ้าชิบ!

ดังนั้น เหตุผลที่ตำหนักสามถูกสั่งห้ามเข้าโดยเด็ดขาด นั่นก็เป็นเพราะว่าจักรพรรดิบางคนกำลังอยู่ในช่วงเวลาติดสัดระยะยาว!

พระอาทิตย์กำลังตกดิน เปิดพิธีงานมงคลตำหนักจิ่วเซียว

โต๊ะจัดเลี้ยงนับร้อยโต๊ะวางอยู่ในตำหนักหนึ่ง บรรดาขุนนางพาภรรยาและลูกสาวมาร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดี จักรพรรดิและจักรพรรดินีเปิดตำหนักหนึ่ง มีเด็กๆไม่น้อยวิ่งเล่นไปรอบๆ นี่คือวันที่ครึกครื้นมากที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ของตำหนักจิ่วเซียว

เอ้อร์หลิงเริ่มยุ่งจนเท้าไม่แตะพื้นตั้งแต่เช้า ชุดแต่งงานของอิ้นเหยาเฟิงกับชิวชิ้นเซียนล้วนมาจากมือนางทั้งนั้น สองคนนั้นยังยืนกรานจะให้นางปักให้ตัวเองอีกตัวหนึ่งด้วยให้ได้ อ้างว่าถึงอย่างไรก็ต้องทำ ของนางก็ทำไปพร้อมกันเลย มิเช่นนั้นทำให้แต่ของพวกนางเท่านั้น พวกนางก็ไม่สบายใจ

ไม่ง่ายกว่าที่นางจะปักชุดแต่งงานสามชุดนี้เสร็จ วันนี้นางยังต้องเตรียมห้องหอให้ทั้งสองคนอีก ยุ่งจนหัวหมุนไปหมด

ใกล้จะถึงเวลาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของคู่บ่าวสาวแล้ว มีซี่เหนียง*ที่แต่งงานแล้วทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวรับช่วงต่อ นางถึงหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง เตรียมตัวจะกลับเข้าไปในลานของตนเองหวีผมล้างหน้าแล้วก็พักผ่อนครู่หนึ่ง อีกสักครู่หนึ่งจะได้ไปชมพิธีพร้อมกัน

แต่ว่าตอนที่นางเพิ่งจะเดินไปถึงลานของตัวเอง ข้างในก็มีสาวใช้กลุ่มหนึ่งพุ่งทะลักออกมา ล้อมรอบแล้วเบียดนางเข้าประตู ต่างคนต่างก็ยุ่งกันขึ้นมา มีคนเอาชุดแต่งงานมาจะเปลี่ยนให้นาง มีคนเตรียมจะทำความสะอาดใบหน้าให้นาง มีคนยกเครื่องประดับเข้ามา ยังมีคนกำลังร้องขึ้นมาว่าผ้าคลุมหัวไปไหนแล้ว

"นี่ปิ่นระย้าที่จักรพรรดินีประทานมา ระวังหน่อยอย่าทำเสียล่ะ"

"เร่งมือกันหน่อย ใกล้จะถึงฤกษ์ดีแล้ว ขุนนางหญิงเอ้อร์หลิงยุ่งมากจริงๆ เพิ่งจะกลับมาตอนนี้ รอกันมาตั้งนานแล้ว"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ