อันที่จริง อันที่จริงมีคนไม่มากที่ติดตามเฉินซ่าท่องยุทธภพเพื่อพิชิตโลกจริงๆ ตอนนี้พ่อบ้านแม่บ้านใหญ่ทั้งยี่สอบคนในพั่วอวี้ อย่างน้อยเจ็ดส่วนเป็นคนดั้งเดิมในพั่วอวี้ มีบางส่วนติดตามอดีตเจ้าเมืองต่อมาได้ยอมจำนนต่อเขา บางคนมีความแค้นและความเกลียดชังต่ออดีตเจ้าเมืองและเข้าร่วมกับเขาด้วยความสมัครใจเอง
คนเหล่านี้อาจจะไม่ได้สามัคคีปรองดองกันขนาดนั้น แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกเขาต่างหวังว่าตำหนักจิ่วเซียวสามารถยืนหยัดและมั่นคงอยู่ในโลกนี้ได้! พั่วอวี้ สามารถเป็นประเทศได้! ด้วยวิธีนี้ ตำแหน่งของพวกเขาสามารถสูงขึ้น พลังอำนาจสามารถมากขึ้น จะได้เดินออกไปได้อย่างสง่างาม!
ผู้ชายในโลกนี้ มีใครบ้างที่ไม่อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน? ใครไม่อยากมีชื่อเสียง?
เจ้าเมืองคนก่อนแม้มีความทะเยอทะยาน และมีความสามารถ แต่ยังไงก็ไปไม่ถึงจุดหมาย และตอนนี้พวกเขาฝากความหวังไว้ที่เฉินซ่า เฉินซ่า มีความสามารถและความกล้าหาญนั้นอย่างแน่นอน หากเพราะพลังอำนาจที่พระสนมนำมา เช่นนั้น ความรุ่งโรจน์ของพั่วอวี้กำลังจะมา!
ทุกคนมีความสุขยินดีปรีดา ในเวลาเดียวกันก็มีความภาคภูมิใจ พวกเขากำลังเตรียมการอย่างลับๆ เตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกพระสนม พวกเขาก็สามารถเริ่มวางแผนปฏิบัติการได้ทันที เริ่มได้ทันที!
สาวงามทุกคนแต่งตัวหรูหราและเตรียมพร้อม พูดได้ว่า พวกนางได้ผ่านมาหลายด่าน และมีคนตกรอบไปเยอะ ไม่ใช่แค่สาวงามที่มีสถานะจากทั่วทุกมุมโลกที่มาที่นี่ แต่ยังรวมถึงบางคนที่ต้องการฉวยโอกาสเข้าไปในตำหนักจิ่วเซียว ได้เป็นนางบำเรอก็ยังดี เป็นสาวที่มีอำนาจในพั่วอวี้ เป็นนางบำเรอ ล้วนมีคุณสมบัติมาเข้าร่วมพิธีคัดเลือกพระสนม และเมื่อเปรียบเทียบกับองค์หญิงเป่ยชาง ด่านที่พวกนางต้องฝ่ายังมีอีกมากมาย
ตั้งแต่เช้าก็ต้องตรวจร่างกายก่อน
แน่นอน การทดสอบนี้ค่อนข้างซับซ้อนเช่นกัน ต้องดูว่ายังบริสุทธิ์หรือไม่ และรูปร่างสวยงามหรือไม่ อ้วนไปไม่ได้ ผอมเหลือแต่กระดูกไม่ได้ ขี้เหร่เกินไปไม่ได้ ร่างกายพิการไม่ได้ ร่างกายไม่ขาวไม่สะอาดไม่ได้ มีกลิ่นปากไม่ได้ มีกลิ่นตัวไม่ได้ มีขนตามตัวเยอะไปไม่ได้...... ยังไง ก็ต้องให้สวยงามสุดๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นผลให้สาวงามในกลุ่มนี้ เหลือเพียงสิบคนเท่านั้น
ในสิบคนนี้ ก่อนหน้านี้มีสามคนจากตำหนักหนึ่งรวมอยู่ด้วย มีท่านหนึ่งชื่อหลันอี้เป็นลูกสาวของอดีตเจ้าเมืองเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งก่อน จึงถูกตัดสิทธิ์ออก
บวกกับสาวงามที่มีสถานะเหล่านั้นแล้ว มีสาวงามทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน
สาวงามยี่สิบเอ็ดคน ใช้เวลาช่วงบ่ายในการเตรียมความพร้อม จากนั้นในงานเลี้ยงตอนกลางคืนก็ต้องแสดงด้านที่สวยงามที่สุดของตัวเอง สุดท้ายก็จะมีเฉินซ่าเป็นคนเลือก ส่วนจะเลือกใคร และจะเลือกกี่คน นั่นเป็นเรื่องของเขาเอง
บ่ายวันนี้ ในที่สุดสาวใช้ในตำหนักจิ่วเซียวก็รู้ซึ้งว่าสาวใช้ของนายท่านนั้นต้องทำงานยุ่งขนาดไหน เพราะสาวงามเหล่านั้นต่างมีความปรารถนาของตัวเอง และพยายามทำให้ดีที่สุด และแสดงด้านที่สวยงามที่สุดของตัวเองออกมา ดังนั้นพวกเขาจะขอสิ่งของต่างๆ หรือให้พวกนางสอบถามข้อมูลของสาวงามคนอื่นๆ พูดสั้นๆคือ มันเป็นวันที่วุ่นวายที่สุด
ทุกคนกำลังยุ่งมาก และในวังก็เริ่มเตรียมงานตั้งแต่ตอนเย็น มีโต๊ะและที่นั่งบนทางเดิน และตรงกลางมีก้อนอิฐสีเทาเป็นลานกว้างใหญ่ ปูพรมเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง รอบๆพรมมีเสาโคมไฟสูงขนาดเท่าเอวคน ด้านบนมีโคมไฟวังสามารถส่องสว่างสนามเต้นรำได้อย่างชัดเจน
มีสาวใช้บริการผลไม้สดและเหล้าชั้นดี องครักษ์เฝ้าอยู่รอบนอก จะไม่ผ่อนคลายการเฝ้าระวังเพียงเพราะเป็นงานเลี้ยงในวัง
"องค์ชาย พวกข้าจะทำอย่างไรดี?" ในมุมทางเดิน เพราะเป็นพื้นที่ต่ำเล็กน้อย และมีช่อไม้ดอกขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ไม่สามารถมองเห็นทุกมุมของสถานที่ ดังนั้นจึงระบุให้เป็นตำแหน่งระดับต่ำ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงในวังที่นั่งตำแหน่งนี้มีฐานะต่ำต้อยที่สุด ในเวลานี้ คนที่ไว้หนวดตรง ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าชุดต่างแดนนอกพั่วอวี้กำลังถือแก้วเหล้า และจ้องมองไปที่ตรงข้ามของลานกว้างขนาดใหญ่ ในระยะดังกล่าว จึงสามารถดูได้เพียงคร่าวๆว่าเป็นใคร แต่ท่าทางและการเคลื่อนไหวเห็นได้ไม่ชัดเจน
"รอ"
ชายที่มีหนวดคนนี้คือซีฉางหลี
มันไม่ง่ายกว่าที่พวกเขาจะแอบเข้ามาได้ แต่นอกจากงานเลี้ยงในวังนี้ ไม่สามารถไปไหนได้ และตอนนี้ได้แต่นั่งรอที่นี่ เพราะเฉินซ่ายังไม่ออกมา
"ไหนบอกว่าทุกวันที่สิบห้าของเดือนเฉินซ่าก็จะเป็นเหมือนหมารอตายตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ไม่รู้จริงๆว่าในงานนี้เขาจะใช้วิธีไหนปรากฏตัวออกมา" ลูกน้องของซีฉางหลีพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น
อันที่จริง ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ผู้คนในงานนี้ที่รู้เรื่อง ต่างก็รอคอย รอดูว่าเฉินซ่าจะปรากฏตัวออกมาอย่างไร
ในเรื่องนี้ ทัศนคติของเขาเวิ่นเทียนก็ค่อนข้างแปลก ไหนบอกว่าเทพธิดาของเขาเวิ่นเทียนชอบเฉินซ่าไม่ใช่เหรอ พวกเขาควรรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเฉินซ่า แต่ก็ยังจะเลือกวันนี้เพื่อให้เขาคัดเลือกพระสนม นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
พูดได้เลยว่า คนที่มาในครั้งนี้ บางคนมาเพื่อความสนุก เพื่อมาดูเรื่องตลกของเฉินซ่า
ตามข่าวลือ ทุกวันที่สิบห้าเฉินซ่าจะเป็นเหมือนหมารอตายตัวหนึ่ง แต่เรื่องเฉพาะเจาะจงไม่มีใครรู้
ในสถานการณ์ความคิดที่แปลกใจต่างๆนานา งานเลี้ยงในวังก็เริ่มขึ้น
ภายใต้การนำทางของสาวใช้ได้พาแขกเข้ามาที่โต๊ะนั่ง ถึงแม้จะรอเฉินซ่าไปสักพัก แต่ก็ไม่มีใครรีบร้อน จะออกมาได้หรือไม่ค่อยว่ากัน วิธีการปรากฏตัวออกมา คือแบกหามออกมา หรือใช้ไม้ปิดการมองเห็นเพื่อป้องกันไม่ให้คนเห็นหรือ?
ไม่ว่าอย่างไร สำหรับคนที่ไม่หวังดีจะคิดว่า ไม่มีทางที่เฉินซ่าจะเดินออกมาด้วยตัวเขาเองได้
ไม่เห็นหรือว่าที่นั่งของเขาเป็นที่นั่งที่นุ่มสบาย?
"ฝ่าบาทมาถึงแล้ว!"
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็กลั้นหายใจและรอให้เฉินซ่าปรากฏตัว
ลมกระโชกแรงโชยมา และร่างลอยมาจากท้องฟ้า ทุกคนเพ่งเล็งอย่างตั้งใจ ในที่นั่งหลัก เฉินซ่าได้นั่งอยู่บนนั้นแล้ว ชุดคลุมยาวสีดำปักด้วยเส้นด้ายสีเงิน ทำให้มีออร่าน่าเกรงขาม รูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลา
แววตาของเขาคมลึก ดวงตาสีเข้ม ดูได้จากที่ไหนว่ามันผิดปกติ?
การปรากฏตัวเช่นนี้ ไม่เพียงแต่บอกทุกคนว่า เขาไม่เพียงแค่สบายดี และกำลังภายในยังแข็งแกร่งไม่มีผลกระทบอะไรเลย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
"ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อค้นหายาทั้งหมดสำหรับนายท่าน! เป็นคนที่สามารถกำจัดพิษกู่ได้ ข้าจะหาให้พบ!" ตอนนี้นางไม่สามารถแตะต้องโหลชี แต่ว่า ในวันที่พิษกู่ของนายท่านหาย นางจะทำให้โหลชีตายอย่างไร้ที่ฝังศพ!
เยว่มองดูเสวี่ย และแอบถอนหายใจ
"ขอคารวะฝ่าบาท"
ทุกคนยืนขึ้น และคำนับเฉินซ่า แต่ก็มีคนบางคนที่รู้สึกอึดอัดใจ แค่ได้เห็นฝ่าบาทก็พอแล้ว แต่ข้างกายเขายังมีสาวใช้อยู่ข้างๆ ตอนนี้ เหมือนกับว่าสาวใช้คนนั้นกับเฉินซ่าก็ได้รับการคารวะจากพวกเขาพร้อมกัน
"ฝ่าบาท แม้ว่าแม่นางคนนี้เป็นแม่นางโหลที่ก่อนหน้านี้เคยทำให้ราชันอินทรีเขาหิมะยอมจำนนใช่ไหม?" มีผู้นำที่มีอำนาจในพั่วอวี้ท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน และชี้ไปที่โหลชี
เฉินซ่ายังไม่ได้พูด โหลชีก็ยืดคอ แล้วพูดอย่างเขินอาย "ฝ่าบาท เขาชี้มาที่ข้า เป็นเพราะเขาไม่ชอบข้าเหรอ? ข้ากลัวมาก ข้าไม่นั่งตรงนี้ดีกว่า" พูดจบ นางก็กำลังจะลุกขึ้นยืน
อิง เยว่ ฮั่วหยูฉุนและคนอื่นๆเกือบจะพ่นเลือดออกจากปาก
แค่คนอื่นชี้มาที่เจ้าๆก็กลัวเหรอ? เจ้าหลอกใคร? หลอกใคร!
"ไม่ต้องมาเสแสร้งแบบนี้!" เสวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง
เฉินซ่าทำสีหน้าเคร่งขรึม มองชายคนนั้นอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาราวกับน้ำแข็ง และน้ำเสียงช่างน่ากลัวแฝงด้วยความพิฆาต "ข้าว่า เจ้าคงคิดว่านิ้วเยอะเกินไป"
คนหนึ่งมีสิบนิ้ว ใครจะว่าเยอะเกินไป!
คำพูดนี้รู้สึกมีการข่มขู่ที่รุนแรง ทุกคนก็ฟังออก และไม่มีใครสงสัย หากว่าคนคนนั้นยังกล้าชี้ไปที่โหลชี นิ้วนั้น เฉินซ่าจะช่วยตัดนิ้วนั้นของเขา
ใบหน้าของชายผู้นั้นซีดเผือด และรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำแล้วรีบนั่งลง ความเย็นชาที่ซ่อนอยู่ภายในใจผ่านไปตั้งนานยังไม่จางหาย
เป็นผลให้ หลายคนมีความคิดเห็น แต่ใครจะกล้าพูดนินทาว่าโหลชีผิด และมีใครกล้าบอกว่าที่โหลชีนั่งข้างกายเขามันเป็นเรื่องไม่สมควร และไม่ถูกกฎระเบียบ?
ถ้าใช้นิ้วชี้ก็จะถูกตัดนิ้ว และถ้าพูดอีกสักสองสามคำ จะถูกตัดลิ้นออกมาโดยตรงไหม หากมองอีกครั้ง อาจจะถูกควักลูกตาโดยตรง
เพราะว่า ปกติเฉินซ่ามักจะมีอารมณ์แปรปรวน โหดเหี้ยมอำมหิต ดังนั้นจึงใช่ว่าจะทำไม่ได้
ในบรรยากาศเช่นนี้ โหลชีทำลายความเงียบด้วยการขยิบตาและยิ้มให้กับเฉินซ่า แล้วถามว่า "ฝ่าบาท เริ่มเลือกนางสนมได้หรือยัง?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ