แต่ความเข้าใจผิดก็คือความเข้าใจผิด น้ำเสียงที่ดุจดั่งสามีที่ไม่สามารถมอบชีวิตที่ดีให้กับภรรยาได้แบบนี้ของเฉินซ่า ยังคงทำให้โหลชีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้างเล็กน้อย
นางส่ายหน้าไปมาแล้วพูดว่า "อยู่ข้างนอกสามารถดื่มน้ำซุปที่มีเนื้อแบบนี้ได้ กินแป้งย่างเข้าไปตั้ง สองชิ้น ช่างเป็นเรื่องที่พออกพอใจมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ข้าเคยลองทำได้แค่อ้าปากดื่มน้ำฝนและแทะรากหญ้ามาสามวันสามคืน......"
พอพูดถึงตรงนี้เราก็หยุดชะงักไปชั่วคราว การเริ่มต้นพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ด้วยความเฉลียวฉลาดของเฉินซ่า ไม่แน่ว่าวันไหนที่นางพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะถูกเขาจับพิรุธได้ และถ้ามีพิรุธก็จะเป็นการบ่งบอกว่านางไม่ใช่คนในโลกนี้
แต่พอนึกอีกที นางก็รู้สึกว่าบางทีเฉินซ่าอาจจะสงสัยมานานแล้วก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเสีย คืนนั้นในภูเขาลึก เธอก็ได้ตกลงจากฟากฟ้ามาสู่อ้อมแขนของเขาโดยตรง
เพียงแต่เขาไม่เคยซักถามถึงที่มาของนาง ซึ่งทำให้นางรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อยว่าทำไมเขาถึงไม่ถามเลยล่ะ?
เฉินซ่าเหลือบมองดูนาง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้เคยมีชายใดอยู่กับเจ้ามาก่อนหรือไม่?
เอาละสิ เมื่อกี้เพิ่งจะพูดว่าทำไมเขาถึงไม่ถาม เขาก็ถามนางขึ้นมาด้วยคำถามแบบนี้เสียแล้ว
"ข้าต้องตอบคำถามนี้อย่างไรเจ้าคะ? ที่ท่านหมายถึงคือผู้ชายที่มีความสัมพันธ์แบบไหนหรือเจ้าคะ? ข้าไม่ได้เกิดและโตมาในเมืองแม่หม้ายนะ ข้างกายข้าก็ต้องมีผู้ชายแน่นอนอยู่แล้ว" นางตั้งใจกะพริบตาปริบๆให้เขาด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น
อันที่จริงเฉินซ่าถามคำถามนี้ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรเลย เขาเพียงแต่ได้ยินนางพูดขึ้นมาว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไรบ้าง ทันใดนั้นเขาจึงอยากจะรู้ว่า ตอนที่นางทำได้แค่ดื่มน้ำฝนและแทะรากหญ้า มาตลอดสามวันสามคืนนั้น ข้างกายมีชายใดหรือไม่ ถ้าหากว่ามี ผู้ชายที่ผ่านพายุฝนและความทุกข์ยากด้วยกันมาแบบนั้น นางคงจะจดจำเอาไว้ใจเสมอสินะ
แต่เมื่อถูกนางถามกลับมาเช่นนี้ และได้เห็นดวงตาที่กะพริบตาอย่างชั่วร้ายเป็นพิเศษนั้นของนาง เขาก็เลยจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องที่ค่อนข้างชั่วร้ายข้างต้นตามนางต่อไป
ในครั้งแรกที่เจอนาง นางสวมเสื้อผ้าที่แปลกประหลาด แต่อย่างไรเสีย มันก็เผยให้เห็นส่วนต่างๆของร่างกายที่ไม่ควรเปิดเผยมากเกินไปแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมที่นางเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้จะต้องแตกต่างจากที่ที่พวกเขาอยู่นี้ และผู้คนก็ค่อนข้างที่จะเป็นกันเองมากอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้น ที่นางพูดว่ามีผู้ชายอยู่ข้างกาย หรือว่าจะเป็นผู้ชายที่สามารถขึ้นไปบนเตียงของนางได้? ผู้ชายที่นอนกอดนาง? หรือว่าจะเป็นผู้ชายที่มีทั้งหมดของนาง?
ทันใดนั้นลมหายใจของเฉินซ่าก็เย็นยะเยือกลงมาจนถึงที่สุดแล้ว อันตรายที่ปรากฏออกมาอยู่ในภายในดวงตาสีเข้มคู่นั้น ทำให้โหลชีรู้สึกว่าตัวเองล้อเขาแรงเกินไปแล้วขึ้นมาทันที นางจึงรีบเก็บสีหน้าทะเล้นเอาไว้ แล้วโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพูดว่า "ไม่มีไม่มี ไม่มีจริงๆ"
หลังจากที่เฉินซ่าใช้มือใหญ่ๆคว้านางมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองแล้ว เขาก็ใช้มือจับศีรษะของนางเอาไว้ไม่ให้ขยับ แล้วกดริมฝีปากลงไปจูบนางอย่างรุนแรง เขาจูบนางจนกระทั่งนางหอบฮั่กๆ แก้มแดงก่ำและดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัว เขาจึงปล่อยนาง แล้วถามว่า "แล้วมีชายใดทำแบบนี้กับเจ้าหรือไม่?"
"ไม่มี ท่านเป็นคนแรก!" โหลชีพูดด้วยความคับแค้นใจ
ทรราช แม้กระทั่งจูบก็ยังบ้าระห่ำขนาดนี้ ซึ่งทุกครั้งนางมักจะรู้สึกว่าแม้แต่ลมหายใจของตัวเองเขาก็อยากจะกลืนเข้าไปในท้องของเขาและรู้สึกว่าเขาอยากจะม้วนเอาริมฝีปากและลิ้นของตัวเองออกไปกลืนกินอยู่เสมอ
มือขนาดใหญ่อันอบอุ่นข้างหนึ่งของเขาครอบอยู่บนหน้าอกของนาง แล้วเขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแฝงไปด้วยเจ้าเล่ห์"มีชายใดเคยสัมผัสตรงนี้หรือไม่?"
โหลชีอยากจะตบไปบนใบหน้าเขาสักหนึ่งฉาดมาก แต่สุดท้ายยางก็ได้แต่จ้องมาที่เขาอย่างโกรธเคือง "มี!" เมื่อดวงตาทั้งสองข้างของเขามืดสลัวลง นางก็พูดเสริมต่อไปอีกหนึ่งประโยคว่า "ก็คนที่ชื่อเฉินซ่าคนนั้นไง!"
ความมืดสลัวสลายไป ล่องลอยกลายเป็นระลอกคลื่นแห่งแสงขึ้นมา ดวงตาที่สว่างสุกใสเช่นนี้ ทำให้ความโกรธของโหลชีก็หายไปในทันใด ผู้ชายคนนี้หล่อมากจริงๆ จะมองตรงไหนก็ดูดีไปหมด โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้!
อืม คิดไปคิดมา ผู้ชายที่หน้าตาดีแบบนี้เป็นของนาง ดูเหมือนว่ามันก็ดีมากเหมือนกันนะ
ผู้ชายที่ดูดีจนโหลชีหลงใหลในรูปโฉมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวในขณะนี้ก็รู้สึกพอใจและดีใจอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง เขาดีใจมาก "โหลชี ข้ามีความสุขมาก ข้าจะตกรางวัลให้เจ้า"
นางยังไม่ทันได้ถามออกมาว่าเขามีความสุขเรื่องอะไร และต้องการจะตกรางวัลอะไรให้นาง ริมฝีปากของเขาก็กดลงมาอีกครั้งเสียแล้ว
ไอ้คนสารเลว ตกรางวัลให้มันมีแก่นสารสักหน่อยจะได้ไหม? จะหลงตัวเองอย่างนี้ไม่ได้นะ และอย่าได้เอาจูบของตัวเองมาเป็นรางวัลเป็นประจำแบบนี้เข้าใจไหม?!
พวกเขาอยู่ในวิหารนี้ ส่วนองครักษ์คนอื่นๆล้วนอยู่ที่ห้องถัดไป จึงไม่มีใครเห็นพวกเขา แต่ทว่าเบื้องหน้าของพวกเขาก็คือพระพุทธรูปองค์หนึ่งเลยนะ อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธองค์ที่มีเมตตาธรรมและไร้ซึ่งความปรารถนา แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ไม่ดีเลย
ตอนที่องครักษ์เยว่กลับมานั้น โหลชีเพิ่งจะถูก "ปลดปล่อย" แต่แก้มของนางยังคงแดง และริมฝีปากก็ยังคงบวมเล็กน้อย
เขากวาดตามองดูนาง แล้วยิ้มแย้มไปมาอย่างรู้เท่าทัน
"ใต้เท้าองครักษ์เยว่ไปไหนมาหรือเจ้าคะ?" โหลชีไม่พอใจกับรอยยิ้มที่รู้เท่าทันของเขา นางจึงจ้องเขม็งมองไปที่เขา
"ไปตรวจดูรอบๆอีกครั้งมาน่ะ"
ในท้ายที่สุด เยว่ก็ยังไม่ค่อยกล้าปล่อยวางการระแวดระวังภัยต่อสถานที่แห่งนี้
เมื่อโหลชีได้ยินดังนั้นก็กดไลค์ให้เขา แล้วพูดว่า "ใต้เท้าองครักษ์เยว่ค่อนข้างละเอียดรอบคอบมากจริงๆ ถ้าเป็นใต้เท้าองครักษ์อิง ก็คงดื่มแกงเนื้อแห้งกินแป้งย่างแล้วเตรียมพร้อมจะเข้านอนไปตั้งนานแล้วล่ะเจ้าค่ะ"
อิงที่กำลังยุ่งอยู่ไกลออกไป ณ ตำหนักจิ่วเซียวได้จามเสียงดังขึ้นมาเสียแล้ว
อยู่ไกลขนาดนี้ยังจะทำให้คนซวยโดยไม่รู้ตัวไม่ได้นะ
เยว่อดหัวเราะไม่ได้ แล้วจึงพูดว่า "ตอนนี้ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับเจ้าหน่อย หวังว่าโหลชีจะรับคำ"
ทันใดนั้นโหลชีก็รู้สึกระแวดระวังตัวขึ้นมา "เจ้าก็พูดมาก่อนสิว่าเป็นเรื่องอะไร ข้าถึงจะพิจารณาว่าจะรับคำหรือไม่" เยว่รับมือยากกว่าอิง ถึงแม้ว่าอิงจะชอบพูดโต้เถียงและทะเลาะกับนางเสมอ แต่ความคิดก็ไม่มีมากเท่าเยว่นะ
จู่ๆเสียงนั้นมาจากที่ใดกัน?
คิดไม่ถึงว่าพอนางตั้งใจฟัง ขนบนร่างกายก็ลุกไปหมดแล้วในทันที แล้วสักพักหนึ่งนางก็กระโดดขึ้นมา
เสียงนั้น เสียงนั้น เสียงนั้นมาจากใต้ดิน! มันอยู่ใต้ก้นของนาง! ความรู้สึกแบบนี้ ถึงอย่างไรนางไม่ชอบอยู่ดี รู้สึกอึดอัดชะมัดเลย!
ทันทีที่นางกระโดดขึ้นมา เสียงนั้นก็สงบลงมาแล้ว แต่ในครั้งนี้โหลชีมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดแน่ๆ เธอก็เลยไม่ขยับอีก และยืนเฉยๆอยู่ตรงนั้น องครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่ด้วยกันกับนางนั่งอยู่ที่ประตูวิหารข้างๆ ซึ่งอยู่ห่างจากนางประมาณสามเมตร ก็ถูกการกระทำเมื่อสักครู่นี้ของนางทำให้ตกใจจนสะดุ้งโหยงขึ้นมาแล้วเช่นกัน เขาจึงลุกขึ้นมาแล้วก็เดินไปหานางอย่างรวดเร็วในทันที
โหลชีโบกไม้โบกมือให้เขา แสดงเจตนาให้เขาหยุด องครักษ์คนนั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่ แล้วก็ยกการ์ดขึ้นสูงในขณะที่กำลังมองไปรอบๆ ในเวลานั้นเองโหลชีก็นึกขึ้นมาได้ว่าเฉินซ่าสามารถส่งสัญญาณเสียงลับมาได้ แม้ว่านางจะมีกำลังภายใน แต่ก็ไม่เคยเรียนเคล็ดวิชานั้น ต่อจากนี้ไปจะต้องให้เขาสอนเสียแล้ว
นางชี้ลงไปที่พื้น องครักษ์ฟังแล้วฟังอีกอย่างตั้งใจ แล้วส่ายหน้าไปมาแสดงให้นางเห็นว่าเขาไม่ได้ยินเสียงผิดปกติใดๆเลย โหลชีเม้มปากแน่น แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ปัญหาคือเมื่อกี้เขาไม่ได้ยินเหมือนกันงั้นเหรอ? เธอได้ยินเสียงดังตึกตึกๆๆ ดูเหมือนว่าพื้นที่ด้างล่างจะโล่งกว้างมาก เป็นไปได้มากที่มันจะขยายจากด้านข้างของเธอไปยังวิหารด้านนั้น วิหารทั้งสองว่างเปล่า ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ข้างบนนี้......
โหลชีมองย้อนกลับไปในวิหาร และเห็นได้ย่างชัดเจนว่าในขณะนี้เฉินซ่ากับเยว่ได้หลับสนิทไปแล้ว ลมหายใจสงบเงียบและยาวเหยียดมาก นางจำได้ว่าเวลาที่พวกองครักษ์เฝ้ายามในยามปกติสองคนนี้ยังเฝ้าระวังภัยอยู่ เหตุใดพอถึงคราวที่นางเฝ้ายาม ทั้งสองคนถึงได้นอนหลับเป็นตายไปแล้วจริงๆล่ะ? นี่พวกเขาเชื่อใจนางขนาดนี้เชียวหรือ?
โหลชีพูดไม่ออกเล็กน้อยไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่อาจฝืนทนปลุกพวกเขาได้เลยสักนิด ฉวยโอกาสตอนที่นางเฝ้ายามมานอนหลับลึกอย่างนี้ แสดงว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างก็เหนื่อยล้ากันแล้ว งั้นก็ปล่อยให้พวกนอนหลับอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
เมื่อโหลชีตัดสินใจได้แล้ว เอามือแตะเอว แล้วก็หยิบลูกเหล็กออกมา ลูกเหล็กนี้ไม่ใช่ลูกเหล็กธรรมดา มันเป็นลูกเหล็กที่นางทำขึ้นเป็นพิเศษก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะตามหาปรมาจารย์ที่มีฝีมือขั้นสุดยอดคนนั้นนางได้ใช้ความคิดไม่น้อยเลย
จนถึงวันนี้นางยังไม่เคยใช้มันเลยนะ
นางนั่งยองๆลงเบาๆ แล้วเอามือไปแนบกับพื้น เพื่อคำนวณระยะทางและความแรง แล้วกลอกกลิ้งลูกเหล็กเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่มันควรจะอยู่เบาๆทีละลูกๆ จนกระทั่งลูกเหล็กเหล่านั้นก่อตัวเป็นค่ายกลค่ายหนึ่งขึ้นมาอยู่รอบกายเฉินซ่ากับองครักษ์เยว่
หลังจากที่วางค่ายกลเรียบร้อยแล้วนางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้พวกเขาได้นอนหลับนานขึ้นอีกนิดก็พอแล้ว
หลังจากนั้นนางก็นั่งยองๆอยู่ตรงนั้นต่อไปโดยไม่พูดและไม่ขยับตัว
เมื่อองครักษ์คนนั้นเห็นนางทำเช่นนี้ เขาก็ไม่กล้าขยับตัวเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้วเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว สุดท้ายเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เป็นเพราะว่านางได้กลั้นหายใจในขณะที่กำลังสดับรับฟังอยู่ตลอกเวลา ดังนั้นเสียงนั้นจึงชัดเจนขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก แงแงแง คิดไม่ถึงเลยว่าจังหวะจะโคนจะเหมือนเสียงที่ดังขึ้นสองสามครั้งก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ