เขาเข้าใจในบัดดล อดมองโหลชีไม่ได้ และชื่นชมออกมาว่า "เจ้าเก่ง"
"แน่นอนอยู่แล้ว" โหลชีไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด ทางเข้าที่พวกเขาปิดไว้นั่นน่ะมองแวบเดียวก็มองออกแล้ว นางใช้กำลังภายในทำให้น้ำแข็งด้านบนสะเทือน ลงมาปิดทางเข้าไว้พอดี แบบนี้คนนอกจะได้หาได้ยากหน่อย รอจนพวกเขามาเจอ บางทีนางอาจจะได้สมบัติมาไว้ในมือแล้วก็ได้
ในถ้ำน้ำแข็งอบอุ่นกว่าด้านนอกเล็กน้อย หลังจากปิดทางเข้าแล้วยิ่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้พวกเขาสามารถจุดคบไฟได้แล้ว แต่เพื่อป้องกันอุณหภูมิขึ้นสูงมากเกินไป เลยจุดแค่สามคบไฟ พอมีแสงไฟ ด้านในยิ่งงดงามวิจิตรมากขึ้น หน่อไม้น้ำแข็ง เสาน้ำแข็ง น้ำตกน้ำแข็งเหล่านั้น แต่ละชิ้นราวกับผลงานที่มีเอกลักษณ์ร่วงหล่นมาอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ไม่รู้ว่าพวกมันงดงามเงียบๆเยี่ยงนี้มานานเท่าใดแล้ว
ตอนนี้เองเฉินซ่าพลันจับมือโหลชีแน่น นางตะลึง หันไปมองเขา และพบว่าเขาค่อยผ่อนคลายลง คิ้วที่ขมวดมุ่นยังไม่ทันคลายลง
นางเข้าใจในทันที เลยยามจื่อแล้ว ถึงจะมีนางอยู่แล้วพิษกู่ไม่กำเริบ แต่เขามีปฏิกิริยาเตรียมพร้อมไว้แล้ว พอถึงเวลาทั้งร่างเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวด รอรับการทรมานที่คนปกติทั่วไปม่อาจรับไหว
โหลชีพลิกมือกลับกุมมือเขาไว้ "ไม่เป็นไร"
"อืม ไม่เป็นไร" เขามองนางพลางคลายคิ้วที่ขมวดลง ร่างแข็งเกร็งค่อยผ่อนคลายลง
พวกเยว่ที่จับจ้องมองมาทางนี้ก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นหันมองโหลชีก็รู้สึกดีกับนางมากขึ้น นางดีมาก ดีมาก มีผลงานใหญ่อีกชิ้นอยู่กับตัวแล้ว อืม ครั้งนี้หากสามารถหาไขหินพันปีหรือจิ้งจกน้ำแข็งพบ จะบันทึกความดีความชอบครั้งใหญ่ให้นางอีกหนึ่งครั้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่ เป็นความดีความชอบครั้งใหญ่
"ทุกคนฟังนะ เป้าหมายสำคัญของพวกเราครั้งนี้คือจิ้งจกน้ำแข็ง ดังนั้นสิ่งที่ต้องหาคือจิ้งจกน้ำแข็ง ไขหินพันปีแค่ผลพลอยได้ พวกเจ้าอย่าลำดับความสำคัญผิดล่ะ ฟังเข้าใจไหม?" โหลชีกวาดตามองทุกคน
"เข้าใจแล้วขอรับ!" เหล่าองครักษ์รับคำอย่างพร้อมเพรียง
"ได้ แยกกันหา!"
โหลชีโบกมือ เดินนำไปทางชั้นน้ำแข็งที่ส่องแสงน่าสงสัยพวกนั้นก่อน นางต้องดูให้ได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ตอนนี้เฉินซ่าไม่สามารถห่างนางไปไหนได้เลย และทั้งสองคนต้องมีส่วนหนึ่งแตะกันตลอด ดังนั้นเลยโอบเอวนางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ทำเพียงเดินตามนางเท่านั้น "เจ้ามองสิ่งใดกัน?" แต่พอเห็นนางเดินเข้าไปสังเกตเสาน้ำแข็งอย่างตั้งใจ เขาก็อดไม่ไหวถามออกมา
"อ้อ ของที่ส่องแสงเล็กน้อยนี่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆอยู่ชั้นบน แต่ไม่มีอุปกรณ์สำรวจอะไรนี่นา" ที่จริงต่อให้มีอุปกรณ์สำรวจนางก็ไม่ไปวิจัยหรอกว่านี่เป็นสิ่งมีชีวิตอะไร เพียงแต่รู้สาเหตุก็พอแล้ว สิ่งมีชีวิตเล็กพวกนี้ไม่ได้มีทุกที่ มีแต่บนชั้นน้ำแข็งนิดหน่อยเท่านั้น
ธรรมชาตินี่น่ามหัศจรรย์จริงๆ ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กที่ส่องแสงได้ ทำไมถึงมีทั้งแดงทั้งเขียวล่ะ? น่าอัศจรรย์จริงๆ
นางผจญภัย ก็เพราะอยากค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เป็นอาหารตาเปิดโลกสักหน่อย
ในถ้ำน้ำแข็งที่แสงสว่างไม่เพียงพอนี่ จะหาจิ้งจกน้ำแข็งที่ใหญ่เท่านิ้วมือและขาวราวหิมะทั้งตัวมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นพวกเขาเลยทำได้แค่ชื่นชมความงามและอัศจรรย์ในถ้ำน้ำแข็งเพียงครู่ จากนั้นก็ไม่ได้ดูมันอีก ทุกคนพยายามหาร่องรอยจิ้งจกน้ำแข็งไปทุกที่ เสาน้ำแข็งกับน้ำตกน้ำแข็งส่วนใหญ่ยังดีหน่อย กองน้ำแข็ง หนามน้ำแข็ง หน่อไม้น้ำแข็งและองุ่นน้ำแข็งที่แน่นขนัดนั่นยากขึ้นมามาก พวกเขากลัวว่าจิ้งจกน้ำแข็งจะซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกพวกนั้น ดังนั้นเลยไม่กล้าเลินเล่อ และทำการค้นหาทีละเล็กทีละน้อย
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่แบบนี้ ไม่มีบันทึกไว้ว่าจิ้งจกน้ำแข็งชอบอะไร พวกเขาไม่มีหนทางล่อมันออกมา ได้แต่ใช้วิธีโง่ๆแบบนี้
โหลชีทำการทดลองหลายครั้ง อย่างเช่นใช้ยาที่มีฤทธิ์มึนเมา หรือส่งเสียงคล้ายยุงออกมา แต่ไม่ได้ผลอะไรเลย
"ในนี้ไม่มีสิ่งใดเลย จิ้งจกน้ำแข็งกินอะไรเป็นอาหารกัน?" เฉิงสิบพลันถามขึ้น
เดิมทีเขาเพียงพูดพึมพำ เพราะเขากำลังเซ็ง หรือว่าจิ้งจกน้ำแข็งไม่ต้องกินอาหารหรือไรกัน?
แต่พอโหลชีได้ยินคำนี้กลับตาเป็นประกาย ดีดนิ้วดังเป๊าะขึ้น "ข้ารู้แล้ว น้ำ!" ถ้าจิ้งจกน้ำแข็งไม่ต้องกินอย่างอื่น แต่น้ำต้องดื่มแน่
"ในถ้ำนี้มีน้ำที่ไหนกัน?" เยว่ถาม
พวกเขาหาไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ใช่หนทางที่ดีเลย และไม่รู้ต้องหาถึงเมื่อไหร่ เกิดในถ้ำน้ำแข็งนี้ไม่มีจิ้งจกน้ำแข็งล่ะ? สู้ฟังนางดีกว่า
"หนึ่งในลักษณะของถ้ำน้ำแข็งคือต้องมีสองทางออก และมิดชิดสนิทด้วย ความสูงของทั้งสองทางออกต้องต่างกันมากพอ ตรงที่ที่พวกเราค้างอ้างแรมนั้นเป็นจุดที่สูงที่สุดในแถบนี้ ดังนั้นอีกทางออกหนึ่งต้องเตี้ยกว่าแน่"
โหลชีบอก "อย่างที่สอง ในถ้ำต้องมีแหล่งน้ำแน่ และอุณหภูมิต้องสูงพอจะไม่เป็นน้ำแข็ง ในถ้ำน้ำแข็งนี้ไม่มีอาหารอื่นใดให้มันกิน บางทีใกล้แหล่งน้ำอาจจะมีอาหารที่จิ้งจกน้ำแข็งกินอยู่ ดังนั้นพวกเราไม่ต้องหาตามรอยแยกเล็กๆไปเรื่อย แต่ต้องหาแหล่งน้ำ"
ระหว่างที่โหลชีกำลังพูด เฉินซ่ามองนางพูดอย่างสงบเงียบ
โหลชีที่กำลังพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้อย่างมั่นใจด้วยสายตาเป็นประกาย เขารู้สึกยิ่งมองยิ่งดูดี ยิ่งมองยิ่งชอบ ใต้หล้ามิขาดแคลนสตรีที่ชมชอบบทกลอนและกวี หากแต่เขามิเคยเจอสตรีนางใดรู้มากเท่านางมาก่อนเลย สิ่งใดคือลักษณะของถ้ำน้ำแข็ง พวกเขามิเคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ แต่นางกลับพูดแยกประเด็นออกมาให้พวกเขาไปเป็นข้อๆ
เขาชอบสตรีเช่นนี้ ชอบมากนัก
เขาโอบเอวนางแน่นขึ้น อยากลิ้มรสชาตินาง น่าเสียดายที่มีคนมองอยู่เยอะ มิสะดวก
หาแหล่งน้ำกับการควานหาจิ้งจกน้ำแข็งที่ซ่อนตัวเล็กๆตามมุมทุกมุม ความยากพอมาเทียบกันแล้วมันช่างต่างกันมากนัก นางพูดอย่างมีหลักมีฐาน ทำให้ทุกคนฮึกเหิม สายตาที่เหล่าองครักษ์มองนางพลันเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น
"ดี งั้นแยกย้ายกันไปตามหา หาแหล่งน้ำ"
ความลึกของถ้ำน้ำแข็งมีมากกว่าที่พวกเขาคาดไว้ พวกเขาหามานานพักหนึ่งแล้ว กลับมิเจอทางออกเลย หลายคนกำลังหาแหล่งน้ำ เยว่เลยแนะนำให้โหลชีพักผ่อน หน้าที่ของนางมีเพียงตามติดเฉินซ่า แค่นี้ก็พอแล้ว
"ฝ่าบาท!"
องครักษ์คนนั้นตกใจ ถอยหลังหลบการโจมตีนี้อัตโนมัติ
โหลชีเลิกคิ้วขึ้น ดึงรั้งเฉินซ่าที่จะฟันครั้งที่สองพลางส่ายหัวบอกด้วยสีหน้าดำทะมึนว่า "สายไปแล้ว"
สายไปแล้ว เมื่อกี้นางคิดช้าเกินไป ช้าเกินไปจริงๆ
"แม่นางโหล ท่านจะพูดอะไรกันแน่? อะไรสายเกินไป? ข้ามิรู้สึกอันใด..."
องครักษ์คนนั้นยังไม่ทันพูดคำสุดท้ายออกมา สองตาพลันเบิกโพลงออกมา ใช่ ดวงตาเบิกกว้างออกมาดื้อๆ ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงหนักมาก จากนั้นบนดวงตาข้างขวามีหัวปนเลือดมุดออกมา
ปุ๊
เสียงเล็กเบาดังขึ้น สิ่งนั้นมุดออกมาจนหมด เปื้อนเลือดทั้งตัว คลานไปมาบนหน้าเขา จากนั้นมุดเข้าไปในหน้าผากของเขา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ทุกคนรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบคออยู่ ไม่มีใครพูดอะไรกันสักนิด พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำอย่างไรดี
ไม่เคยเห็นพบเจออะไรอย่างนี้มาก่อน ทำให้พวกเขาตัวสั่นเทาเย็นยะเยือก เนื้อตัวสั่นเทา พวกเขาไม่กล้าขยับเลย ไม่ขยับมือ เพราะเหมือนที่โหลชีพูดเลย สายเกินไปแล้ว
สายไปแล้ว เพราะพริบตาเดียวพวกเขาก็ไม่รับรู้ถึงลมหายใจของเพื่อนคนนั้นแล้ว ตายฉับพลัน
ไม่ทันการแล้ว ไม่ทัน
มีคนคิดขึ้นมาได้ ถ้าเขาไม่หลบดาบนั้นของฝ่าบาท จะเสียแขนเพียงข้างเดียว แต่ไม่เสียชีวิตใช่หรือไม่?
"แม่ง! นี่มันอะไรกัน!" ในที่สุดมีคนทนไม่ไหวร้องออกมา
ร่างขององครักษ์คนนั้นทรุดลงไปในยามที่เขาพูดคำนี้ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ