แต่ว่าจิ้งจกน้ำแข็งสำคัญมาก สำคัญต่อฝ่าบาทอย่างมาก
ไม่ได้ไขหินพันปีมาก็ไม่เป็นไร แต่จิ้งจกน้ำแข็งเป็นเป้าหมายหลักของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้
"นายท่าน ข้าน้อยรู้สึกว่า แผนการของโหลชีเป็นไปได้" เขาตอบเสียงต่ำ
สายตาของโหลชีปรายมองไปหาคนอื่น องครักษ์ทุกคนพากันก้มหน้าลงต่ำ กัดฟันกรอด คุกเข่าลงข้างหนึ่งพูดว่า "ขอฝ่าบาทเห็นด้วยกับแผนการของแม่นางโหล"
เจ็บ เจ็บปวดใจยิ่งนัก
องครักษ์สิบแปดคนพากันตาแดงเรื่อ
พวกเขาไร้ประโยชน์นัก ไร้ประโยชน์จริงๆ ถึงกับให้แม่นางโหลต้องไปเสี่ยง
แต่ตอนนี้มิมีหนทางอื่น เรื่องที่แม่นางโหลยืนหยัดแล้ว พวกเขาทำได้เพียงสนับสนุน นี่เป็นการเคารพอันสูงสุดต่อนาง!
เฉินซ่าโอบเอวนางแน่นเข้ามา สายตาจับจ้องไปที่ดวงตานาง ในดวงตาสว่างใสกระจ่างของนางสะท้อนเงาของเขาออกมา เขารู้ว่าสีหน้าตนต้องย่ำแย่หนักในตอนนี้ แต่ใครจะสนใจเรื่องนี้อีกเล่า?
"ยังมีอีกอย่าง ท่านต้องยอมรับถึงความสามารถในการรับสถานการณ์ของข้าดีกว่าพวกท่านทุกคนในที่นี้ เวลาเจอเรื่องแปลกประหลาด ข้ามีวิธีการมากกว่าพวกท่าน" โหลชีพูดอย่างเย็นชา
นางอยากช่วยเขา นางเคยรับปากเขาไว้ ดังนั้นตัวยาของเขานางจะต้องตามหามาให้เขาได้ให้ ใครก็ยับยั้งนางไม่ได้ ต่อให้เป็นตัวเขาก็ไม่ได้
เฉินซ่าดูออกถึงความตั้งใจของนาง เขาหลับตาลงพยักหน้าอย่างจำยอม "เจ้ารับปากข้า ต้องมีชีวิตรอดนะ"
"ได้ ข้ารับปากท่าน"
"กลับมาหาข้า"
"ได้ ข้าจะกลับมาหาท่านแน่"
เฉินซ่าก้มหน้าต่ำ จุมพิตริมฝีปากนางอย่างแรง
ทุกคนพากันหันไปทางอื่น บรรยากาศกดดันจนทำให้จมูกพวกเขารู้สึกคัดนัก "แม่งเอ๊ย นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!" มีคนทนไม่ไหวด่าออกมา
ของบ้าอะไร ยังไงซะ ก็เป็นของที่พวกเขามิสามารถจัดการได้
เฉินซ่าปล่อยโหลชีออก เยว่รีบเข้ามาพยุงเขาไว้ พอห่างจากโหลชี เขาก็ทรุดลงไป สีหน้าเริ่มก่อน เริ่มมีเลือดแทรกขึ้นมา
เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองนางเขม็ง
โหลชีปวดหัว เขาโดนพิษกับหนอนแบบนี้ ทุกเดือนต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ นางจะไม่พยายามช่วยเขาหาตัวยาได้ยังไง? "ข้าจะหาจิ้งจกน้ำแข็งให้เจอ ข้าจะนำจิ้งจกน้ำแข็งกลับมาหาท่าน ข้ารับปากท่าน ก่อนท่านตายข้าจะไม่ตาย ต่อให้ตายก็จะตายกับท่าน" นางพูดพลางโน้มตัวไปข้างหน้า จุมพิตที่ริมฝีปากเขา "ข้าสาบาน"
เฉินซ่าหลับตาลง ก่อนลืมตาอีกครั้ง
โหลชีรับพิชิตวันที่องครักษ์คนหนึ่งหยิบขึ้นมาให้ และพกมันไว้ที่เอว ถอดผ้าคลุมออก ตรวจสอบของที่สายรัดเอวตน จากนั้นหันไปมองเฉินซ่าอีกหนึ่งที ตอนนี้ดวงตาเขาเป็นสีแดงอีกแล้ว และมีน้ำตาสีเลือดไหลออกมา แต่เขายังคงมองจ้องมาที่นางเขม็ง
"วางใจเถิด" นางพูดอีก ก่อนหมุนตัวจากไป ไม่ลังเลสักนิด พลางกระโดดขึ้น ร่างบางกระโดดขึ้นไปจับแท่งน้ำแข็งแท่งหนึ่งที่อยู่ด้านบน และเอนตัวผ่านดงแท่งน้ำแข็งที่แออัด ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในทางนั้น
ทุกคนต่างแหงนหน้ามองนาง และมองดอกไม้น้ำแข็งพวกนั้นด้านล่างอีก ต่างพากันตื่นเต้น กลัวว่าหนอนพวกนั้นจะออกมา คราวนี้นางคงโดนหนอนประหลาดมุดทะลุพรุนไปทั้งตัว หลบไม่ได้ หลีกไม่พ้นแน่
ในถ้ำน้ำแข็งเงียบจนได้ยินเสียงหายใจของทุกคน
มีคนตื่นเต้นจนเหงื่อผุดที่หน้าผาก หยดลงมา แต่เขากลับลืมที่จะปาดมันทิ้ง
โหลชีเองก็ตื่นเต้นมาก อยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ใครบ้างไม่กลัว? นางไม่อยากตายหรอก
นางจับแท่งน้ำแข็งไว้มือหนึ่ง และค่อยๆขยับไปข้างหน้า ตามองเห็นว่าตนผ่านดงดอกไม้นั้นมากว่าครึ่งแล้ว ดอกไม้น้ำแข็งพวกนั้นไม่ขยับเลย ตอนนี้นางอดมองลงไปข้างล่างไม่ได้ มีดอกไม้น้ำแข็งดอกหนึ่งอยู่ใต้นางพอดี ดูใสกระจ่างมาก แต่เพราะมองตรงลงไปแบบนี้ เหมือนมีอะไรบางอย่างดิ้นอยู่ในความใสกระจ่างนั่น มีหนอนประหลาดหัวแหลมตัวนั้นอยู่จริงๆ! แถมหนอนตัวนั้นยังหันมาด้านบน เหมือนกำลังเตรียมพร้อมที่จะพุ่งออกไปอย่างงั้น!
ในดงดอกไม้น้ำแข็งนี้มีหนอนอยู่เยอะขนาดนี้จริงๆ!
แม่เจ้า
มือนางเอื้อมไปจับแท่งน้ำแข็งท่อนข้างหน้า แต่ในตอนนี้เอง แท่งน้ำแข็งกลับทนน้ำหนักนางไม่ไหว หักสะบั้นลง!
โหลชีตัวเอนเอียง เกือบจะตกลงข้างล่าง
"แม่นางโหล!"
"โหลชี!"
เหล่าองครักษ์และเยว่ต่างร้องกันเสียงหลง ในดวงตาเฉินซ่ามีเลือดไหลมากขึ้น
อีกมือหนึ่งของโหลชีจับแท่งน้ำแข็งไว้มั่น พยายามทรงตัว นางเหงื่อไหลเต็มตัว
นางไม่กล้าให้ท่อนแท่งน้ำแข็งนี่หล่นลงไป เกิดหล่นไปโดนดอกไม้นั่น หนอนก็ออกมาสิ
พลันสะบัดมือ โยนแท่งน้ำแข็งครึ่งท่อนนั่นออกไปไกลๆ ทุกคนถึงค่อยถอนหายใจโล่งอกกัน แทบหัวใจวายตาย ถ้ามีอีกครั้ง คราวนี้หัวใจของพวกเขาต้องกระโดดออกมานอกอกแน่
โชคดีที่ไม่มีครั้งต่อไป ในที่สุดโหลชีก็ผ่านดงดอกไม้น้ำแข็งนั่นไปได้
"ของของเจ้า? ที่ไหนกัน?"
"นั่นเป็นของข้า!" สาวงามชี้ไปที่ฐานดอกบัวนั่น
โหลชีเดือดทันที "เท่าที่ข้ารู้ ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้เกิดตามธรรมชาติ ไร้เจ้าของ ทุกสิ่งในนี้ล้วนเกิดมาอย่างเป็นธรรมชาติและไร้เจ้าของ เหตุใดจึงกลายเป็นของเจ้าไปได้เล่า"
"ข้ามาก่อน ข้าเห็นก่อน ย่อมต้องเป็นของข้าสิ"
โหลชีมองระยะห่างระหว่างพวกนาง และหันไปมองระยะห่างระหว่างนางกับฐานดอกบัวนั่น พลางเลิกคิ้ว "ดูเหมือนข้าจะอยู่ใกล้กว่า"
"หากมิใช่ว่าข้าออกไปตามล่าเจ้าสิ่งนั้น จะเหลือที่ให้เจ้ามายืนอยู่ที่นี่รึ?"
โหลชีกลับใจกระตุก "ตามล่าสิ่งใด?"
"ทำไม เจ้าก็อยากไปตามล่ารึ?" สาวงามยิ้มเย้ยหยันใส่พลางว่า "จิ้งจกสีขาวตัวหนึ่ง กัดข้าไปหนึ่งที ข้าจะจับมันสับเป็นหมื่นๆชิ้น หรือว่ามันกัดเจ้าเข้าเหมือนกัน?"
"จิ้งจกสีขาว? จิ้งจกยังมีสีขาวด้วยรึ?" โหลชีถามอย่างสงบนิ่ง ในใจกลับลิงโลดตื่นเต้นขั้นสุด! จิ้งจกสีขาว จิ้งจกน้ำแข็ง! ที่นี่มีจิ้งจกน้ำแข็งจริงๆ! ถ้าอย่างนั้นการที่นางฝ่าฟันมาถึงนี่ก็คุ้มค่ามาก! แต่ว่าหรือในถ้ำน้ำแข็งนี้จะมีจิ้งจกน้ำแข็งแค่ตัวเดียว? และยังจะโดนผู้หญิงคนนี้สับเป็นหมื่นๆชิ้น? ถ้ามีแค่ตัวเดียว และโดนคนทำลาย นางจะต้องฆ่าคนแน่!
"ของที่อยู่ในถ้ำน้ำแข็งจะโตมาเป็นสีขาวมีอะไรน่าแปลกรึ?"
"จิ้งจกนั่นอยู่ที่ใด?"
สาวงามมองสำรวจนาง ก่อนเม้มปาก "อ้อ เจ้าต้องการสิ่งนั้นล่ะสิ? ได้ ขอเพียงเจ้ารับปากไม่แย่งชิงของบนแท่นน้ำแข็งนั่นกับข้า ข้าจะบอกเจ้าว่าจิ้งจกสีขาวตัวนั้นอยู่ที่ใด! เจ้านั่นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ที่นี่ใหญ่เพียงนี้ ถ้าข้าไม่บอกเจ้า เจ้าหาได้ยากแน่!"
จะให้นางยอมปล่อยมือจากของนี่? โหลชีขมวดคิ้ว และหันไปมองฐานดอกบัวครั้งหนึ่ง ไอหมอกสีขาวกลุ่มน้อยนั่นดูแล้วดึงดูดยิ่งนัก แต่ว่าจิ้งจกน้ำแข็งสำคัญยิ่งกว่า "งั้นขอข้าดูสักครั้งได้หรือไม่?"
"แค่ดูสักครั้งจริงๆ?" สาวงามถามไปพลางเดินมาทางนี้ โหลชีสังเกตเห็นว่าที่คอเสื้อนางปักลายดอกแมกโนเลียสีขาว
คอเสื้อดอกแมกโนเลียสีขาว สัญลักษณ์ของเขาปี้เซียน
องครักษ์เยว่บอกนางไว้ จิ่งหยาวที่เคยเจอก่อนหน้านี้ ที่คอเสื้อของชุดก็มีดอกแมกโนเลียสีขาวอยู่ดอกหนึ่ง
ไม่คิดเลยว่านางจะมาเจอคนจากสำนักปี้เซียนแห่งเขาปี้เซียนอีกคน เพราะเคยเจอจิ่งหยาวมาก่อน นางเลยเดาได้ว่า นางกับสำนักปี้เซียนไม่มีทางญาติดีกันได้แน่
"ขอดูสักครั้งจริงๆ เป้าหมายของข้าคือจิ้งจกตัวนั้น เจ้ามิรู้อะไร ข้าเป็นหมอ จิ้งจกนั่นสามารถเป็นตัวยาได้" โหลชีเริ่มแสดงวิชาโกหก ใครก็ต้องเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
สาวงามจากสำนักปี้เซียนเชื่อจริงๆ "ได้ งั้นเจ้าดูครั้งเดียว หากมิขยับ ข้าก็จะบอกร่องรอยของจิ้งจกตัวนั้นให้แก่เจ้า"
โหลชีขยับเข้าไปใกล้สองเก้า ชะโงกหน้าเข้าไปมองพินิจพิเคราะห์ของที่อยู่บนฐานดอกบัวนั่น นี่คือไขหินพันปีรึเปล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ