เมื่อเห็นว่าเย่ยู่หยางฟื้นฟูการฝึกตนกลับมาได้แล้ว ทุกคนต่างรู้สึกสับสนและตกใจ
วางของเดิมพันไปตั้งมากมาย หากสุดท้ายเขาชนะเหยียนฮั๋วกงได้ เช่นนั้นทุกคนก็คงต้องขาดทุนกันยับ
คนมากมายขนาดนี้ นอกจากเย่จายซิงแล้ว ไม่มีใครพนันว่าเย่ยู่หยางจะเป็นฝ่ายชนะ
มีบางคนถึงขั้นคิดว่าจะแอบเอาสมบัติของตัวเองกลับไป แต่องครักษ์ลับของเย่ยู่หยางเฝ้าอยู่แถมยังแถมยังใส่ม่านอาคมเอาไว้บนของเดิมพันเหล่านั้น ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะเอาของเดิมพันกลับไปด้วยซ้ำ
“เหยียนฮั๋วกงคือผู้ฝึกตนขั้นสูงระดับแปดของแดนศิษย์ทิพย์ แต่เย่ยู่หยางอยู่ในระดับเจ็ดเท่านั้น ห่างกันถึงหนึ่งแดนก็นับว่าห่างชั้นกันมากแล้ว ทุกคนจะกลัวอะไรกัน เหยียนฮั๋วกวงต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว!”
“ใช่แล้ว! เงินรางวัลร้อยล้านพวกเราจะเอามาแบ่งกันแน่นอน!”
“เย่ยู่หยางเพิ่งจะฟื้นฟูการฝึกตนได้ไม่นาน แดนฝึกตนคงจะยังไม่มั่นคง จะเทียบอะไรกับเหยียนฮั๋วกวงได้”
ทุกคนต่างพากันพูดวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินต่างก็รู้สึกว่ามีเหตุผล มีคนจำนวนมากรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้วางเดิมพันจึงไม่สามารถตามกระแสได้ จึงพลาดโอกาสที่อาจจะได้เงินก้อนใหญ่ ตอนนี้คิดจะวางเงินเดิมพันก็ไม่ทันแล้ว
ในแววตาของเหยียนฮั๋วกวงฉาบไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “เย่ยู่หยาง ในเมื่อเจ้าฟื้นฟูระดับการฝึกตนแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็สามารถประลองกันได้เสียที ข้าจะดูสิว่าผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้าจะมียังมีความสามารถอยู่จริงหรือไม่!”
กล่าวจบ เขาก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงเย่ยู่หยางคนเดียวที่ได้ยิน
“ข้าจะเหยียบย่ำผู้ที่ได้ชื่อว่ามีพรสวรรค์อย่างเจ้าให้จมดิน เจ้าก็เป็นได้เพียงหินรองเท้าของข้าเท่านั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องคุกเข่าร้องขอชีวิตจากข้า! องค์หญิงฉายเวยคือของข้า ชีวิตนี้ของเจ้าอย่าได้ฝันเฟื่องไปเลย”
“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง”
น้ำเสียงของเย่ยู่หยางราบเรียบ พลางเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ
“เจ้าไม่ใช่คู่แข่งของข้า หากเจ้าไม่อยากตาย ขอโทษเรื่องที่เจ้าทำกับข้าเอาไว้เมื่อก่อนซะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“น่าขำ เจ้าเป็นใครกันถึงให้ข้าขอโทษ!”
เย่ฮั๋วกวงแค่นยิ้ม พลางก้าวเท้า ดาบของเขาเปล่งประกาย จากนั้นจึงวิ่งเข้าใส่เย่ยู่หยางอย่างเร็วจี๋
เขาใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งมากที่สุด ด้วยการรวมพลังทิพย์ไปไว้ที่ปลายดาบ ดาบแบ่งออกเป็นสิบสายแฝงจิดสังหารเข้มข้น พุ่งทะยานไปที่คอของหลัวซิว
เหว้ยไฉเวยส่งเสียงร้อง ราวกับนางต้องการที่จะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว แสงดาบอันน่าหวาดหวั่นห้อมล้อมรอบกายของเย่ยู่หยาง เพียงเห็นก็คะเนได้ว่าเหตุการณ์นองเลือดกำลังจะเกิดขึ้น
ทว่าสีหน้าของเย่ยู่หยางยังคงไม่แปรเปลี่ยน เขาขยับเท้าเล็กน้อย ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น เขาก็ค่อยๆ ยกดาบขึ้น เมื่อดาบชูสูงขึ้น ไอดาบอันหนาแน่นก็พุ่งทะยานออกมาขวางทางการโจมตีอันดุดันของเหยียนฮั๋วกวงเอาไว้
ทุกคนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ตอนนี้เรื่องที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างถึงขีดสุดก็ได้เกิดขึ้น
ไอกระบี่ของเย่ยู่หยางค่อยๆ เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเพียงดึงแสงกระบี่มาอันหนึ่ง เงากระบี่จึงเริ่มกระเพื่อมราวกับคลื่นพันชั้น ไอกระบี่อันน่าหวาดกลัวทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน ส่วนเหยียนฮั๋วกวงที่อยู่ท่ามกลางไอกระบี่ยิ่งสัมผัสได้ถึงความกดดันอย่างรุนแรง แววตาของเขาหมองหม่นสุดขีด เขาคิดไม่ถึงว่าไอกระบี่ของเย่ยู่หยางจะแข็งแกร่งมากเพียงนี้และน่ากลัวมากกว่าเมื่อก่อนมากนัก
เขาพยายามรับมืออย่างสุดกำลัง ทันใดนั้นจึงปัดกระบี่ของเย่ยู่หยางไปได้
เปรี้ยง!
ร่างของเหยียนฮั๋วกวงลอยละลิ่ว อาภรณ์ของเขาถูกไอกระบี่ฟันจนขาดเป็นชิ้นๆ
“ดูผมของเหยียนฮั๋วกวงเข้าสิ!”
“โอ้! เขาไม่มีผมเหรอ! มิน่าเขาถึงใช้ผ้าดำพันหัวเอาไว้!”
“นี่มันแนวไหนกัน น่าเกลียดยิ่งนัก!”
“ฮ่าๆๆ!”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะที่ดังมาจากทุกทิศทุกทาง สีหน้าของเหยียนฮั๋วกวงก็เขียวคล้ำ ผ้าคลุมศีรษะบนหัวของเขาหล่นไปแล้ว เผยให้เห็นศีรษะล้านเกลี้ยงของเขา
เขาลุกขึ้นยืนแล้วกัดฟันแน่นพลางจ้องเขม็งไปทางเย่ยู่หยาง
ริมฝีปากของเย่ยู่หยางปรากฏรอยยิ้มเย็น พลางมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มเย็นชา
เขาตั้งใจ! เขาตั้งใจทำให้ข้าอับอาย!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เหยียนฮั๋วกวงแผดเสียงลั่น พลางส่งสายตาอาฆาตไปยังเขา
เคร้ง!
ไอกระบี่ของเย่ยู่หยางวาดออกไป เหยียนฮั๋วกวงยกดาบขึ้นรับ เกิดเสียงกระทบกัน ทันใดนั้นดาบดวงชะตาของเขาพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
อะไรกัน?
เหยียนฮั๋วหวงไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดกระบี่ของเย่ยู่หยางถึงได้แข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้ เขากระอักเลือดออกมาทันที
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเวลาสิบวันที่ผ่านมานี้ เย่ยู่หยางไม่เพียงฟื้นฟูการฝึกตนของตนเองขึ้นมาใหม่เท่านั้น แต่ยังเพราะสภาพจิตใจของเขาที่เปลี่ยนไปด้วย เขากุมกระบี่ของตนแล้วกล่าวว่า
“เจ้ามีฝีมือเท่านี้เองหรือ น่าเบื่อนัก”
เย่ยู่หยางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ไอสังหารปรากฏ ไอกระบี่ที่ลอยทั่วบริเวณพุ่งทะยานไปที่เหยียนฮั๋วกวง
“อ๊าก!”
เหยียนฮั๋วกวงร้องโหยหวน เส้นเลือดของเขาถูกตัด ขาของเขาถูกฟันขาด เลือดไหลทะลัก
เท่านี้ยังไม่พอ
เย่ยู่หยางใช้กระบี่แทงเข้าไปที่จุดตัดเถียนของเขา ไอกระบี่ลอยอบอวล จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายสิ้น
“ส่วนเรื่องยาประสูติก็เป็นเรื่องที่เจ้าเล่นละครตบตาเอาไปเองใช่หรือไม่”
เย่ยู่หยางกล่าวเสียงเรียบเฉย
“ถูกต้อง ข้าเอง! ข้าไม่อยากให้เจ้าฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ ข้าเลยให้นักรบเดนตายปลอมเป็นนักฆ่า สังหารองครักษ์ของขององค์หญิงแล้วแย่งยาประสูติไป!”
“ท่านช่างไร้ยางอายนัก เหยียนฮั๋วกวง ข้าผิดหวังในตัวท่านมาก!”
เหว้ยไฉเวยโกรธจนตาแดงก่ำ ตอนนี้นางถึงจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเหยียนฮั๋วกวงเป็นคนอย่างไร
“ใครให้เจ้าไม่ชอบข้าเองเล่า ข้าก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน ผู้หญิงตั้งมากมายพยายามที่จะมอบกายให้ข้า แต่เจ้ากลับไม่สนใจข้าเลยสักนิด ข้าคิดเอาไว้ตั้งนานแล้วว่าหากเจ้าไม่ยอมรับข้าตลอดไป ข้าก็จะฝืนใจเจ้า จับเจ้าขังเอาไว้ไม่ให้เจ้าหนีจากข้าไปไหนได้!”
สีหน้าของเหยียนฮั๋วกวงเกลียดแค้น ได้รับการปฏิเสธดีที่สุดแล้ว แต่การถูกปฏิเสธตลอดไป มีผู้ชายคนไหนบ้างจะทนได้!
“เป็นเพราะเจ้า เพราะเจ้าทำร้ายข้า หากเจ้ายอมรับในตัวข้าแต่แรก ข้าจะลงมือกับเย่ยู่หยางรึ ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าคงไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้!”
เขาถลึงตาออกมา พลางยกปลายดาบชี้ไปยังเหว้ยไฉเวย
เหว้ยไฉเวยถอยหลัง ใบหน้าของนางไร้สีเลือด
“พอได้แล้ว”
เย่ยู่หยางกล่าวแข็งกระด้าง “ดูท่าเจ้าไม่ได้สำนึกผิดเลย”
ระหว่างที่พูด เขาก็ยกกระบี่ขึ้น แล้วฟันไปที่ขาของเหยียนฮั๋วหวง
“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไสหัวไปซะ”
เขาอยากให้เขาได้ลิ้มรสชาติของการเป็นคนพิการว่าเป็นอย่างไร
เสียงกรีดร้องโหยหวนกระตุ้นอารมณ์ของคนทุกคนในที่นั้น
เหยียนฮั๋วกวงพ่ายแพ้ แถมยังแพ้อย่างน่าอนาจใจเช่นนี้ด้วย
ของเดิมพันทั้งหมดของพวกเขาจึงถูกริบไปด้วย
“ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าไม่พนันแล้ว เอาสมบัติคืนให้ข้าได้หรือไม่”
“ข้าก็ไม่เล่นแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเย่ยู่หยางพยายามปกปิดพลังของตัวเอง ทำให้พวกเราเข้าใจผิด ขี้โกง! เอาสมบัติของพวกเราคืนมา!”
คนหัวหมอบางพวก พยายามที่จะแย่งเอาสมบัติของตัวเองคืนมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...