เพียงเย่จายซิงรู้สึกถึงอันตราย จวินหยวนก็ได้ปลอบประโลมความรู้สึกของนาง
แม้ว่านางจะไม่ได้แย่งร่าง เพียงแต่เมื่อร่างเดิมตาย วิญญาณของนางก็ได้ข้ามภพมาพอดี แต่เนื่องจากนางไม่ใช่ร่างเดิม นางจึงต้องรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนมาแย่งร่างของคนไร้ค่าเช่นนี้ ดังนั้นแม้ว่านิสัยของนางจะเปลี่ยนไปมากเพียงใด ทุกคนต่างคิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้ปิดบังนิสัยของตัวเองเอาไว้
อีกอย่างร่างเดิมมีใบหน้าอัปลักษณ์ นางจึงเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจ หลังจากกินข้าวดื่มน้ำชาเสร็จแล้วอย่างมากก็แค่พูดถึงนางสองสามประโยค จะมีใครอยากสนใจนางบ้าง
“เสด็จอา ท่านรู้ได้อย่างไร”
นางเม้มปากพลางถามเขา
“เห็นเจ้าแวบเดียวก็รู้แล้ว หากนางคือคนที่ข้าตามหา คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะตามหานางไม่เจอในแคว้นหงส์แดงมาตั้งหลายปี แต่พอเจ้ามาถึง ข้าก็รู้ได้ทันที”
จวินหยวนกล่าวเสียงทุ้ม
แววตาของเขาลึกล้ำราวหุบเหวลึก พลางกล่าวต่อไปว่า “น้องซิงไม่ได้แย่งร่างของนาง แต่เดิมทีนี่ก็คือร่างของเจ้า มิเช่นนั้นแล้วเหตุใดวิญญาณของเจ้าถึงเข้าได้ดีกับร่างขนาดนี้”
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
แววตาของเย่จายซิงแตกตื่น นางเข้าใจทุกคำพูดที่จวินหยวนพูด แต่เมื่อโยงความหมายเข้าด้วยกันกลับทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อและถึงขั้นไม่เชื่อด้วยซ้ำ
จวินหยวนมองหน้านาง ตอนนี้นางเหมือนแมวที่กำลังตกใจ เขาหัวเราะแล้วอดไม่ได้ที่จะลูบผมของนาง
“นางต่างหากที่แย่งร่างของเจ้า แต่เป็นเพราะเข้ากับร่างไม่ได้ นางก็เลยเป็นคนทึ่มทื่อ ราวกับคนไม่มีสมอง น้องซิง ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็นเพราะรากทิพย์ของเจ้าถูกขุดไปตั้งแต่เกิด ทำให้วิญญาณของเจ้าออกจากร่างไป ไม่นานก่อนหน้านี้ถึงจะหวนกลับมาด้วยโชคชะตา”
ปากของนางค่อยๆ อ้ากว้างขึ้นตามคำพูดของเขาแต่ละคำ นางพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน เพราะเขาพูดได้อย่างมีเหตุมีผลจนน่าจะเป็นความจริง หรือว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ?
แต่เรื่องนี้ก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมนางถึงเข้ามาครองร่างของข้าได้”
จวินหยวนอธิบายว่า
“ร่างที่ไม่มีเจ้าของ สามารถดึงดูดวิญญาณเร่ร่อนเข้ามาสิงร่างได้ นิสัยของนางไม่ได้เลวร้าย นั่นแสดงว่านางเป็นเพียงวิญญาณธรรมดา แต่เนื่องจากไม่สามารถกลับไปเกิดใหม่ได้ จึงเข้ามาอยู่ในร่างของเจ้า”
อธิบายได้มีเหตุผลยิ่ง
เย่จายซิงลูบคางอย่างใช้ความคิด
หากเป็นไปตามที่จวินหยวนอธิบาย นางน่าจะถูกขุดรากทิพย์ไปตั้งแต่เพิ่งเกิดใหม่ๆ และบังเอิญหลุดมาสู่โลกปัจจุบัน หลังจากใช้ชีวิตมาได้ครึ่งทาง โชคชะตาก็ได้นำพานางกลับมาอีกครั้ง
ดังนั้นหน้าตาของนาง จึงเหมือนกับหน้าตาของร่างร่างนี้ไม่ผิดเพี้ยน
ตอนอยู่ที่ยุคปัจจุบันจึงไม่นับว่าเป็นชาติก่อน จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้ว
หรือว่าชาติก่อนของนางจะเป็นคู่กับจวินหยวนจริงๆ เขาพยายามตามหาคนรักจากชาติก่อนจนได้มาพบนาง
นางมองใบหน้าของจวินหยวน หล่อเหลาไร้ที่ติราวกับเทพเซียน เมื่อต่อลงไปด้านล่าง……
“เอ่อ ทำไม่ท่านไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะเจ้าคะ!”
มิน่าเล่า นางถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
จวินหยวนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปเอาเสื้อผ้าที่อยู่หลังฉากบังลมมาใส่
นางมองแผ่นหลังกว้างๆ และแข็งแรงของเขาพลางกลืนน้ำลาย
อ้า นี่มันน่ามองชะมัด
จวินหยวนยื่นมือออกมากุมหน้าของนางเอาไว้ “ข้าชอบเจ้าที่เป็นเจ้าตอนนี้ แม้ว่าใบหน้าของเจ้าจะมีรอยปาน ข้าก็รู้สึกว่ามันดูน่ารักดี ในสายตาของข้า น้องซิงคือดรุณีน้อยที่งดงามที่สุด”
มือของเขาเย็นจนแทบไม่เหลือความอบอุ่น ทว่าความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยนี้ก็สามารถทำให้ใบหน้าของนางร้อยผ่าวขึ้นมาได้ นางไม่ได้รู้สึกเขินอายแบบนี้มานานแล้ว แต่กลับรู้สึกเขินอายเพราะสายตาที่อ่อนโยนลึกซึ้งเช่นนี้ของเขา
หัวใจของนางเต้นระส่ำราวกับกวางน้อยที่กำลังกระโดด
“น้องซิง เจ้าไม่ต้องรีบตอบข้าก็ได้ เจ้ารู้เพียงว่า ความรักที่ข้ามีต่อเจ้าเกิดขึ้นจากตัวของเจ้าเอง เจ้าค่อยๆ คิด แต่ว่า……”
“แต่อะไรเจ้าคะ” นางถามออกไปทันที นางรู้สึกว่าตอนที่เขาพูดประโยคนี้สายตาดูกังวลขึ้นมา
และเป็นอย่างที่คิดไว้ เขาก็พูดอย่างวางอำนาจว่า
“แต่ไม่ว่าเจ้าจะชอบข้าหรือไม่ หลังจากพิธีปักปิ่น เจ้าก็ต้องแต่งงานกับข้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป ไม่มีทางเด็ดขาด”
เย่จายซิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ต่อต้าน แต่กลับรู้สึกว่าเขาน่ารักขึ้นมาอย่างน่าประหลาดด้วยซ้ำ
อย่ามองว่าเขาชอบวางอำนาจ แต่อันที่จริงแล้วก็เหมือนกับสายเลือดรองที่อยากจะมีตัวตน หากมีตัวตนก็จะมีการคุ้มกันเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง
นางคิดว่านางยังมีเวลาอีกครึ่งปี ต้องศึกษาคนคนนี้ให้ชัดเจนก่อนจะฟังเพียงคำพูดของเขาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หากวันหน้าเข้ากันได้ นางเองก็รู้สึกชอบเขาขึ้นมา การแต่งงานกับเขาก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หากเขาดีกับนางไปตลอดเช่นนี้ วันหน้าจะต้องให้เขาช่วยพานางไปหาพ่อแม่ที่อาณาจักรเวหาทิพย์หรือไม่ก็ออกท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เขาจะต้องรับปากแน่นอน
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ การที่นางคิดไปไกลขนาดนี้เป็นเพราะในใจของนางมีจวินหยวนอยู่ในนั้นแล้ว เพียงแต่นางเป็นวิญญาณที่มาจากยุคปัจจุบัน ไม่ได้ตั้งรากฐานอยู่ที่ยุคสมัยนี้ อนาคตจึงเต็มไปด้วยปัจจัยที่ไม่แน่นอน ทำให้ระหว่างนางกับเขายังคงมีช่องว่างอยู่อีกชั้นหนึ่ง
จวินหยวนรอให้นางเปิดใจให้เขา
“ข้ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยากจะบอกท่าน”
จู่ๆ เย่จายซิงก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...