ทุกคนต่างยกถ้วยขึ้นมา แต่ก็ทำไปตามมารยาทเท่านั้น หลังจากเห็นเย่จายซิงและเย่ยู่หยางพากันดื่มน้ำชาลงไปแล้วนั้น ก็เอาถ้วยวางลง
พวกเขาต่างมีเรื่องอยู่ในใจ ก็เลยไม่มีกะจิตกะใจจะดื่มน้ำชา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาดูแคลนเย่จายซิง แล้วเป็นไปได้ยังไงที่จะดื่มน้ำชาที่นางเทให้
พอได้ยินเย่จายซิงถามพวกเขาว่าทำไมไม่ดื่ม ฮูหยินเฒ่ากระแอมออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งคำ
“เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกเหรอ ตระกูลเย่ของพวกเราทำไมถึงได้มีคนอกตัญญูเช่นเจ้าได้! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าใส่ร้ายป้ายสีท่านอาสามและท่านน้าสามของเจ้าได้ ตอนนี้เจ้ายอมรับมาแต่โดยดีเสียดีกว่า เอาของสกปรกนั้นออกมา ข้าจะยังตัดสินโทษเบาแก่เจ้า! มิเช่นนั้นก็ลงโทษตามกฎตระกูล!”
เย่จายซิงหัวเราอย่างเย้ยหยันออกมาคำหนึ่ง
“ทนมาตั้งนาน พวกเจ้าไม่ได้จะมาฉลองเรือนหลังใหม่ให้ข้าและเสี่ยวยู่ และก็ไม่ได้ยินดีกับการฟื้นฟูผลการฝึกตนของเสี่ยวยู่จากใจจริง แต่กลับหาคนรับผิดแค่นั้น พวกเจ้าหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ แต่……”
พอคำพูดของนางเปลี่ยนไป ในน้ำเสียงนั้นก็เคร่งขรึมขึ้น
“สิ่งที่ท่านพ่อของพวกเราหลงเหลือไว้ให้พวกเราสองพี่น้อง ท่านแก่ปางตาย มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่าย? แล้วเอาอะไรมาบอกว่ามันเป็นของสกปรก! พวกเจ้ามันก็แค่มอดฝูงหนึ่ง ไม่มีท่านพ่อของข้า พวกเจ้าก็เป็นได้แค่เศษสวะ ไม่รู้จักบุญคุณก็พอเข้าใจได้ รู้แต่เพียงรสชาติแห่งการเอาคืน หากพวกเจ้าใช้วิธีการที่เปิดเผยซึ่งหน้า ข้าอาจจะอารมณ์ดีและชื่นชมอะไรกับพวกเจ้าบ้าง ตอนนี้น่ะเหรอ ขอโทษด้วย แม้แต่ลูกชายคนเดียวก็ไม่มี!”
“เจ้านี่มันบัดซบสิ้นดี!” ฮูหยินเฒ่าหยิบชามที่อยู่ตรงหน้าโยนกระแทกไปทางเย่จายซิง
นางค่อยๆ หันหน้าไป ชามไม่โดนแม้แต่เส้นผมของนางเลย และแตกลงบนพื้น
นางยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย็นชา มองมาทางเย่เจียหรง
“พี่ใหญ่ ในบ้านหลังนี้ หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วท่านเป็นคนที่จิตใจดีอ่อนโยนที่สุด หากให้คนอื่นรู้ว่าท่านเป็นพวกอสรพิษเฉกเช่นเดียวกับพวกเขา คุณธรรมเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าพวกคนที่รักและเทิดทูนบูชาท่านจะรู้สึกเช่นไรจริงๆ”
เย่เจียหรงยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน ค่อยๆ มองมายังเย่จายซิงและกล่าวว่า
“น้องสี่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าทำผิดไปแล้วมาเถียงข้างๆ คูๆมันไม่ถูก สู้ยอมรับผิดต่อหน้าท่านย่าไม่ดีกว่าหรือ ข้า จะอ้อนวอนขอความเมตตาต่อหน้าท่านย่าแทนเจ้าเอง”
ท่าทางที่มีเมตตาเช่นนี้ของนาง เรากลับว่าทำเรื่องดีงามไว้มากเท่าไรเชียว คำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน
“น้องหรง อย่าเปลืองน้ำลายกับนางเลย! ข้าเองดีกว่า!”
นางโจวเดินเข้ามาด้วยท่าทางพร้อมลุยเต็มที่ ยื่นมือไปจะตบหน้าเย่จายซิง เพื่อจะล้างแค้นที่หลายวันนี้ถูกคุมขังไว้
แต่นางยังไม่ได้แตะต้องถูกเย่จายซิงเลย ก็ถูกแรงมหึมากระทืบไปที่ท้อง กระทืบจนกระเด็นออกไปเลย
นางโจวร้องเจ็บปวดโอดครวญ เลือดออกที่มุมปาก มองมาทางเย่ยู่หยางด้วยท่าทางเกลียดชัง
“ไม่ได้เรื่อง!”
เย่เจ๋อบูด่าว่านางโจว
“พวกเขาโดนวางยาไปแล้ว อีกประเดี๋ยวพิษก็จะกำเริบแล้ว เจ้าเข้าไปตอนนี้ก็สมควรโดนทำร้ายไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบ เขาก็เดินไปทางสองพี่น้อง แล้วกล่าวด้วยท่าทางข่มขู่ว่า
“จะบอกความจริงให้เอาบุญ พวกเจ้าถูกตระกูลพิษเรื้อรังชนิดหนึ่งเข้าไป อีกประเดี๋ยวพิษก็จะกำเริบ อวัยวะภายในร่างกายก็จะพัง ราวกับตายทั้งเป็น เย่จายซิง ตอนนี้เจ้าส่งมอบกษาปณ์แก้วกาฬและของล้ำค่าพวกนั้นที่ชนะที่ลานนั่นออกมาซะ ท่านอาสามจะรีบเอายาถอนพิษให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
“ยังมียานิพพาน!”
นางเสิ่นเพิ่มเติมคำพูด
ในใจของเย่เจียหยูรู้สึกสบายใจมาก เย่จายซิง เจ้าก็มีวันนี้เช่นกัน!
นางอยากจะเปิดเผยความจริง แต่ท่านพี่บอกว่าเรื่องสกปรกให้คนอื่นไปทำ อย่าให้เปรอะเปื้อนมือของตัวเอง ที่ดีที่สุดคือไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามก็ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เช่นนี้แล้วจึงจะเป็นนิรันดร์ที่สุด ดังนั้นนางอั้นไว้ไม่ส่งเสียงเลย
“ที่แท้พวกเจ้าวางยาในถ้วย!”
เย่ยู่หยางกล่าวอย่างเย็นชา
“ไม่วางยาก็จัดการพวกเจ้าไม่ได้! นับประสาอะไรกับวิธีการแค่นี้อ๋องเซ่อเจิ้ง ยาพิษนี้ที่พวกเจ้ากิน หากไม่มียาถอนพิษก็จะเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย แม้ว่าจะเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้ ถ้าพวกเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ก็ส่งมอบของพวกนั้นออกมาอย่างไม่ตุกติกซะ!”
ในดวงตาของเย่เจ๋อบูเต็มไปด้วยความละโมบอย่างหาที่สุดมิได้
คนที่เหลือนั้นก็ดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
กษาปณ์แก้วกาฬ ในนั้นอย่างน้อยต้องมีเงินที่เป็นหินทิพย์ขั้นต่ำร้อยล้าน! อยู่ในเฉินตูก็เป็นเงินก้อนใหญ่มหาศาลเลย
ยังมียาล้ำค่าที่มากมายเช่นนั้นอีก ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม่น้อยเลยด้วย
ต่อมาฮูหยินเฒ่า นางเสิ่นและนางโจวก็ค่อยๆ ล้มลงไปกับพื้น ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าวางยาพิษงั้นเหรอ!”
ในที่สุดสีหน้าของเย่เจียหรงก็เปลี่ยนไป ลุกขึ้นด้วยความหุนหัน น้ำเสียงไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่แล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องแหลมอย่างมาก ดวงตาที่มองมายังเย่จายซิงนั้นแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจและความเกลียดชัง
“อ๊าย!”
เย่เจียหยูจับศีรษะไว้แล้วตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ปวดจังเลย!”
เย่เจียหรงกินยาถอนพิษลงไปหนึ่งเม็ดด้วยความว่องไวอย่างที่สุด และในขณะที่นางกำลังจะเอายาถอนพิษให้คนอื่นๆ กิน สีหน้าของนางก็ซีดเผือดขึ้นมา ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่พื้น กุมศีรษะเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดรวดร้าว
“เจ้าไม่ได้ถูกพิษเหรอ! เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! แล้วเจ้าวางยาพิษให้พวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
เย่เจียหรงเจ็บปวดจนใบหน้าบูดเบี้ยวไปหมด แววตาอันแหลมคมของนางจ้องมองมายังเย่จายซิง
นางรู้สึกเสียใจ นางไม่ควรดูถูกความสามารถของเย่จายซิงเลย หากรู้ว่านางมีความสามารถเช่นนี้นานแล้ว ก็ควรจะคิดหาวิธีที่รอบคอบยิ่งกว่านี้อีก!
“แค่พิษเล็กน้อยเท่านั้น ก็แค่ให้พวกเจ้าเจ็บปวดอยู่พักหนึ่งก็เท่านั้นเอง วางใจได้ ก็แค่ทนปวดไปอีกสองชั่วยามก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก คนที่ดีเช่นข้าแบบนี้ไม่ชอบการเอาชีวิตใครเป็นที่สุดเลย”
เพราะว่านางจะต้องค่อยๆ ทรมานไปทีละนิดๆ
นี่มันจะเท่าไหร่กันเชียว
เย่จายซิงเห็นกษาปณ์แก้วกาฬขึ้นมา “เจ้าดูสิ ให้พวกเจ้าแล้วแต่พวกเจ้าไม่เอาเอง นี่ก็จะมาโทษข้าไม่ได้ใช่หรือไม่?”
เย่ยู่หยางแอบหัวเราะครู่หนึ่ง แผนการเอาคืนของท่านพี่คาดว่าก็คงจะทำให้พวกเขาโมโหเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเย่เจียหรง
เย่จายซิงมองดูท่าทางที่เจ็บปวดของพวกเขาอยู่สักพักหนึ่ง จึงออกไปจากโถงรับประทานอาหารพร้อมกับเย่ยู่หยาง
คนชั้นต่ำพวกนั้นแม้แต่คำพูดที่เกิดจากอารมณ์โมโหก็ไม่กล้าพูด พอเห็นพวกเขาก็ราวกับว่าเห็นผีก็ไม่ปาน ไม่กล้าสบตา ตกใจกลัวจนสั่นเทาไปทั้งตัว
คิดว่าหลังจากวันนี้ไป ก็ไม่มีคนรับใช้ที่ไม่เคารพนายน้อยสองคนอย่างพวกเขาอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...