องค์หญิงหลิวอิ๋งล้มอยู่บนพื้น
ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในนั้นรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เสวียนเจ๋อเป็นถึงอสูรเทพที่ก่อนหน้านั้นยังแสดงแววตาดูหมิ่นเหยียดยามผู้คนในนั้น ยังดูถูกว่าเป็นพวกมนุษย์โง่เขลา
คาดไม่ถึงเหมือนว่าถูกสิ่งใดทำให้ตกตระหนกตกใจ สี่ขานั้นแผ่ลงบนพื้นและยังสะบัดองค์หญิงทิ้งลงและบินเตลิดออกไป
“องค์หญิง ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าเพค่ะ”
โจอวเหม้ยวิ่งเข้าไปคนแรกเพื่อจะพยุงองค์หญิง เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่จะประจบองค์หญิง
องค์หญิงหลิวอิ๋งสะบัดมือนางออกด้วยสีหน้าอารมณ์เสีย แล้วลุกขึ้นยืนเอง
เจ้าเป็นอะไรไป!
องค์หญิงกำลังสื่อสารกับอสูรเทพของตน
นางรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของอสูรเทพ การคุกเข่าลงกราบของอสูรเทพนั้นเหมือนจะบ่งบอกถึงการยอมเป็นผู้น้อย ท่าทีเหมือนตอนที่เสวียนเจ๋อพบเจออสูรเทพมังกรเขียวของเสด็จอาเป็นครั้งแรก นั้นเป็นเพราะความเกรงกลัวของอสูรเทพที่มีต่ออสูรศักดิ์สิทธิ์
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือท่าทีครั้งแรกที่พบเจออสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เกิดความหวาดกลัวรุนแรงถึงเพียงนี้
นางผู้เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเทพมังกร เป็นครั้งแรกที่ต้องเสียหน้าถึงเพียงนี้
ที่อสูรเทพเสวียนเจ๋อข้างกายไม่เชื่อฟังนาง และยังลงไปคุกเข่าสั่นพะงาบทำให้นางเสียหน้ายิ่งนัก!
ผ่านไปสักพัก อสูรเทพเสวียนเจ๋อถึงเงยหน้าขึ้นมา แววตายังเต็มไปด้วยความหวาดผวา ผู้คนได้เห็นเช่นนั้นแล้วรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ที่สามารถทำให้อสูรเทพนั้นกลายสภาพเป็นเช่นนี้ หรือจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าอสูรเทพ?
มันไม่น่าจะเป็นไปได้
อสูรเทพประจำกายของเซ่าตี้คืออสูรเทพมังกรเขียว แต่เซ่าตี้เป็นเสด็จอาขององค์หญิง การพบหน้ากันของอสูรศักดิ์สิทธิ์กับอสูรเทพนั้นน่าจะ
ไม่น้อย ไม่น่าจะมีผลที่รุนแรงขนาดนี้
ถ้าที่นี่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่จริง ผู้คนเยอะถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้ไม่ได้
ยกเว้นเพียงแต่ว่าการฝึกตนของอสูรศักดิ์สิทธิ์เกิดอาเพศขึ้นมา เลยทำให้บ้าคลั่งเช่นนี้?
องค์หญิงหลิวอิ๋งไม่รู้ว่าคนรอบกายคิดสิ่งใดอยู่ นางจับญาณไปที่หน้าผากเพื่อถามอสูรเทพเสวียนเจ๋อว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายหญิง เมื่อสักครู่ข้ารู้สึกได้ถึงรัศมีแรงกล้าของอสูรเทพไป๋เจ๋อจากอดีตกาล”
เสวียนเจ๋อและนางสามารถส่งจิตสัมผัสกันได้ น้ำเสียงของมันยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
บรรพบุรุษอสูรสักดิ์สิทธิ์เสวียนเจ๋อนั้นมีสายเลือดสัมพันธ์ของอสูรเทพไป๋เจ๋ออยู่ จะว่าเป็นญาติห่างๆก็ไม่ใกล้เคียง
ถึงแม้ชื่อของเสวียนเจ๋อนั้นจะมีอักษรว่าเจ๋อ แต่ทั้งสองนั้นยังห่างกันมาก ท่านไป๋เจ๋อคืออสูรเทพที่ยิ่งใหญ่ติดหนึ่งในสิบ ในอดีตกาลนั้น
เสวียนเจ๋อนั้นมิอาจเทียบชั้นกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเพราะบรรพบุรุษนั้นได้สร้างสัมพันธภาพขึ้นมากลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
องค์หญิงหลิวอิ๋งยังคงนั้นตื่นตระหนก
อสูรเทพไป๋เจ๋อ?!
เท่าที่นางทราบ ทั่วผืนแผ่นดินใหญ่นี้มีอสูรเทพเพียงสองตัว หนึ่งคืออสูรเทพมังกรเขียวที่เป็นเสด็จอาและสองคืออสูรเทพกิเลนของอ๋องเซ่อเจิ้งที่อยู่ในแคว้นเล็ก
ตอนนั้นนางมีความคิดจะกำจัดอสูรเทพกิเลน นางได้สั่งการให้คนไปฆ่าอ๋องเซ่อเจิ้งเพื่อจะชิงอสูรเทพกิเลนมา แต่คนที่ถูกส่งไปหลายชุดนั้นกลับโดนสังหารอย่างไม่เป็นท่า
นางเตรียมการไว้ว่าจะเป็นผู้ลงมือชิงอสูรเทพมาด้วยตัวเอง อ๋องของแคว้นเล็กเช่นนั้น ไม่ได้อยู่ในสายตานางเลยสักนิด
“ไป๋เจ๋ออยู่ที่ไหน!”
นางรีบถามขึ้นมา
การล้มลงครั้งนี้ ถ้าสามารถได้มาซึ่งอสูรเทพที่ยังไม่มีเจ้าของนั้นจะดีแค่ไหน
อสูรเทพเสวียนเจ๋อตอบว่าไม่รู้ รู้สึกได้แค่ว่ามีแสงอำมหิตมาจากแดนไกลที่สื่อสายสัมพันธ์ถึงมันได้ มันทำได้เพียงยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาและไม่กล้าที่จะไปสืบสาวเอาความ
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”
องค์หญิงหลิวอิ๋งได้คำตอบเช่นนั้น นางด่าอยู่ในใจ
คนที่ตายยังเป็นถึงนางสนมคนสนิทขององค์หญิง
ทุกคนต่างมองไปที่เย่จายซิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าหอไป๋เป่า ยานี้เป็นยาที่นางกลั่นออกมา
สองวันมานี้หอไป๋เป่านั้นชื่อเสียงโด่งดัง เวลาเป็นเงินเป็นทอง ต่างมาเพื่อซื้อโอรสไขกระดูกเยือกสำหรับคนมีเงินนั้นเสมือนปลาได้น้ำ ลูกค้ามากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ธุรกิจยาของสมาคมอาจารย์กลั่นยายังเทียบไม่ได้กับหอไป๋เป่า
นึกไม่ถึง ยานี้มีปัญหาได้อย่างไร!
แต่กระนั้นก็ตาม เย่จายซิงถึงแม้ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว สีหน้านางไม่ได้เปลี่ยนไปแม่แต่นิด ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจจะตกใจกลัวจนจิตตะเลิดเปิดเปิงไปแล้ว
หนานกงเหยาที่อยู่ในห้องรับรองนั้นเดินไปมาอย่ากระวนกระวายใจ
เย่จายซิงกลับไม่ตื่นตระหนก พูดด้วยน้ำเสียไม่สะทกสะท้านว่า:
“องค์หญิงพูดว่ายาของข้ากินแล้วตาย ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”
“แน่นอน! พวกข้าทั้งหมดเป็นพยานได้! ”
โจอวเหม้ยยืนออกมาพูดเสียงดังด้วยท่าทีได้มั่นใจว่า:
“เย่จายซิง ข้ารู้ว่ายาที่เจ้ากลั่นออกนั้นมีปัญหา! ยาที่มีปัญหาเจ้ายังกล้าเอาออกมาขาย เจ้ามันช่างกล้ากระทำอย่างบุ่มบ่าม!วันนี้องค์หญิง
ลดฐานะมาหาเจ้าเพื่อทวงความยุติธรรม มิเช่นนั้นจะมีผู้คนอีกมากที่ถูกเจ้าหลอกและต้องเอาชีวิตมาทิ้ง!!”
องค์หญิงหลิวอิ๋งพงกหน้าอย่างพอใจ คิดไม่ผิดวันนี้ที่มาโจอวเหม้ยมา
โจอวเหม้ยยังบอกลูกค้าที่อยู่ด้านนอกว่า: “ยาของนางกินแล้วถึงแก่ชีวิต พวกเจ้ายังกล้าซื้อรึ พวกเจ้าคิดว่าชีวิตพวกเจ้านั้นอมตะกันหรืออย่างไร?”
เย่จายซิงท่าทียังเฉยเมยและหัวเราะเบาๆและพูดเสียงดังว่า:
“ท่านพูดว่านางสนมกินโอรสไขกระดูกเยือกที่ข้ากลั่นแล้วสิ้นชีพ แต่ยาที่ข้าขายออกไปไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน พวกท่านมั่นใจได้อย่างไรว่านางตายเพราะกินยาข้า ไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุอื่นรึ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าองค์หญิงอย่างข้าจะวางแผนและตั้งใจใส่ร้ายเจ้ารึ? ”
องค์หญิงหลิวอิ๋งผู้สูงส่งยิ้มอย่างเย็นเยือก: “ข้ายังไม่รู้จักว่าเจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เจ้าอย่าริอ่านสำคัญตัวผิดไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...