บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 180

“โหดร้ายดั่งงูพิษ ใจคอโหดเหี้ยม บังอาจวางยาพิษใส่องค์หญิงและโยนความผิดให้ยาของเย่จายซิง โชคดีที่องค์หญิงไม่เป็นอะไร!”

“โจอวเหม้ยเดิมเป็นคนชั่วร้าย แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้!”

“ต้องลงโทษนางให้หนัก!”

“ใช่! อย่าให้นางได้ทำความชั่วต่อไปอีก!”

ผู้คนต่างลุกฮือส่งเสียงด้วยความขุ่นเคือง

ชาวบ้านไม่อาจทนเห็นลูกศิษย์สำนักเมฆแดงกระทำความชั่วในเมืองเฉินตู ครั้งนี้ลูกสาวของเจ้าสำนักเมฆแดงกระทำความชั่วร้ายเหตุเพราะปัญหาส่วนตัวที่เล็กน้อย กลับถึงขั้นจะลอบสังหารองค์หญิงและโยนความผิดให้คนอื่น การกระทำนี้ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก

ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วโจอวเหม้ยจะบังอาจก่อเรื่องถึงในวังหลวงได้

แค่ดูก็รู้ว่าองค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นเป็นคนที่ปั่นหัวนางได้อย่างง่าย และเมื่อนางมองไปที่เย่จายซิงยิ่งทำให้นางยิ่งสับสนและขุ่นเคืองขึ้นไปอีก

นางประเมินเย่จายซิงต่ำไปจริงๆ แม่นางที่มาจากแคว้นเล็กๆจะมีความสามารถมากถึงเพียงนี้

คนเยี่ยงนี้เก็บไว้ยิ่งจะเป็นศัตรูที่น่ากลัว

แต่ตอนนี้ นางไม่มีทางเลือกใดๆต้องให้สถานการณ์ไหลไปตามน้ำ เอาความผิดทั้งหมดโยนให้โจอวเหม้ย

มิฉะนั้น นางมาทั้งทีไม่มีอะไรที่จัดการได้ก็จะกลายเป็นเรื่องน่าขำของผู้อื่นไป

“โจอวเหม้ย เจ้าช่างกล้าบังอาจยิ่งนัก ข้าผิดหวังในตัวเจ้าอย่างมาก องครักษ์ เอานางไปขังไว้แล้วทรมานสอบสวนหาความจริง ให้นางยอมรับสารภาพออกมา!”

“ไม่นะ! องค์หญิง ข้าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดเย่จายซิง นางกำลังยั่วยุให้เราแตกกัน ข้าเทิดทูนองค์หญิงไว้เหนือหัว เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะวางยาพิษให้ท่าน! ข้าโดนใส่ความ!”

โจอวเหม้ยร้องอธิบายเสียงดังด้วยความตื่นกลัว ใบหน้าตอนนี้ซีดเหมือนกระดาษ

แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของนาง องครักษ์จับมือนางไคว้หลังไว้ ใช้กำลังภายในเสกขังนางไว้ นางถูกลากออกไปอย่างสุนัขก็ไม่ปาน

องค์หญิงหลิวอิ๋งหันขวับแล้วเดินออกไป

“องค์หญิงเพค่ะ”

เสียงเย่จายซิงเรียกอย่างราบเรียบมาจากด้านหลัง 

“ท่านน่าจะลืมคำพูดที่ท่านพูดไว้ ว่าถ้าข้าไม่มีความผิด ท่านจะเป็นผู้รับโทษเพื่อไถ่โทษด้วยตัวองค์หญิงเอง”

“เจ้าจะให้องค์หญิงเช่นข้าไถ่โทษเพื่อขอโทษเจ้างั้นรึ?”

องค์หญิงหลิวอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังพร้อมจ้องไปที่เย่จายซิง

เย่จายซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยท่าทีที่เกร็ง

“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น แต่เป็นคำพูดที่องค์หญิงพูดออกมาเอง ข้าแค่ทวนมันอีกรอบ ข้าเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งจะให้องค์หญิงมาขอโทษได้อย่างไรกัน?”

“ข้าแค่อยากจะบอกองค์หญิงและชาวบ้านที่อยู่ในที่นี้ว่า ยาของข้าไม่มีปัญหาใดๆ คราวหน้าขอให้องค์หญิงอย่าเข้าใจผิดอีก การค้ามันทำยากมากกว่าจะได้ลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าลูกค้าหนีหมดเพราะเหตุว่าเรื่องเท็จเหล่านี้ ข้าคงเสียใจมาก”

ความเกลียดชังขององค์หญิงหลิวอิ๋งมันช่างคับอกนัก!เย่จายซิงเจ้าสองหน้ารู้เรื่องราวทุกอย่างอยู่แก่ใจแท้ๆ คนที่ซวยสุดคือโจอวเหม้ย นางยังมาทำทีท่าน่าเห็นใจ เรียกความสงสารจากคนอื่นอีก!

ข้าไม่เคยเห็นคนโหดร้ายและหน้าด้านเยี่ยงนางมากก่อน!

ให้ทุกคนคิดว่าองค์หญิงอย่างข้าไม่ลืมหูลืมตากลั่นแกล้งคนไปทั่ว ไม่กล่าวคำขอโทษก็ไม่ได้

สายตาของชาวบ้านต่างมองมาที่นาง องค์หญิงหลิวอิ๋งกำหมัดแน่น ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า:

“วันนี้ข้าเข้าใจเจ้าผิดจริงๆ ข้าควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยมา ขอให้เรื่องจบเพียงเท่านี้ ข้าจะให้นางสนมนำของขวัญเพื่อแสดง

คำขอโทษมาให้เจ้าวันหลัง”

นางต้องแสดงท่าทีใจกว้าง เพื่อให้ทุกคนมองเย่จายซิงว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

“ไม่ต้องๆ ข้าจะรับของขวัญขององค์หญิงได้อย่างไรกัน ข้าแค่ล้อเล่นกับองค์หญิง อย่าถือคำพูดข้าเป็นจริงจังเลย”

เย่จายซิงกุมมือสองข้างคำนับด้วยท่าทีที่จริงใจ

องค์หญิงหลิวอิ๋ง……

“เจ้ายังเล็ก เจ้าไม่รู้ใจคนมันยากจะหยั่งถึง เจ้ากลับไปแล้วพี่สาวของเจ้าจะสอนเจ้าเอง”

เย่จายซิงพูดกับหนานกงเหยา

เมื่อสักครู่ เย่จายซิงเห็นหนานกงหลีในหมู่ฝูงชน นางดูงดงามมาก หน้าตาดูละม้ายหนานกงเหยา แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวที่ดูสง่างามและเปี่ยมไปด้วยปัญญา

หนานกงหลีให้หนานกงเหยาผู้เป็นน้องสาวมาส่งข่าวให้เย่จายซิง นางจึงรู้สึกดีกับหนานกงหลีมาก อยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ นางก็ไม่หวังให้ตระกูลหนายกงต้องมาเดือดร้อนเพราะนาง

หนานกงเหยาได้ยินเช่นนั้น นางสวมหมวกแล้วเดินออกทางประตูหลัง เย่จายซิงให้เหยียนเฟิงคอยดูลาดเลาตามหลัง ถ้ามีคนสะกดรอยตามก็จัดการซะ

“พี่สาว!”

เย่ยู่หยางวิ่งเข้ามาที่หอไป๋เป่า ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น เมื่อเช้าเขากลับไปฝึกตน เขาได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงรีบออกจากโรงเตี๊ยมกลับมาที่หอยา

เมื่อเย่จายซิงเห็นเขาที่เหงื่อที่ท่วมกาย นางเอาผ้าออกมาเช็ดเหงื่อให้เย่ยู่หยาง: “ข้าไม่เป็นไร เจ้าจะรีบเช่ไนนี้ปทำไมกัน ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าอย่าห่วงไปเลย”

เย่ยู่หยางเอาผ้ากลับมาเช็ดเหงื่อตัวเองให้แห้ง คนในร้านต่างมองดูเขา ทำให้เขารู้สึกม่เป็ตัวเอง พี่สาวไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้าก็วางใจไปเปลาะหนึ่ง

“น้องซิง”

ทันใดนั้น มีเสียงเรียกคุ้นเคยมาจากหน้าประตู

เย่จายซิงเงยหน้ามองขึ้นแล้วมุมปากก็ยกขึ้น เงาสูงใหญ่นั้นเดินผ่านไป

“เสด็จอา ท่านมาได้อย่างไร?”

เย่ยู่หยางรู้สึกกังวล โม่เสิ่นยวนมาหาพี่สาวข้าได้อย่างไร พี่สาวข้ายังมีศัตรูไม่มากพออีกเหรอ?

เขาหันหน้าไปมองแล้วทอดหายใจยาว ที่แท้ไม่ใช่เซ่าตี้โม่เสิ่นยวนของแคว้นเทพมังกร แต่เป็นอ๋องเซ่อเจิ้งของแคว้นหงส์แดง——จวินหยวน

เขาสวมหน้ากากสีเงิน ส่วนสูงและน้ำเสียงมีการเปลี่ยนแปลงไปหน่อย ทรงผมและการแต่งตัวก็ต่างจากเซ่าตี้ค่อนข้างเยอะ

คงไม่มีใครดูผิดมองอ๋องเซ่อเจิ้งเป็นเซ่าตี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา