“ข้ามาช้าไป”
โม่เสิ่นยวนก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่เขารักด้วยความรู้สึกผิด
คนอย่างหลิวอิ๋งชั่วร้ายอำมหิตเหมือนมารดานางไม่มีผิด เขาไม่อยากให้น้องซิงต้องไปเผชิญหน้า
“ข้าไม่เป็นไร ตอนนี้ท่านมาถึงแล้วก็ยังไม่ถือว่าสาย ท่านต้องมาปลอบใจข้าดีๆแล้วล่ะ”
เย่จายซิงยิ้มพูดและมองหน้าเขาอย่างตากะพริบ
โม่เสิ่นยวนมองหน้านางอย่างประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่านางจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา ถึงแม้ท่าทีที่นางพูดนั้นอาจจะไม่ได้ต้องการให้เขาปลอบใจจริงๆ
เขาได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดแล้ว น้องซิงของเขาไม่ได้ถูกรังแกแต่อย่างใด แต่กลับเป็นโจอวเหม้ยผู้ต่อต้านนางที่ต้องรับกรรมไปแทน แต่ก็ทำให้หลิวอิ๋งโมโหแทบเป็นบ้า ที่ชีวิตนี้ไม่เคยเสียท่าให้ใคร กลับมาโดนเย่จายซิงเล่นงานจนหมดท่าไป
ในใจเขารู้สึกภาคภูมิมาก ภูมิใจที่หญิงของเขานั้นมีความสามารถ แต่เขาก็อยากเก็บนางไว้ในอ้อมอก ไม่อยากให้นางต้องไปเผชิญกับภยันตรายใดๆ
พนักงานจัดยาของหอไป๋เป่าและลูกค้าต่างมองมาที่ประตูหอยา ต่างมองหน้าโม่เสิ่นยวนด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
ใครจะไปรู้ว่าเย่จายซิงนั้นมีเจ้าของแล้ว!
เย่จายซิงใช้คำพูดออดอ้อนคุยกับชายหนุ่ม แล้วชายผู้นั้นก็เรียกนางอย่างคุ้นเคยด้วยเสียงอ่อนหวาน ทั้งสองต้องเป็นคู่รักแน่นอน
เย่ยู่หยางที่ยืนอยู่ข้างๆอ้าปากค้าง ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวของตนเองนั้น มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับโม่วเซินหยวนเช่นนี้ ช่วงที่เขาฝึกตนนั้น ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองนั้นพัฒนาไปได้ไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
“เสี่ยวยู่ ข้าค่อยอธิบายให้เจ้าวันหลัง ข้าขึ้นไปคุยธุระกับเสด็จอาด้านบนก่อน”
เมื่อถูกผู้คนจับตามอง นางกระแอมเสียงบอกเสี่ยวยู่ สิ้นเสียงนางก็จูงมือโม่วเซินหยวนขึ้นข้างบนไป
“เห็นผู้ชายดีกว่าน้อง”
เย่ยู่หยางพูดพึมพำ
“หวัดดี! เสี่ยวหยาง เจ้ามาเมืองเฉินตูจริงเหรอ ไป พี่ชายจะพาเจ้าไปดื่มกินของอร่อยกัน!”
ณ ตอนนี้ จู่ๆมีแขนข้างหนึ่งมาโอบไหล่เขาไว้ เสียงที่กวนประสาทนี้ไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นลั่วกูหยุนนั้นเอง!
ได้ยินมาว่าเขาได้ออกนอกเมืองไปหาซื้อสมุนไพร ไหนกลับมากะทันหันเช่นนี้
“เอามือเจ้าออกไป ข้าไม่ไป เจ้าไปกินเถอะ”
เย่ยู่หยางรู้สึกว่าเขาไม่ได้สนิทกับลั่วกูหยุนถึงขนาดไปกินข้าวด้วยกันได้
“เจ้าอย่าหยิ่งไปหน่อยเลย ไปๆๆ เกิดเป็นเจ้าถิ่น พี่ชายจะเป็นเจ้าภาพเจ้าเที่ยวเมืองเฉินตูเอง! ถ้าเจ้าไม่อยากกินของอร่อยก็ไม่เป็นไร ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง ไปแล้วรับรองเจ้าจะลืมไม่ลงอย่างแน่นอน !”
ลั่วกูหยุนไม่สนใจว่าเย่ยู่หยางเต็มใจหรือไม่ โอบกอดเขาแล้วลากตัวออกไปเลย
“ตะกี้นั่นคือคุณชายของตระกูลลั่วใช่ไหม!”
“น้องชายของเย่จายซิงรู้จักกับคุณชายลั่วนี่เอง”
“นึกว่าพวกเขามาจากแคว้นเล็กจะไม่มีเส้นสาย คิดไม่ถึงว่าน้องชายของเย่จายซิงนั้นจะสนิทกับลั่วกูหยุนถึงเพียงนี้!”
ตระกูลลั่วเป็นตระกูลเก่าแก่ในเฉินตู ชาติตระกูลแข็งแกร่งกว่าตระกูลหนานกงที่มีบารมีสูงส่ง การที่เย่ยู่หยางนั้นสนิทกับคุณชายตระกูลลั่วนั้น
เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของผู้พบเห็น
บนหอไป๋เป่า
หลังจากเย่จายซิงปิดประตูแล้ว ก็ถูกชายร่างสูงนั้นยืนประชิดไปที่ประตู ไอร้อนของลมหายใจที่มีกลิ่นสุราของเขานั้นรดอยู่บนหน้าผากของนาง
เขาได้ถอดหน้ากากออก เผยโฉมใบหน้าหล่อเหลานั้นออกมา แววตานั้นเต็มไปด้วยความรัก
ทั้งสองนั้นต่างหายใจรดต้นคอซึ่งกันและกัน จนหูเย่จายซิงนั้นค่อยๆแดงขึ้น
นางไม่ได้ผลักโม่วเซินหยวนที่กำลังค่อยๆเข้าใกล้ตัวนางออก
เขาพูดพลางยิ้มแววตาเปี่ยมไปด้วยความสุข
เขาค่อยๆรับรู้ได้ว่านางเริ่มมีใจให้กับเขา ความพยายามของเค้านั้นไม่ได้เสียเปล่า เขาเชื่อว่าน้องซิงของเขานั้นจะค่อยๆก้าวขึ้นมาทีละขั้น ศัตรูที่มีตอนนี้จะเป็นเพียงก้อนหินที่ช่วยให้พยุงให้นางก้าวเดินไป
ต้องมีสักวันที่นางจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ แล้วมองลงมายังผืนแผ่นดินใหญ่นี้
……
ในหลายวันที่ผ่านมานี้ โม่วเซินหยวนไม่ได้ปรากฏกายขึ้น
เหมือนดังเช่นที่เขาบอก องค์หญิงหลิวอิ๋งไม่ว่างที่จะมาหาเรื่องนาง เพราะมีคนเห็นอสูรเทพไป๋เจ๋อที่เทือกเขาเสวียนปิง วันถัดมานางก็รีบมุ่งหน้า
ไปที่นั่นเลย
ตั้งแต่นางตกลงมาจากหลังอสูรศักดิ์สิทธิ์ประจำกาย ทำให้นางได้รับความอับอาย นางจึงไม่อนุญาตให้อสูรศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจ๋อออกมาเจอผู้คน จนกว่านางจะหาอสูรเทพเจอ
โม่วเซินหยวนเข้าใจหลิวอิ๋ง รู้ว่านางมีนิสัยเช่นไร จึงเอาข้อเสียนางมาเป็นเครื่องมือ ปล่อยข่าวปลอมเพื่อล่อนางออกไป
โจอวเหม้ยอยู่ในห้องขังและถูกโบ้ยตีไปห้าวันห้าคืนถึงปล่อยนางออกมา ถ้าไม่เป็นเพราะพ่อนางเป็นถึงเจ้าสำนักเมฆแดง นางคงไม่รอดออกมาจากห้องขังเป็นแน่
ฮ่องเต้มีธิดาเพียงคนเดียวที่ท่านรักเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ที่ไม่ยอมให้นางถูกรังแกแม้แต่ปลายเล็บ
คราวนี้ธิดาเกือบถูกวางยาพิษ และโจอวเหม้ยเป็นผู้ต้องสงสัยถึงแม้จะดูมีเงื่อนงำก็ตาม แต่เมื่อองค์หญิงยืนยันว่าเป็นโจอวเหม้ยเป็นคนทำ ฮ่องเต้ก็ต้องลงโทษตามกระบวนการ
ความแค้นของราชวงศ์นั้นยิ่งใหญ่คับฟ้า แต่แคว้นเทพมังกรเทพนี้ก็ถือว่าไว้หน้าสำนักเมฆแดงแล้ว ที่ยอมปล่อยโจอวเหม้ยที่ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายกลับไป ในวันที่หกของการคุกเข่าที่หน้าเมือง
ได้ยินมาว่าโจอวเหม้ยต้องใช้ยาเทพนานับไม่ถ้วนและยากลั่นระดับขั้นสูงในการรักษาตัวอยู่ครึ่งปี จึงจะสามารถลืมตาขึ้นมาได้
ช่วงเวลานี้ เย่จายซิงก็ได้ฝึกตนขึ้นไปอีกขั้น และยังใช้ช่วงเวลาว่างกลั่นยา ซึ่งสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
องค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นยังส่งคนมาจับตาเย่จายซิง เมื่อรู้ว่าเย่จายซิงทำเงินได้มากมายเช่นนั้นแล้วนางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...