“แยกคู่รักจากกัน?”
ฝ่าบาทหัวเราะอย่างเสียงเบา “ข้าไม่สนใจว่าเขาจะเลือกใครมาเป็นคู่ครอง ขอแค่มีประโยชน์ต่อราชสำนัก ข้าก็สามารถตามใจเขาได้ แต่ถ้าหญิงสาวที่เขารักนั้นไร้ความสามารถและประโยชน์ใดๆ ก็จัดการฆ่ามันซะ!”
“ฝ่าบาท ท่านอย่าพูดเรื่องเครียดๆอีกเลย ถ้าท่านฆ่าแม่นางผู้นั้น เจ้ายวนน่าจะโกรธเกลียดท่านมาก ยากที่จะเห็นเขานั้นมีความรักต่อหญิงสาว ก็ให้หญิงสาวผู้นั้นเป็นชายารองเถอะเพค่ะ”
ฮองเฮาพูดห้ามฝ่าบาทด้วยท่าทีอ่อนโยน
“เห้อ! ช่างมันปะไรกับเด็กปีศาจแค่คนเดียว ข้าไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเกลียดข้าหรือไม่”
ฝ่าบาทถอนหายใจเฮือก แต่สุดท้ายก็ยังฟังคำห้ามปรามของฮองเฮา
“ฝ่าบาท ครั้งนี้ที่ข้ากลับมา ข้าได้พาหลานสาวที่เชื่อฟังคนนั้นกลับเข้ามาในวัง เพื่อมาอยู่กับข้าสักพัก อันที่จริงแล้วข้าอยากให้
เจ้ายวนนั้นแต่งงานกับหลานสาวคนนี้ คนในบ้านจะได้ดองกันเอง ฝ่าบาทมีความเห็นเช่นไรบ้าง?”
ฮองเฮาที่พูดหว่านล้อมไปครึ่งค่อนวัน ท้ายสุดถึงจะพูดถึงประเด็น
“มันเนี่ยนะ? เขาจะคู่ควรกับเทพธิดาของเผ่าโฮ่วานได้อย่างไรกัน!”
ฝ่าบาทขมวดคิ้ว สีหน้าคาดไม่ถึง
ฮองเฮาก็เป็นหนึ่งในเทพธิดาของเผ่าโฮ่วาน ในสายตาฝ่าบาท เผ่าโฮ่วานนั้นค่อนข้างลึกลับ เทพธิดาที่ถูกอบรมมานั้นบริสุทธิ์อย่างไร้ที่ติ ให้เทพธิดามาแต่งงานกับลูกปีศาจนั้น เสมือนการเอาสิ่งของมาทำลายเสียเปล่า
“ฝ่าบาท อย่าพูดเช่นนี้เลยเพค่ะ เจ้ายวนก็มีความสามารถมาก เขาสามารถครอบครองอสูรเทพพร้อมกันได้ถึงสององค์ และยังสามารถปราบ
จักรพรรดิปีศาจใหม่ที่เกิดใหม่ทุกๆสามพันปีมาได้ ถือว่ามีชื่อเสียงมากในหมู่ประชาราษฎร์ พระชายาของเขาต้องมีฐานะที่เท่าเทียมกัน ยุ่นเอ๋อร์นั่นเหมาะสมที่สุด และเชื่อว่านี่ก็เป็นสิ่งที่เหล่าประชาราษฎร์ นั้นอยากเห็น”
ฮองเฮานั้นรู้จักนิสัยของฝ่าบาทดี ที่ให้ความสำคัญประชาชนของแคว้นเทพมังกรเป็นอันดับหนึ่ง แคว้นเทพมังกรนั้นยืนหยัดอยู่ในแผ่นดินใหญ่เทียนเหยานี้ได้ถึงแสนๆปี สิ่งสำคัญก็คือการรวมใจที่เป็นหนึ่งเดียวกันของเหล่าชาวประชาราษฎร์
หัวใจของชาวประชานั้นลึกลับซับซ้อน เหมือนคำพูดที่เคยกล่าวไว้ พลังของความเชื่อ ถ้าไม่ได้หัวใจของชาวประชา แคว้นเทพมังกรนั้นก็อาจจะสูญสิ้นในเร็ววัน
เมื่อฝ่าบาทได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้านั้นเคร่งขรึมไปสักครู่ จำใจต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่ฮองเฮาเสนอ
“รอลูกปีศาจนั้นกลับวังมา ให้เขานั้นไปพบหลานสาวเจ้าก่อน แล้วบอกเขาว่าจะแต่งงานกับหญิงสาวปุถุชนผู้นั้นได้ แต่ตำแหน่งพระชายานั้น จะเป็นของหญิงนั้นไม่ได้เด็ดขาด”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากฝ่าบาท ฮองเฮานั้นยิ้มพอใจอย่างอ่อนหวาน
……
เย่จายซิงรู้สึกว่าตนเองนั้นหลับไปเป็นเวลานานมาก เหมือนได้ตกเข้าไปอยู่ในห่วงแห่งความวุ่นวาย ไม่รู้วันคืนไปถึงไหนกันแล้ว
พลังอันล้นเหลือนั้นซึมเข้าสู่ร่างกายนั้น ได้แพร่กระจายไปทั่วภายในร่างกาย และในที่สุดก็ได้เข้าไปสู่จุดตันเถียน รวบรวมเป็นพลังทิพย์ในที่สุด
สถานที่เข้านอนพักฟื้นนั้น เป็นห่วงกาลเวลาบ่อผดุง ในนั้นก็จะมีตาวิญญาณอยู่ครบ
บ่อผดุงหยกในบ่อผดุงนั้นมีชี่ทิพย์กลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมาเรื่อยๆ
ทันใดนั้น กลุ่มหมอกที่ฟุ้งกระจายอยู่ในทะเลจิตกลับมีแสงสีเขียวประกายออกมา
กลุ่มหมอกนั้นกระจายออก และปรากฏเงาต้นซานเทียนนั้นขึ้นมา มันเฟื่องฟูอุดมสมบูรณ์ กิ่งก้านใบนั้นยืดออกมา เมื่อลมพัดผ่านมา กิ่งก้านใบนั้นสั่นพลิ้วไหว ได้แผ่ความมีชีวิตชีวาออกมาอย่างสะพรั่ง
เย่จายซิงนั้นรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า สายตานั้นมัวไปหมด นางพยายามเพ่งสายตามองต้นไม้ต้นนั้น แวบแรกก็เห็นบ่อทิพย์ที่อยู่ใต้ต้นไม้ ด้านในนั้นมีเสียงน้ำไหลอย่างเบาๆ ด้านบนนั้นมีกลุ่มหมอกนั้นลอยอยู่
นางพยายามเดินเข้าใกล้เพื่อสูดหายใจเข้า รู้สึกได้แต่ว่าถึงลมเย็นสบาย การมองเห็นของนางก็ดีขึ้นมา
“นี่มันต้นอะไรกัน?”
นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองอย่างตาโต
จากระยะไกลจะเห็นแต่เพียงกิ่งใบที่เขียวขจี แต่เมื่ออยู่ใต้ต้นไม้ จะเห็นผลประกายสีน้ำเงินอยู่บนนั้น ผลขนาดเท่ากำปั้นต่างประกายแสงระยิบระยับ เสมือนดาวอยู่เต็มต้น ต้นไม้ต้นนี้คือทะเลดาว
นางยื่นมือเพื่อจะเด็ดลงมา แต่กลับจับได้แต่ความว่างเปล่า
เฮ้อ!
เย่จายซิงนั่งลงอย่างเร็ว นางเห็นเขาแหลมของเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋นั้นยื่นหัวเข้ามา มองนางอย่างดีใจ: “เจ้านาย ท่านฟื้นแล้วรึ!”
นางพยักหน้าแล้วนวดขมับ นางปวดหัวมาก แต่อาการอ่อนเพลียนั้นได้หายไปปลิดทิ้ง นางรู้สึกได้ถึงพลังทิพย์ที่ยิ่งใหญ่ในตัวของนาง
นางเล่าเรื่องที่นางเห็นต้นไม้ใหญ่และบ่อทิพย์ให้เสี่ยวไป๋ฟัง
“บ่อทิพย์ที่เจ้านายพูดถึง มันใช่บ่อผดุงนี่หรือเปล่า?”
เสี่ยวไป๋พูดอย่างตื่นเต้น “และยังมีผลสีน้ำเงิน ข้าคิดๆแล้ว……เหมือนข้าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ยังคิดไม่ออกในทันที”
สมองของเสี่ยวไป๋นั้นเหมือนมีความทรงจำเลือนราง แต่มันก็ไม่แน่ใจ เลยไม่ได้พูดออกมา
เย่จายซิงก็รู้สึกว่าบ่อทิพย์นั้นน่าจะเป็นบ่อผดุงนี้ แต่บ่อผดุงที่เห็นตอนนี้ไม่มีชี่ทิพย์ที่คุกรุ่นขนาดนี้
ในบ่อทิพย์นั้น เหมือนมีสิ่งมีชีวิตบางอย่าง นางก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าทำให้นางจิตใจโปร่งใส ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง
“ไม่เป็นไร เจ้าค่อยๆคิด ต้องมีสักวันหนึ่งที่เราต้องรู้ว่าเป็นต้นไม้อะไรกันแน่ เออ เสี่ยวไป๋ ข้านอนหลับไปนานเท่าไหร่?”
“เจ้านายหลับไปสามเดือนกว่าแล้ว”
“นานขนาดนั้นเลย?”
เย่จายซิงนั้นรู้สึกตกใจ นางคิดว่าอย่างมากก็คงไม่กี่วัน นางคิดไม่ถึงว่าจะนอนไปนานขนาดนั้น
ต่อไปวิชาลึกลับนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่สมควรใช้อีกต่อไป ผลกระทบนั้นรุนแรงเกินไป
ถ้าไม่เป็นเพราะมีห้วงกาลเวลา นางก็ต้องพักผ่อนภายนอกเป็นเวลาสามเดือนกว่า นางต้องเหี่ยวเฉาเป็นแน่
“ข้าต้องออกไปก่อนแล้ว เสด็จอายังอยู่ด้านนอก เสี่ยวไป๋ เจ้าค่อยๆนึกไปก่อนนะ”
พูดเสร็จ เย่จายซิงนั้นหายวับไปกับตา กลับไปบนเตียงนอนในโลกความจริง
เมื่อนางลืมตาขึ้น ก็เห็นสายตาของเสด็จอาที่จ้องมองนางอยู่ เมื่อเขาเห็นนางกลับคืนมา แววตานั้นฉายความดีใจออกมาทันที ริมฝีปากเขานั้นหยักขึ้น แล้วจับมือนาง:
“น้องซิง ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว”
เย่จายซิงมองหน้าเขา ถึงแม้ใบหน้าเขานั้นยังเป็นใบหน้าเดิมที่หล่อเหลาและน่าหลงใหล แต่ว่าดูซูบไปอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้นางรู้สึกแปลบขึ้นมาในใจ
“ทำไมท่านไม่พักฟื้นให้เต็มที่ หลายวันมานี้ ท่านอยู่เฝ้าข้าตลอดเลยใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...