บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 258

เสี่ยวเอ้อนั้นเป็นคนพื้นเพของเฉินตู เขามีนามว่าหลิวเหยียน เพราะไม่มีรากทิพย์จึงฝึกตนไม่ได้และถูกคนในตระกูลนั้นทอดทิ้ง เลยต้องออกมาทำงานหาเงิน

เขานั้นสติปัญญาดี มีความรับผิดชอบสูง ขยันหมั่นเพียรไม่เลือกงาน ปกตินอกจะทำงานในร้านอาหารแล้ว เขาจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น เพื่อจะเก็บ

หินทิพย์เพื่อไปซื้อยาระดับสี่หนึ่งเม็ดเป็นยากลั่นโอสถเปิดสติปัญญา

พี่น้องของเขานั้นต่างมีรากทิพย์ มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่ไม่มี แม้แต่คู่หมั้นของเขานั้นก็ถูกน้องชายนั้นแย่งจากไป เขาไม่เชื่อว่าชาตินี้เขาจะไม่สามารถฝึกตนได้ ดังนั้นเขาเก็บเงินเพื่อจะซื้อยากลั่นโอสถเปิดสติปัญญาหนึ่งเม็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อกินยานั้นไปแล้วรากทิพย์จะสามารถงอกขึ้นมาไหม

บางคนนั้นมีรากวิญญาณเทียมแต่ไม่มีรากทิพย์ แต่เมื่อผ่านการสะสมช่วงระยะเวลาหนึ่งและสะสมเป็นชี่ทิพย์ ก็มีโอกาสที่จะมีรากทิพย์ขึ้นมาได้

หลิวเหยียนนั้นคิดเสมอว่าตนเองนั้นเป็นรากวิญญาณเทียม ตอนนี้ยังไม่สามารถฝึกตนได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะฝึกไม่ได้เช่นกัน

แต่ไม่คิดว่าเวลานั้นจะมาเร็วเช่นนี้

เขาหยิบข้าวลักษณะนิ่มเละสองเม็ดที่เหลือในถ้วยนั้นใส่ปาก นาทีที่กลืนลงไปนั้น เขารู้สึกว่าเลือดลมนั้นเดินได้ดีมาก ชี่ทิพย์ที่เย็นสบายนั้นไหลเข้าไปแขนขาทั้งสี่ของเขา เข้าไปสู่ตันเถียน

เสียงดังปัง เขาเข้าสู่ขั้นสูงแล้ว!

แดนศิษย์ทิพย์ขั้นหนึ่ง แดนศิษย์ทิพย์ขั้นสอง แดนศิษย์ทิพย์ขั้นสาม!

“!!”

หลิวเหยียนอ้าปากกว้าง คางนั้นเกือบจะฉีกลงมาแล้ว

เขาจากที่ไม่มีวิทยายุทธเลย ชั่วพริบตาก็กลายเป็นผู้ฝึกตนแดนศิษย์ทิพย์ขั้นสาม! มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

ตอนนี้เขารู้สึกว่า ด้านในตัวเขานั้นเหมือนมีรากทิพย์แวววาวงอกออกมา

ตูม!

หลิวเหยียนคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาแห่งความดีใจนั้นไหลริน

“ข้าหลิวเหยียน ในที่สุดก็มีรากทิพย์แล้ว”

แล้วเขาก็คำนับทางที่โม่เสิ่นยวนและเย่จายซิงเดินออกไป:

“ขอบพระคุณเซ่าตี้และพระชายาเซ่าตี้ที่ให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ให้ข้า ข้าหลิวเหยียนต่อไปถึงแม้จะต้องกลายเป็นสัตว์ก็จะตอบแทนพวกท่าน!”

……

เย่จายซิงและเสด็จอาหลังจากเดินออกไปแล้ว ก็ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหาร

นางไม่มีนิสัยการกินข้าวหมดถ้วย และไม่ได้สังเกตว่ามีข้าวทิพย์นั้นเหลืออยู่ในถ้วยสองเม็ด และยิ่งไปกว่านั้นนางคงนึกไม่ถึงว่าข้าวทิพย์นี้จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนคนหนึ่งได้

ตอนนี้นางอารมณ์เสียมาก เพราะเพิ่งออกมาจากร้านอาหารยังกลับไม่ถึงหอยา ก็ดันมีคนมาหาถึงที่ซะแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสวยสดใส สวมชุดกระโปรงสีขาวประหลาดยาวถึงหัวเข่า เผยให้เห็นน่องเล็กที่สวมกระดิ่งอยู่ เสียงกระดิ่งบนตัวนั้นส่งเสียงเบา ใบหน้านั้นดูมีความกลัดกลุ้มเล็กน้อย ผู้คนต่างมองไปที่ตัวนาง

แต่นางกลับตรงดิ่งเข้ามาหาโม่เสิ่นยวน

“เซ่าตี้ ข้าชื่อฉู่ยุ่นเอ๋อร์ เทพธิดาแห่งเผ่าโฮ่วาน มีคำสั่งจากฮ่องเต้ให้ท่านกลับวังเพค่ะ”

นางพูดเสียงเบาด้วยท่าทีที่ปกติ

“เทพธิดาโฮ่วาน! น่าจะเป็นหลานสาวของฮองเฮา!”

“ได้ข่าวว่าฮองเฮาจะให้เทพธิดานั้นแต่งงานกับเซ่าตี้!”

“แต่คนที่เซ่าตี้ชอบคือเย่จายซิงหนิ!”

“มารหัวใจมาพบหน้ากัน อิจฉาตาร้อนเป็นแน่!”

ผู้คนต่างจ้องมองไปที่สามคนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเทียบดูแล้ว เย่จายซิงดูสวยงามและมีเสน่ห์กว่า ท่าทางที่สง่างาม ใบหน้าเหมือนสวรรค์ค่อยๆบรรจงสลักออกมาอย่างประณีต สวยงามจนยากจะบรรยาย แม้แต่องค์หญิงหลิวอิ๋ง โฉมหน้าก็ยังเทียบเย่จายซิงไม่ได้

แล้วจะเทียบอะไรกับฉู่ยุ่นเอ๋อร์ผู้นี้ ที่เป็นแค่เทพธิดา ถึงแม้ว่านางจะงดงามกว่าหญิงสาวธรรมดา แต่เมื่อยืนเทียบกับเย่จายซิงแล้วนั้น ยังห่างไกลกันเยอะ

เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียด เทพธิดาผู้นี้ยังแต่งหน้าอ่อนๆ เขียนคิ้วทาปาก มิฉะนั้นคงจะดูหม่นหมองเป็นแน่

“จุ๊ๆ ถ้าข้าเป็นเซ่าตี้ก็ต้องเลือกเย่จายซิงอยู่แล้ว เห็นคนงดงามเช่นนางแล้ว ก็มิอาจมองหญิงอื่นได้อีก”

มีชายหนุ่มกระซิบคุยกัน

ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อเซ่าตี้และเย่จายซิงยืนคู่กัน ชายหล่อหญิงงาม ดั่งคู่พระนาง

ถ้าเข้าไปยุ่งเวลานี้ มิใช่รนหาความอับอายรึ?

“ถูกต้อง”

ท่าทีนางเหมือนไม่อยากสนทนากับนางนัก เกรงว่าจะต้องลดฐานะตัวเองลงมา

มันแน่สิ พระชายาคือภรรยาหลวง ชายารองคือภรรยาน้อย ภรรยาหลวงไม่อยากพูดกับภรรยาน้อย มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าภรรยาน้อยนั้นอยู่นอกสายตา

เย่จายซิงหัวเราะร่วน ฉู่ยุ่นเอ๋อร์ยังไม่ได้เป็นพระชายาของเซ่าตี้ แต่กลับเริ่มวางท่าเหมือนพระชายาเซ่าตี้ซะแล้ว

ตอนนี้นางต่างหากที่เป็นคู่รักที่แท้จริง

คนที่หน้าด้านเช่นนี้ เย่จายซิงเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก

นางหัวเราะเยาะเย้ย พร้อมควงแขนของเสด็จอาพูดขึ้นว่า:

“คุณหนูฉู่งั้นเจ้าต้องถามความเห็นของเสด็จอาดูก่อน ว่าเซ่าตี้นั้นจะยินยอมที่จะแต่งกับเจ้าหรือเปล่า?”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์มองโม่เสิ่นยวนแล้วพูดว่า:

“นี่เป็นการอภิเษกเพื่อเกี่ยวดองกัน ไม่เกี่ยวกับความรัก ข้าคิดว่าเซ่าตี้ก็คงต้องนึกถึงประโยชน์เป็นหลัก ถึงแม้เขาจะไม่รับปาก แต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องทำตามประสงค์ฮ่องเต้ แต่ถ้าเซ่าตี้ก็ยังไม่ยินยอม ก็อาจต้องสูญเสียสิ่งของสำคัญ”

นี่มันกำลังข่มขู่เสด็จอาอยู่!

เย่จายซิงนั้นประหลาดใจกับความกล้าของหญิงสาวผู้นี้มาก

ข่มขู่เสด็จอาต่อหน้าผู้คนเยอะขนาดนี้ ช่างไม่มีความเกรงกลัวซะเลย

สิ่งของที่สำคัญก็คงหมายถึงนางแน่นอน เย่จายซิงรู้สึกไม่พอใจฉู่ยุ่นเอ๋อร์กล้าที่จะมองนางนั้นเป็นสิ่งของ

ยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นพระชายา ก็ยังลามปามนางถึงขนาดนี้ ถ้าขึ้นเป็นพระชายาแล้ว คงจะยิ่งเหิมเกริมกว่านี้เป็นแน่?

“ว่าที่ภรรยาของโม่เสิ่นยวนนั้นมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือเย่จายซิง ไม่มีผู้หญิงอื่นใดอีก”

โม่เสิ่นยวนพูดเสียงเยือกเย็น สายตานั้นมองฉู่ยุ่นเอ๋อร์อย่างเย็นชา “โดยเฉพาะเจ้า ถ้ายังพูดจาไม่ให้เกียรติน้องซิง ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งด้วยตัวเอง”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงความอำมหิตของตัวเขา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แอบส่งเสียงให้ฮองเฮาอย่างเบา:

“ท่านป้า หญิง โม่เสิ่นยวนมีความรักเกิดขึ้นจริงๆกับหญิงสาวที่ชื่อว่าเย่จายซิง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา