ฉู่ยุ่นเอ๋อร์เป็นเทพธิดาเผ่าโฮ่วาน มารดาของนางเป็นหัวหน้าเผ่า อาหญิงของนางเป็นฮองเฮา ดูแล้วนางนั้นค่อนข้างจะได้เปรียบไปหมด
นางออกมาจากเผ่าเดินทางมาถึงเฉินตู เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่จะฆ่าโม่เสิ่นยวน คนอื่นๆไม่มีค่าอะไรในสายตานาง คนอื่นที่ว่านี้รวมไปถึง
เย่จายซิง
เย่จายซิงหน้าตายอมรับว่างดงามมาก และการบำเพ็ญตนนี้อยู่ในเพียงขั้นต้นของราชาทิพย์ คุณสมบัตินี้มันช่างธรรมดายิ่งนัก
ยังเป็นแจกันที่ไม่พร้อมใช้งานเท่านั้น
ผู้ชายนั้นก็มองเพียงความงดงามภายนอก ไม่สนใจภายใน แม้แต่เซ่าตี้ที่มีชื่อเสียงก็ไม่ยกเว้น
สีหน้าอาฆาตอำมหิตของเซ่าตี้ นางไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว นางมาเพื่อฆ่าโม่เสิ่นยวน ถ้านางเกรงกลัวต่อไปนางจะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้นางเห็นความห่วงใยที่เขามีต่อเย่จายซิง ฉู่ยุ่นเอ๋อร์เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ชายที่ท่านป้าเคยบอกว่าไร้อารมณ์บัดนี้เขาเกิดมีความรัก
ขึ้นมาจริงๆแล้ว
มนุษย์เมื่อมีใจกับสิ่งใดแล้ว ย่อมจะกลายเป็นจุดด้อยเสมอ
ตอนนี้เย่จายซิงก็คือจุดอ่อนของเขา
นางมองไปที่เย่จายซิงเผยอปากพูดขึ้น:
“ขออภัยแม่นางเย่ เมื่อสักครู่ข้าเสียมารยาท ขออย่าถือสาข้าเลย”
ถึงแม้น้ำเสียงนางจะกล่าวคำขอโทษ แต่ท่าทีนั้นไม่ได้แสดงความขอโทษเลยสักนิด แต่ท่าทีกลับทำเสมือนเป็นพระชายาเฉกเช่นนั้น
นางยังพูดกับโม่เสิ่นยวนด้วยว่า “เซ่าตี้ ท่านไม่อยากแต่งกับข้า ต้องไปทูลไปฮ่องเต้ ไร้ประโยชน์ที่จะพูดกับข้า”
พูดจบ นางมองไปด้านหลัง
อาจารย์ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเดินเข้ามาจากฝูงชน แล้วคำนับโม่เสิ่นยวน:
“เซ่าตี้ ฮ่องเต้เชิญท่านและแม่นางเย่เข้าวัง ท่านใช้วิชาลี้ลับทำให้อายุขัยท่านเสียหาย ฝ่าบาทมียาที่สามารถยืดอายุขัยออกไปได้”
นี่ใช้วิธีบังคับไม่สำเร็จเลยเปลี่ยนวิธีหลอกล่อขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม หูของเย่จายซิงนั้นผึ่งขึ้นมา ในวังมียาชนิดนี้ได้อย่างไรกัน? มันเป็นยาชนิดไหนกันแน่?
“อายุขัยเซ่าตี้นั้นถูกทำลายเสียหาย?”
“ไม่ใช่กระมัง! มันรุนแรงหรือไม่?”
“เสียดายที่คนธรรมดาอย่างพวกข้าดูไม่ออกว่าเซ่าตี้นั้นมีอายุขัยเหลืออีกเท่าไหร่”
ผู้คนต่างพูดกันอย่างเป็นห่วง
เมื่อฉู่ยุ่นเอ๋อร์เห็นผู้คนต่างเป็นห่วงเซ่าตี้ นางรีบพูดขึ้น “เซ่าตี้ แม่นางเย่ ฝ่าบาทยังรอพวกท่านอยู่ในวังนะ”
นางไม่ยอมให้ชาวบ้านนั้นเข้าข้างโม่เสิ่นยวน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป งานอภิเษกต้องมีปัญหาแน่
เดิมเย่จายซิงนั้นไม่อยากให้คนอื่นนั้นรับรู้เรื่องอายุขัยของเสด็จอา แต่เวลานี้นางเข้าใจแล้วว่า จำเป็นต้องให้ชาวบ้านรู้ว่าเสด็จอานั้นเสียสละเพื่อแผ่นดินใหญ่นี้มากแค่ไหน
นางลุกออกมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:
“ใช่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของประชาราษฎร์ เขาเลือกที่จะสละชีพตัวเอง ตอนนี้เหลืออายุขัยเพียงสิบห้าปีเท่านั้น ข้าในฐานะที่เป็นอาจารย์กลั่นยา และยังเป็นว่าที่ภรรยาของเขา ข้าต้องคิดค้นวิธีที่จะต่ออายุขัยเขาให้ได้”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่จายซิง ทุกคนต่างตกตะลึงพูดคุยกันเสียงอื้ออึง
ผู้บำเพ็ญขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ มีชีวิตอมตะนับพันๆปี แต่เซ่าตี้กลับเหลืออายุขัยเพียงสิบห้าปีเท่านั้น!
“สิบห้าปี! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”
“เซ่าตี้ต่อสู้กับแดนมกุฎปีศาจ! ถึงกับต้องเสียสละถึงเพียงนี้”
ผู้คนต่างรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกคับแน่นอก
ตอนอยู่ในโหมวหลิน ผู้คนบนแผ่นดินใหญ่นี้ต่างรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ต่างรู้สึกตื่นตระหนก โดยคิดว่าจะได้เผชิญกับมหันตภัยร้ายนี้
จักรพรรดิปีศาจใหม่นั้น ได้รับการถ่ายทอดอำนาจทั้งหมดจากบรรพบุรุษตระกูลปีศาจ ได้ข่าวว่ากำลังบำเพ็ญตนอยู่ในแดนเทพปีศาจ แต่ในโลกมนุษย์แผ่นดินใหญ่นี้ มีผู้บำเพ็บแดนเทวทิพย์ขั้นต้นเพียงหนึ่งเดียวคือไท่ซ่างหวง
แต่องค์ไท่ซ่างหวง ผู้นี้ปลีกวิเวกหรือดับสูญ ถึงแม้จะออกมาก็ยากที่จะขวางกั้นการฆ่าฟันมนุษย์ของจักรพรรดิปีศาจใหม่นี้ได้
โม่เสิ่นยวนไม่แม้แต่จะชายตามองนาง มองไปผู้คนที่ล้อมรอบอยู่พูดว่า:
“ม่านอาคมของเหวปีศาจนั้นน้องซิงเป็นคนเสกขึ้นมา บนนั้นมีตราสำนึกของนางอยู่ ถ้าต้องการพิสูจน์หลักฐาน เพียงแค่ถามหาคนที่ไปเข่นฆ่าตระกูลปีศาจแค่นั้นก็พอ”
พูดจบ เขาโอบเย่จายซิงแล้วเดินออกไป ทิ้งความประหลาดใจไว้ให้คนที่เหลือ
ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
ม่านอาคมขวางกั้นการเข้ามาของตระกูลปีศาจที่เสกไว้บนเหนือเมฆนั้น แท้จริงแล้วเป็นเย่จายซิงที่เสกเอาไว้!
“ไม่ใช่ เซ่าตี้กำลังโกหก”
ฉู่ยุ่นเอ๋อร์พูดอย่างคิ้วขมวด
“ไร้สาระ! เซ่าตี้ไม่มีวันโกหก!”
“คนแซ่ฉู่ ถ้ายังกล้าพูดให้เซ่าตี้เสียหาย พวกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว! พวกข้าไม่สนใจเทพธิดาบ้าอะไรนั่นหรอก และไม่สนใจด้วยว่าเจ้าจะเป็นหลานของฮองเฮา!”
“นั่นน่ะสิ! เจ้าจะสงสัยในตัวเซ่าตี้ได้อย่างไรกัน!”
“ยังไม่ตักน้ำชะโงกดูเงาตัวเองซะก่อนว่าน้ำหน้าอย่างเจ้า ริอ่านอยากจะเป็นพระชายาของเซ่าตี้ เจ้าฝันกลางวันไปก่อนเถอะ!”
ฉู่ยุ่นเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าคำพูดนางเพียงคำเดียว จะทำให้รังแตนนั้นแตกรัง นางประเมินบารมีของเซ่าตี้นั้นต่ำไป เซ่าตี้เป็นถึงวีรบุรุษที่กอบกู้แผ่นดินใหญ่ผืนนี้
คำสบถด่าและฟองน้ำลายของผู้คนนั้นต่างพ่นไปที่ใบหน้าของนาง นางหน้านิ่วสีหน้าบึ้งตึง รีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกและปากอย่างรังเกียจ รีบเบียดตัวออกมาจากฝูงชน
นางต้องไปหาทางเพื่อบอกทุกคนว่า สิ่งที่เซ่าตี้พูดนั้นเป็นเรื่องโกหก!
“เสด็จอา ฉู่ยุ่นเอ๋อร์ผู้นี้ นิสัยเหมือนกับน้องสาวท่านองค์หญิงหลิวอิ๋งไม่มีผิด ท่าทางหยิ่งยโส ดูแคลนปุถุชนยิ่งนัก”
เย่จายซิงยืนอยู่ชั้นบนสุดของหอยาไป๋เป๋อพูดกับเสด็จอา ขณะมองดูฉู่ยุ่นเอ๋อร์ที่หนีเตลิดเปิดเปิงออกมา
โม่เสินหยวนนั้นหยิกไปตรงเอวนางแล้วพูดว่า “ข้าไม่มีน้องสาว และก็ไม่มีญาติที่ไหน”
คนพวกนั้น ไม่เหมาะสมที่จะเป็นญาติและน้องสาวเขา
นางหัวเราะขึ้นมา “นั่นก็ถูก ข้าก็รู้สึกว่าหลิวอิ๋งนั้นไม่น่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเจ้า มันช่างต่างกันยิ่งนัก ต่อไปข้าก็จะเป็นญาติของท่าน ที่สนิทที่สุด! ว่าแต่เสด็จอา พรุ่งนี้พวกข้าเข้าวังกันเถอะ ข้าอยากรู้ว่ายาที่ฝ่าบาทบอกนั้นจะเป็นยากลั่นชนิดไหน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...