บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 262

ลั่วกูหยุนรู้สึกว่าเย่เจียหรงต้องกลับมาล้างแค้นนางอย่างแน่นอน

เขาเลยต้องเตือนนางไว้ก่อน

“ขอบใจเจ้ามาก แต่เจ้าวางใจเถอะ คนที่คิดไม่ดีกลับข้าต้องมีจุดจบที่ไม่ดีเช่นกัน คนที่เสียท่าก็จะเป็นพวกที่มาหาเรื่องทั้งนั้น”

เย่จายซิงพูดอย่างมั่นใจ

ไม่ใช่เพราะเย่เจียหรงไม่อยู่ในสายตานาง แต่เป็นเพราะขอแค่ฝั่งตรงข้ามจะทำมิดีมิร้าย จะมีคนคอยจับตาอยู่ตลอดเวลา

ความรอบรู้ของเสด็จอานั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นอกจากเขาจะมีองครักษ์ลับที่เก่งกาจแล้ว ยังมีลูกน้องอีกจำนวนมาก และยังมีพ่อค้าที่อยู่ภายใต้สหการค้าผานหลงอีกจำนวนหนึ่ง และผู้ที่เก่งกล้าในแผ่นดินใหญ่นี้ต่างอยู่ภายใต้อำนาจของเขา

และสำนักใหญ่ต่างๆ ในตระกูลขุนนางก็ยังมีคนของเขา รวมถึงคนในสำนักเมฆแดงด้วย

ไม่ต้องคอยติดตามใกล้ชิดมาก แค่ลองถามก็สามารถรู้เรื่องเย่เจียหรงว่าไปที่ไหนทำอะไรไปบ้าง

ไม่เพียงแค่นั้น แค่นางลองเดาก็สามารถเดาออก เย่เจียหรงไม่มีปัญญาทำอะไร? นางได้แต่อาศัยคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

ตัวนางได้ทำผิดต่อสำนักเมฆแดงทั้งสำนัก ไม่ต้องไปเกรงกลัวว่าเย่เจียหรงจะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อมาทำร้ายนาง?

“มันก็ใช่ คนที่คิดงัดข้อกับเจ้าไม่มีผู้ใดที่มีจุดจบที่ดี”

ลั่วกูหยุนนึกถึงโจวเหม้ยและองค์หญิงหลิวอิ๋ง

โจวเหม้ยนั้นเรียกได้ว่าดวงซวย ถูกส่งเข้าไปทรมานแสนสาหัสคุกในราชสำนัก ถูกโบ้ยตีจนแทบจะหมดลมหายใจ ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าจะหายดี

ส่วนองค์หญิงหลิวอิ๋ง โอกาสที่จะได้ครอบครองอสูรเทพก็ถูกเย่จายซิงนั้นแย่งไป

แน่นอน โอกาสนั้นจะเป็นของคนที่แข็งแกร่งกว่า และคนที่มีวาสนากว่า

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษองค์หญิงหลิวอิ๋งที่ไม่มีวาสนากับอสูรเทพ

“ข้าได้เพิ่มโอรสไขกระดูกเยือกเข้าไปแล้ว ยังมียาอะไรที่ข้าต้องกลั่นเพิ่ม?”

เย่จายซิงหันหน้าไปพูดเรื่องอื่นแทน

นางไม่อยากเสียเวลาเพียงเพราะเย่เจียหรงคนเดียว

รีบกลับไปกลั่นยาน่าจะดีกว่า

“ยาที่เจ้ากลั่นออกมานั้นประสิทธิภาพดีกว่าของตระกูลลั่วของข้าเสียอีก ขอแค่เป็นยาที่เจ้ากลั่นเองกับมือ ต้องขายดีอย่างแน่นอน เจ้ากลั่นตามใจเจ้าได้เลย สามารถขายได้หมด ออ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ยันต์ทิพย์ของเจ้าขายออกไปหมดแล้ว ถ้าเจ้าพอมีแรงก็วาดเพิ่มมาอีกหน่อย”

ลั่วกูหยุนพูด

“ในที่สุดก็มีคนตาถึง? ยันต์ทิพย์ของข้าอาจดูแล้วธรรมดา แต่อานุภาพนั้นยิ่งใหญ่ทีเดียว”

นางพูดขึ้น

“ถูกต้อง อานุภาพแรงกล้ามาก เดิมเป็นยันต์ทิพย์ที่อยู่ในมุมอับไม่มีลูกค้าถามหา ข้าเอาออกมาขายหนึ่งแถมหนึ่ง วันนั้นมีลูกค้าคนหนึ่งซื้อกลับไป ได้ยินมาว่าตอนลูกค้าไปประลองวิทยายุทธ ยันต์ทิพย์นั้นช่วยต่อสู้จนชนะโดยไม่คาดคิด หลังจากนั้น ยันต์ทิพย์นั้นก็มีชื่อขึ้นมาทันที”

ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง……

ดีเลย ยอมขาดทุนซื้อหนึ่งแถมหนึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงขึ้นมาก่อน

นางวาดยันต์นั้นสบายกว่าการกลั่นยา กลั่นยาหนึ่งเตาต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม วาดยันต์หนึ่งผืนใช้ฝีมือก็เฉพาะนาทีที่ลงหมึกเท่านั้น

นางชำนาญการวาดยันต์ในสมัย เพียงแต่ว่าพลังนางนั้นบอบบางเกินไป อิทธิฤทธิ์ของยันต์นั้นช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง

“งั้นข้าวาดเยอะหน่อย พรุ่งนี้ให้เจ้าไปขายก่อนสองร้อยแผ่น”

“ดีเลย”

ลั่วกูหยุนเผอเรอพยักหน้า ทันใดนั้นเขาลืมตาโต “เจ้าว่าเท่าไหร่นะ? สองร้อยหรือยี่สิบใบ? หูข้าตึงไปหรือว่าเจ้าพูดผิดไป?”

“ข้าพูดว่าสองร้อยใบ พรุ่งนี้ข้าจะให้เจ้าวางขาย เจ้าต้องช่วยข้าขายเยอะๆ ถ้าข้าไม่มีธุระอย่างอื่น ข้าจะวาดยันต์ทิพย์สองร้อยใบให้เจ้าขายทุกวัน เจ้าขายถูกหน่อยก็ได้พวกข้าเน้นขายเยอะกำไรน้อยหน่อยไม่เป็นไร”

เย่จายซิงยิ้มพูดอย่างมีความสุข

สองร้อยใบถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยนิด ถ้านางเข้าไปในห้วงกาลเวลาและใช้เวลากับมันให้นานขึ้น ในหนึ่งวันสามารถวาดได้ถึงสองพันใบ เพียงแต่ไม่จำเป็นที่ต้องเสียเวลากับยันต์ทิพย์มากเกินไป ทำงานหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่กำลังกายก็ต้องสำคัญยิ่งกว่า

ลั่วกูหยวนนั้นตกตะลึง เด็กในหอยาต่างได้ยินสิ่งที่นางพูด ต่างมีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

หลังวาดยันต์เสร็จนางก็เข้าสู่สนามประลองอสูรโบราณเพื่อบำเพ็ญตนต่อ

หลังจากกลับจากเหวปีศาจเที่ยวนี้ นางรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการบำเพ็ญตน นางจะต้องพยายามบำเพ็ญตน เพื่อไปยืนจุดสูงสุดของแผ่นดินใหญ่นี้ จะไม่มีใครมาขวางกั้นชะตาชีวิตนางได้

เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น นางได้เอายันต์ทิพย์ให้ลั่วกูหยุน ให้เขาเอาไปเสนอขาย

“ไปเถอะ น้องซิง”

โม่เสิ่นยวนยืนกวักมือเรียกนางอยู่หน้าประตู

เมื่อเย่จายซิงเห็นเขา ใบหน้าแววตานั้นยิ้มขึ้นมา นางเดินไปหาอย่างดีใจ เอามือไปวางบนฝ่ามือของเขาที่ยื่นออกมา

“เสด็จอามาได้อย่างไรกัน? วันนี้จะเข้าวังหรือ?”

เขามีธุระต้องไปจัดการออกจากเฉินตูไปหนึ่งวัน เขาบอกถ้ากลับมาแล้วจะพานางเข้าวัง

“ใช่ ไปกันเถอะ”

“รอก่อน ข้าต้องเปลี่ยนชุดก่อนไหม?”

นางไม่รู้ว่าวันนี้ต้องเข้าวัง นางสวมชุดกระโปรงยาวสีเรียบๆ และไม่ได้ใส่เครื่องประดับอะไรไว้บนหัวเลย

“ไม่ต้อง น้องซิงแต่งแบบนี้ก็สวยงามมากแล้ว”

โม่เสิ่นยวนพูดว่า น้องซิงของเขาแต่งอย่างไรก็ดูสวยเสมอ

นางยิ้มขึ้น หญิงสาวนั้นต่างชอบคำพูดชื่นชมของคู่รักตัวเอง ไม่มีหญิงใดหรอกที่ไม่ชอบ

“งั้นไปกันเถอะ!”

นางก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าวัง แบบนั้นก็จะดูเหมือนแสร้งทำให้คนรัก นางอยากใส่ชุดอะไรก็ใส่ชุดนั้น

เมื่อขึ้นเกี้ยวแล้ว โม่เสิ่นยวนพูดกับนางอย่างอ่อนโยนว่า:

“น้องซิงเจ้าไม่ต้องกลัว เมื่อถึงวังแล้วเดินตามข้า คนอื่นในนั้นต่างไว้ใจไม่ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา