บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 270

เย่จายซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ

สายเลือดมังกรรึ

นางไม่มีทางเอามาได้จริงๆ

ถ้าเป็นสายเลือดทิพย์นั้นยังพอหาได้ สายเลือดทิพย์ก็คือแร่ทิพย์นั้นเอง ที่ด้านในเป็นหินทิพย์ทั้งนั้น ตามพลังทิพย์ของนางแล้ว การหาเส้นสายเลือดทิพย์มาเส้นหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่ในแผ่นดินเทียนเหย้านี้ มีสายเลือดมังกรเส้นหนึ่งอยู่ใต้พื้นวังเทพมังกร ในนั้นมีจิตวิญญาณมังกรอยู่ด้วย เพื่อให้แคว้นเทพมังกรเจริญรุ่งโรจน์

ดั่งโชคมังกร

อย่าว่าแต่นางไม่มีวิธีหาสายเลือดมังกร ถึงแม้จะมีวิธี เมื่อดึงสายเลือดมังกรออกมาแล้ว โชคของแค้วนเทพมังกรก็จะน้อยลงไป ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้แคว้นเทพมังกรนั้นค่อยๆพินาศลงไป ราชวงศ์ต้าถ่งนี้ก็อาจสลายสูญสิ้นไป มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

ถึงแม้นางจะเกลียดฝ่าบาทและฮองเฮา แต่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะทำลายแคว้นเทพมังกรนี้

เพราะมีความยิ่งใหญ่ของแคว้นเทพมังกร จึงมีความสงบของแผ่นดินเทียนเหย้านี้ และไร้สงครามและความโกลาหล

สายเลือดมังกรใต้พื้นวังเทพมังกร ไม่สามารถขุดออกมาได้

“ถ้ามีห้วงกาลเวลาที่มีสายเลือดมังกร ห้วงกาลเวลานั้นก็สามารถที่จะยกระดับขึ้นไปอีก อย่างน้อยน่าจะเลื่อนได้เป็นสิบขั้น เจ้านายท่านเป็นนายของห้วงกาลเวลา โชคชะตานั้นจะย้ายไปอยู่ในตัวเจ้าของ และนั่นจะเป็นการสืบทอดทายาทโชคชะตาที่แท้จริง”

“ไม่เพียงแต่ต้นผู่ถี่เซิ่ง แม้แต่ต้นเทวเบิกนภานี้ก็น่าจะเร่งการเจริญเติบโตได้เช่นกัน แต่ว่า สายเลือดมังกรนี้น่าจะถูกตระกูลเก่าแก่ สำนักต่างๆหรือราชวงศ์ครอบครองไปแล้ว เจ้านายอยากครอบครองสายเลือดมังกรนี้ ยังฟังดูยากกว่าการเป็นเซียนซะอีก”

เสี่ยวไป๋พูดอย่างเชื่องช้า มันก็อยากได้สายเลือดมังกรเช่นกัน แต่มันก็เข้าใจ สายเลือดมังกรนั้นใช่ว่าอยากได้ก็จะได้

ได้เพียงแต่ฝันกลางวันไปก่อน

เย่จายซิงก็ถอนหายใจไปหลายเฮือก

ถ้าห้วงกาลเวลาสามารถเลื่อนขั้นขึ้นสิบขั้น เมื่อเทียบกับเวลาด้านนอกหนึ่งวัน ด้านในก็เท่ากับผ่านไปเป็นร้อยปีแล้ว

ถ้าผลผู่ถี่เซิ่งออกผลเร็วขึ้น แล้วให้เสด็จอาทาน ก็จะสามารถเพิ่มอายุขัยจิตเดิมเพิ่มอีกหลายปี

ช่างเถอะ ค่อยหาวิธีอื่นแล้วกัน

สายเลือดมังกรนี้ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้

หลังจากออกมาจากห้วงกาลเวลา เย่จายซิงเอายาต้านพิษเพื่อจะเตรียมให้เหยียนเฟิงเอาไปถวายให้ฝ่าบาท

เมื่อเปิดประตูออกไปก็เห็นหญิงรับใช้ไป๋จู๋วรออยู่ด้านนอก ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เมื่อเห็นนางก็เรียกนางด้วยท่าทีอึกอัก

“เป็นอะไร ไป๋จู๋ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“คุณหนู……ด้านนอก ด้านนอกร่ำลือกันว่า ฝ่าบาทจะสละราชบังลังก์ให้เซ่าตี้ และจะให้เซ่าตี้กับเทพธิดาโฮ่วานนั้นอภิเษกกันแล้ว……”

ไป๋จวู๋ลังเลไปสักครู่ แต่ก็จำใจเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง

เพราะลูกค้าของหอยาไป๋เป่าที่อยู่ด้านล่างต่างกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ คุณหนูลงไปก้จะได้ยิน

“ฝ่าบาทจะจัดงานอภิเษกรึ? ทำไมช่างเจรจายากนัก”

สีหน้าเย่จายซิงเคร่งเครียดไป แววตาเงียบสะงัดพร้อมท่าทีที่เย้ยหยัน

ในใจไป๋จู๋วนั้นว่าวุ่นมาก เพราะเห็นอยู่ว่าคุณหนูกับเซ่านั้นรักกันมาก แล้วเหตุใดฝ่าบาทต้องมาแยกเขาทั้งสองให้จากกันด้วย

“คนพวกนั้นยังพูดว่า มีข่าวลือออกมาจากในวังเกี่ยวกับท่านอาคมในเหวปีศาจ ไม่ใช่ท่านที่เสกมันไว้ ตอนนี้ผู้คนต่างสงสัยในตัวท่าน! ข้าเครียดจนจะเป็นบ้าแล้ว!”

“งั้นรึ?”

นางยิ้มอย่างเยือกเย็น

“คุณหนู ท่านอย่าเครียดไปเลย เซ่าตี้ต้องไม่รับการสืบทอดนี้แน่!”

ยิ่งไม่แต่งกับเทพธิดาคนนั้นอย่างแน่นอน

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้าได้เตรียมใจไว้แล้ว”

นางพูดขึ้น

ตอนนี้ เหยียนเฟิงเข้ามาแล้ว

“เจ้าวางใจได้ ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว มันไม่ได้กระทบอะไรข้าเลย ใจข้าแข็งแกร่งยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดบางคำเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ เดี๋ยวก็หายไปเอง”

นางเดินออกไปด้านนอก ด้านหน้าประตูหอยาไป๋เป่านั้นมีคนมุงอยู่ไม่น้อย ต่างมาเพราะได้ยินข่าวลือนี้ เพื่อจะมาพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

เมื่อนางเดินออกไป ผู้คนได้แต่แอบกระซิบกระซาบ

ทันใดนั้น มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน จ้องหน้าเย่จายซิงแล้วพูดขึ้นอย่างเหน็บแนมว่า:

“เย่จายซิง หน้าเจ้าช่างหนายิ่งนัก รู้ทั้งรู้ว่าม่านอาคมที่เหวปีศาจไม่ใช่เจ้าเป็นคนเสก แต่กลับสวมรอยรับความชอบนี้ และโกหกผู้คนในใต้หล้านี้ ตอนนี้ทางราชสำนักยังมีข่าวออกมาว่า ม่านอาคมนั้นไม่ใช่ของเจ้า ตอนนี้เจ้าน่าจะไม่กล้าเล่นลิ้นแล้วซินะ! ยังมีหน้าอยากเป็นพระชายาเซ่าตี้ ได้ยินมาว่าฝ่าบาทจะให้เจ้าเป็นแค่นางบำเรอ แค่ชายารองเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์แล้ว!”

ชายผู้นี้แต่งกายด้วยชุดลูกศิษย์สำนักเมฆแดง ถ้าไม่เป็นเพราะความจำนางดีเลิศ คงจะเกือบลืมไปว่าเป็นคนของสำนักเมฆแดง

หลีฉือ ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเมฆแดง ที่เย่เจียหรงเคยให้ไปฆ่านางที่แคว้นหงส์แดง แต่ถูกนางซัดกลับมาจนได้รับพิษร้ายแรง โชคยังดีที่สามารถหนีกลับไปได้ เขาเลยโกรธแค้นเย่จายซิงเรื่อยมา

ก่อนหน้านั้นที่มีการแข่งขันเทียนเจียว หลายครั้งที่เข้าร่วมการแข่งขัน เขาและลูกศิญษย์ของสำนักเมฆแดงต่างจะหมายฆ่านางและเสี่ยวยู่ แต่ถูกนางและเสี่ยวยู่สู้กลับปางตาย บ้างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

นางเกือบจะลืมบุคคลนี้ไปเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขานั้นจะออกมาปรากฏตัวหาเรื่องนางอีก

ไม่ได้มีแต่หลีฉือ นางยังเห็นหน้าโจอวเหม้ยและเย่เจียหรงที่ดูสนิทสนมกัน อยู่บนชั้นสองของตึกตรงข้าม

ทั้งสองใบหน้าต่างเปื้อนยิ้ม เหมือนกำลังหัวเราะเยาะนางกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

เย่จายซิงขยับฝีปาก กวาดสายตาที่ผู้คนแล้วพูดเสียงดัง:

“เรื่องม่านอาคมที่เหวปีศาจที่พูดว่าข้าไม่ได้เป็นคนเสก เรื่องนี้เมื่อราชสำนักเป็นคนแจ้งข่าวก็ให้ถือตามนั้น พวกเจ้ามีเวลาว่างถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่ไปฆ่าพวกเผ่าปีศาจและอสูรปีศาจที่อยู่ทางเหนือ แต่กลับมาปราบปรามข้า ไม่รู้สึกหรือว่าพวกท่านทำเรื่องไร้ประโยชน์อยู่?”

“เจ้าอย่ามาสร้างความสับสนให้พวกข้าเลย! เย่จายซิง เซ่าตี้โกหกไปก็เพื่อเจ้า เจ้าเป็นเพียงจิ้งจอกที่มีความงดงามเท่านั้น เหล่าประชาราษฎร์แห่งแคว้นเทพมังกรจะไม่ให้เซ่าตี้ แต่งงานกับผู้หญิงปลิ้นปล่อนเช่นเจ้าอย่างเด็ดขาด!เจ้าควรจะคุกเข่าลงเพื่อกล่าวคำขอโทษ ที่เจ้าทำผิดต่อพวกข้า ”

หลีฉือพูดขึ้นอย่างโอหัง

เย่จายซิงยืดไหล่หลังตรง พูดอย่างเสียงดังฟังชัดว่า:

“น่าขำยิ่งนัก พวกเจ้าคิดว่าข้ามีความผิด ข้าโกหก แต่กลับไม่ไปหาหลักฐานแล้วมาลงโทษข้า ช่างเป็นเรื่องตลกขบขันยิ่งนัก! ข้าจะบอกให้พวกเจ้า ม่านอาคมนั้นข้าเป็นคนเสกกับมือ พวกเจ้าไร้ความสามารถ ก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะไร้ความสามารถเหมือนเช่นพวกเจ้า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา