บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 297

โจวกุ้ยเฟยที่กำลังดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขนั้น

ขณะนั้นเองขันทีของฮ่องเต้ก็มาถึง

โจวกุ้ยเฟยที่กำลังมีความสุขอย่างบ้าคลั่ง ในใจคิดว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

นอกจากเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีเรื่องอื่นที่จะมาหานางอีกแล้ว

นางรู้ดีว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเหี่ยวเฉาลงไปเยอะ เมื่อเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่ยังวัยรุ่นนั้น นางแย่กว่าไม่น้อยเลย

หลายปีมานี้นางไม่ละเมิดกฏ ไม่แก่งแย่งชิงดี ฮ่องเต้ต้องรับรู้บ้าง

วังหลังที่ไม่มีที่พักพิง นางต้องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

สีหน้าของโจวกุ้ยเฟยมีความสุขอย่างมาก เดินตามขันทีมายังวังฮองเฮา

จนกระทั่งเห็นเลือดของฮองเฮาเต็มพื้นไปหมด สีหน้าของโจวกุ้ยเฟยก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ร้องเสียงแหลม

แม้ว่านางจะไม่ได้เห็นฮองเฮาตายกับตา แต่ว่าการที่เห็นศพของฮองเฮามันคนละเรื่องกัน

อำนาจหลายปีมานี้ของฮองเฮา ทั้งวังหลังต้องฟังนางคนเดียว เวลาอยู่ต่อหน้านาง ทุกคนต่างก้มหัวอย่างระมัดระวัง

แต่ว่านางมีจิตใจที่ร้ายกาจ สามารถตะล่อมฮ่องเต้ให้หลงนางเพียงคนเดียว แต่ต้องมาตายเช่นนี้ แถมยังถูกฟันด้วยมีดดาบ ต้องมาตายอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้

“คะ...คำนับฝ่าบาท!”

โจวกุ้ยเฟยทำจิตใจให้นิ่ง จกานั้นทำความเคารพฮ่องเต้

นางหวังเพียงว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งนางให้ดูแลวังหลังโดยเร็ว อย่าให้นางต้องอยู่ที่นี่นาน นางรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

“โจวกุ้ยเฟย เจ้าอยู่กับข้ามาเกือบจะสามสิบปีแล้วสินะ?”

ฮ่องเต้มองโจวกุ้ยเฟย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ในใจของโจวกุ้ยเฟยมีความสุขนึกว่าที่ฮ่องเต้กล่าวถึงเรื่องนี้ ก็เพื่อจะยกนางขึ้นมาเป็นฮองเฮา

นางรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า:

“เพคะ ปีนี้เป็นต้นปีที่สามสิบพอดี ได้ใช้เวลาเคียงข้างฝ่าบาท ก็ถือเป็นวาสนาของหม่อมฉันเพคะ”

ตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นฮ่องเต้ นางก็เริ่มปรนนิบัติเขาแล้ว

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะจำเรื่องเมื่อก่อนได้ดี ถ้าเช่นนั้นเรื่องสนมซุนเจ้าก็คงจะจำได้ เจ้าคงจำได้ดีเลยทีเดียว จะว่าอย่างไร ตอนนั้นเจ้าทำลายลูกของข้าในครรภ์ของนาง!”

เมื่อฟังคำพูดนี้ สีหน้าของโจวกุ้ยเฟยก็ซีดขาวทันที

ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว นางเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ฮ่องเต้จะมาถามหาความผิดจากนาง จากนั้นขุดขึ้นมาใหม่!

ที่แท้ฮ่องเต้เรียกนางมา ไม่ใช่เรื่องแต่งตั้งเป็นฮองเฮา!

“หม่อมฉันไม่รู้ว่าฝ่าบาทกำลังพูดเรื่องอะไร ฝ่าบาท!เรื่องที่เกิดขึ้นกับซุนหลิง ไม่ใช่เพราะฮองเฮาองค์ก่อนทำหรอกหรือเพคะ?ตอนนั้นก็มีหลักฐานว่า ฮองเฮาองค์ก่อนริษยาซุนหลิง จากนั้นก็ทำร้ายนางและพระโอรสในครรภ์ของนาง!”

โจวกุ้ยเฟยยังคงแถไปต่อ

เรื่องนี้มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว หลักฐานทั้งหมดก็หายไป คนที่รู้ก็ถูกนางฆ่าไปหมดแล้ว

เพียงนางไม่ยอมรับ ฮองเต้ก็ไม่มีทางเอาผิดนางได้

เย่จายซิงยื่นมือออกมาแล้วดีดยาคำจริงเข้าไปในปากของโจวกุ้ยเฟย

ใช่แล้ว นางเป็นคนมุทะลุเช่นนี้

ต่อให้เสด็จอาจะมีพยาน ก็คือหญิงสาวข้างกายของโจวกุ้ยเฟย หญิงสาวคนนั้นหนีตายแล้วรอดออกมาได้ จากนั้นก็ปกปิดชื่อแซ่

แต่มียาคำจริง ก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากแล้ว

“ให้นางกินอะไร?”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแล้วถาม

“ยาคำจริง”

โม่เสิ่นยวนรีบพูด จากนั้นถามโจวกุ้ยเฟย:

“ซุนหลิงเป็นฝีมือของเจ้าใช่ไหม?”

โจวกุ้ยเฟยที่กำลังสั่นหัว คำว่า “ไม่” ที่เพิ่งออกจากปาก ก็ร่างกายปวดสั่นไปทั้งตัว จากนั้นกระแสเลือดไหลกลับ

“เจ้าควรจะพูดความจริง มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องตาย”

เย่จายซิงเตือนนาง

ราวกับว่าฮ่องเต้ที่แก่ลงไปสิบปีมองโม่เสิ่นยวนด้วยแววตาที่เจ็บปวด เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเกลียดโม่เสิ่นยวน แต่ทว่ายอมรับเขาเป็นโอรสเพียงคนเดียว

“ไม่ใช่”

โม่เสิ่นยวนตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

หลายวันก่อนที่ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บ แพทย์หลวงเก็บเลือดจากแผลที่ทำ เขาได้ตรวจสอบแล้วว่า เขากับฮ่องเต้ไม่ใช้พ่อลูกแท้

ฮ่องเต้ส่ายหน้า จากนั้นแทบจะล้มลงไป

นานมากจนกว่าเขาจะกล่าวขึ้นว่า:

“เป็นข้าเองที่ทำผิดต่อนาง หากไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิดของข้า ทำให้นางจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้ง ตอนแรกคนที่ช่วยนางไว้ก็ไม่ใช่ข้า หากแต่เป็น……”

เขาส่ายหัว จากนั้นสะบัดมือพร้อมพูดว่า:

“พวกเจ้าไปเถอะ ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว”

เขาจะต้องใช้เวลามารักษาความจริงที่กลับตาลปัตรเช่นนี้

เย่จายซิงคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะไม่โกรธ คงอาจจะกำลังตกใจอยู่

“ไปกันเถอะเสด็จอา”

นางจับมือของเสด็จอา แล้วเดินไปข้างนอก

นางขี้เกียจจะปลอบใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสด็จอา เสด็จอาไม่มองฮ่องเต้ จากนั้นยกเท้าแล้วเดินออกไปพร้อมกับนาง

ทั้งหมดนี้ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ฮ่องเตเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง มุมปากบนยกขึ้นเล็กน้อย

แต่ว่าโม่เสิ่นยวนไม่ได้พานางออกพระราชวัง หากแต่พานางมาที่ภูเขาต้องห้ามที่วังหลัง

ขณะที่เดินขึ้นถึงยอดเขา เขาก็จับมือทั้งสองข้างของนางไว้ ดวงตาเย็นลึกดั่งสายน้ำจ้องไปที่ดวงตาทั้งคู่ของนาง:

“น้องซิง ข้าขอเจ้าแต่งงานต่อหน้าบรรพบุรุษเชื้อพระวงศ์ เจ้า ยินดีที่จะแต่งงานกับข้าหรือไม่?” 

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่สังเกตได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา