บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 315

จงรุ่ยฉี เทหินทิพย์ทั้งหมดออกมา มันมากมายจนกลายเป็นภูเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง

แต่เย่จายซิงก็ยังไม่พอใจ

“พวกเจ้าพรรคเทียนฉาน จนขนาดนี้เลยหรือ?”

นางพูดด้วยเสียงเบาๆน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหน็บแนม นางแค่รู้สึกว่าคุณชายของสำนักแต่มีหินทิพย์น้อยแค่นี้ ช่างยากจนเสียจริง

แม้ว่านางจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่เมื่อได้เห็นหินทิพย์แล้ว นางก็พอจำอะไรได้ขึ้นมาบ้าง

หินทิพย์จำนวนไม่น้อยกองอยู่ตรงหน้า แต่ส่วนมากเป็นหินทิพย์เกรดล่างและเกรดกลาง มีเกรดดีอยู่ไม่กี่ชิ้น พอรวมกันแล้วสามารถเอาไปแลกเป็นหินทิพย์เกรดดี ได้ประมาณสามสี่หมื่นก้อน

นางไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนางมีหินทิพย์มากน้อยแค่ไหน แต่เงินที่กองอยู่ตรงหน้านี้ ราวกับจะไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายของนาง

ทำลายป้ายสำนัก แถมคิดจะฆ่าคนยึดสำนัก คนพันธุ์นี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใจอ่อน

“หัวหน้า ท่านว่ายังไง?”

นางมองไปทางเจ้าสำนักเหยียนเวยของสำนัก สำนักเฉียนคุน

“เหอะเหอะ!”

จู่จู่ก็โดนถาม เจ้าสำนักเหยียนสำลักน้ำลายตัวเอง

เจ้าสำนักเหยียนกับเย่เส้าพวกเขาเคยจนมาก่อน หินทิพย์หนึ่งก้อนอยากจะแบ่งออกเป็นหลายๆ ก้อนเพื่อนำไปใช้ พอเห็นหินทิพย์มากมายขนาดนี้ ก็อดละสายตาไม่ได้

ใครจะรู้ เย่จายซิงยังเห็นว่ามันน้อยเกินไป

เย่เส้าใช้ศอกสะกิดหัวหน้า และขยิบตาให้

“จริงด้วย!พรรคเทียนฉานของพวกเจ้าช่างจนจัง หินทิพย์เล็กน้อยแค่นี้ มีเพียงเศษเงินแค่นี้หรือ?”

เจ้าสำนักเหยียนรีบเปลี่ยนสีหน้า และกล่าวด้วยความเคร่งขรึม

เย่จายซิงหยักหน้าเห็นด้วย นิ้วเรียวๆ ชี้ไปที่จงรุ่ยฉี

จงรุ่ยฉีตัวสั่นเทา เมื่อเห็นว่ามือของนางขยับ ชี้มาที่แหวนในมือของเขา

“เอาแหวนและของทุกอย่างทิ้งไว้ที่นี่ รวมถึงของคนอื่นๆ ด้วย ทิ้งไว้ที่นี่ให้หมด”

……

เมื่อเห็นอาวุธของขลังวางอยู่เต็มพื้นไปหมด สมุนไพรหินทิพย์ ฮู้กลั่นยา บรรดาของใช้มากมายของสำนักเฉียนคุน รู้สึกราวกับฝันไป แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

สำนักเฉียนคุนยากจนมานานมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเมื่อหลายพันปีก่อน แค่ร้อยกว่าปีนี้มา สำนักเองก็ไม่เคยได้เห็นหินทิพย์มากมายขนาดนี้มาก่อน

แม้ว่าสำนักจะมีนายาอยู่หลายไร่ แต่รายรับก็ไม่เท่ากับรายจ่าย แม้แต่ศิษย์ของสำนักยังต้องออกไปทำงานหาหินทิพย์ข้างนอกเลย

มองดูคุณชายของพรรคเทียนฉานและบรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างวิ่งหนีกันอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่ามีงูพิษหรือสัตว์ร้ายไล่ตามหลังมายังไงยังงั้นเลย

สายตาของทุกคนอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไปมองหญิงสาวชุดแดงอุ้มแจกันดอกไม้คนนั้น

ใบหน้าขาวราวกับหยก รวมกับความงามขาวซีดของนางนั้น เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้คนอื่นต่างอยากที่จะปกป้องเธอ

ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นนางยังคิดว่านางเป็นกระต่ายน้อยไม่เจนโลก แต่ที่ไหนได้ นางใช้กำลังเพียงลำพัง ก็พลิกเกมให้กับสำนักได้ นี้มันใช่กระต่ายน้อยที่ไหนล่ะ นี้มันคือลูกพี่ชัดๆ

“แม่นาง สมบัติพวกนี้เจ้าเก็บไปเถอะ”

เจ้าสำนักเหยียนพูดกับเย่จายซิง

“พรรคเทียนฉานชดใช้ให้พวกเจ้า พวกเจ้าเก็บไว้จะดีกว่า”

“จะเป็นเช่นนั้นได้ยังไง!”

“คือ แม่นางช่วยชีวิตพวกเราไว้ เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตและเป็นผู้มีบุญคุณของพวกข้า!ของพวกนี้ พวกข้ารับไว้ไม่ได้หรอก!”

เย่เส้าและพวกพ้องต่างแย่งกันพูด

เย่จายซิงมองดูพวกเขา กวาดสายตามองดูหว่างคิ้วของทุกคน จากนั้นก็พูดว่า

“จริงๆ แล้ว ที่ข้าช่วยพวกท่าน เพราะอยากให้พวกท่านให้ข้าอยู่ที่นี้ต่อ พูดตรงๆ ก็คือ ข้าสูญเสียความทรงจำ ไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้ข้าไม่มีที่ไป”

“เจ้าสูญเสียความทรงจำหรือ?เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าตัวเจ้าเป็นใคร?”

เย่เส้าถามด้วยความตกใจ

“ใช่ค่ะ”

นางพยักหน้า

ผู้คนต่างรู้สึกว่านางน่าสงสาร แม้กระทั่งตัวเองเป็นใครก็ยังจำไม่ได้ แถมยังไม่มีที่ไปอีกต่างหาก

นางเอาชุดไปเปลี่ยนที่ม่านด้านหลัง ถอดชุดแต่งงานออกและนางก็พับอย่างเป็นระเบียบ

นางลูบลายปักบนชุดแต่งงานอย่างเบามือ คิ้วของนางช่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก

ไม่รู้ทำไม แต่นางชอบชุดแต่งงานชุดนี้มาก นางคิดว่า คนที่นางแต่งงานด้วยจะต้องเป็นคนที่นางชอบมากอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อนางเห็นชุดแต่งงานแล้วไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่ยังรู้สึกถึงความหวานชื่นซะด้วย

“เย่จายซิง?”

ทันใดนั้น นางลูบเจอตัวอักษรอยู่ที่ปลายเสื้อของนาง ซึ่งปักตัวอักษรไว้สามตัวว่า “เย่จายซิง”

“เย่จายซิง คือชื่อของข้าหรือ?”

นางรู้สึกว่าชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก มั่นใจว่า ต้องเป็นชื่อของนางแน่ๆ

แต่เหมือนกับว่ามีคนสำคัญคนหนึ่งที่นางลืมไป

ใครกันล่ะ?

นางพยายามใช้ความคิด แต่พอคิด ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที จากนั้น ก็หน้ามืดและล้มลงไปอยู่กับพื้น

“แม่นาง!”

ซินเสียนได้ยินเสียงนางล้มลง ก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไปที่ม่านด้านหลัง

เห็นเย่จายซิงหน้าซีดนอนฟุบอยู่กับพื้น

นางรีบส่งเสียงเรียกหัวหน้าและพวกพ้องเข้ามาอุ้มเย่จายซิงไปไว้บนเตียง นางพยายามปลุกเธอให้ตื่น แต่คนที่อยู่บนเตียงนั้นนอนหลับตาสนิท แม้แต่ลมหายใจก็ดูแผ่วเบา

หัวหน้าและท่านอาวุโสสองสามท่านรีบเข้ามาทันที

“ท่านอาวุโสที่สาม รีบตรวจอาการนางที”

เจ้าสำนักเหยียนเรียกท่านอาวุโสที่สามของสำนักเข้ามาตรวจอาการของเย่จายซิง ท่านอาวุโสที่สามเป็นนักกลั่นยา และเป็นอาจารย์หมอขอสำนัก ปกติแล้วถ้าบรรดาลูกศิษย์ได้รับบาดเจ็บ ท่านอาวุโสที่สามก็จะเป็นตรวจอาการให้เอง

ท่านอาวุโสที่สามเป็นชายวัยกลางคนที่สง่างามและมีวิชาความรู้มาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปตรวจชีพจรของเย่จายซิงทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น คิ้วก็ขมวดกันจนเป็นลูกคลื่น

“แปลก แปลกมากเลย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา