“เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันกลั่นยาที่เมืองเสวียนหยวน?”
ลู่ซวงเจ๋อหันไปเอ่ยถามเย่จายซิงด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้อง ถ้าหากมีวาสนา ย่อมต้องได้พบเจอกัน ทุกท่านรีบเดินทางเถอะ”
เย่จายซิงหยิบป้ายคำสั่งที่แสดงถึงสิทธิ์การเข้าร่วมแข่งขันอันหนึ่งออกมา พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและไพเราะ ที่แฝงไปด้วยความหวังที่จะให้พวกเขารีบไปอย่างแรงกล้า
เหมือนกับมีความหวาดกลัวต่อลู่ซวงอิงเมื่อครู่เล็กน้อย ไม่ยินยอมสานต่อความสัมพันธ์กับพวกเขาตระกูลลู่
เมื่อเห็นป้ายคำสั่ง ป๋ายหลี่ฮ่าวก็ลากดึงลู่ซวงเจ๋อ เอ่ยกล่าวกับเย่จายซิง:
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อน แม่นาง หวังว่าจะได้พบกันอีกในวันข้างหน้า”
เรือทิพย์ของพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบต่อการเหาะ หลังจากขึ้นไปแล้วก็ขับเรือทิพย์ออกไปจากที่เดิม
เย่จายซิงถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย ความยุ่งยากหายไปชั่วคราว แต่ว่าอย่างไรเสียก็ต้องร่าเริงให้มากเข้าไว้
ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร มองดูอายชั่วร้ายบริเวณหว่างคิ้วของพวกเขา ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นพวกที่หากไม่บรรลุเป้าหมายก็จะไม่ยอมพ่ายแพ้ด้วยความเต็มใจ
แต่ถ้าหากอยู่ในกำแพงคูเมือง พวกเขาก็จะต้องพะว้าพะวังกับการกระทำเพิ่มมากขึ้น
นี่ถึงเป็นสาเหตุว่าเพราะเหตุใดเย่จายซิงถึงได้บอกกับพวกเขา ว่านางจะเข้าร่วมการแข่งขันกลั่นยาที่เมืองเสวียนหยวน
ทันทีที่คนตระกูลลู่จากไป ฉียวี่เจียและกัวเจียงรีบเดินเข้ามาหานางทันที ทั้งสองคนชี้ที่ลำคอของตนเองอย่างร้อนใจ ต้องการจะพูด
เย่จายซิงมองดูพวกเขาแวบหนึ่ง โยนยาถอนพิษออกไปสองเม็ด
ทันทีที่กินยาถอนพิษ ทั้งสองคนก็สามารถพูดได้แล้ว
“เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ ชายหนุ่มสองคนเมื่อครู่ คนหนึ่งคือลู่ซวงเจ๋อนายน้อยแห่งตระกูลลู่ คนหนึ่งคือป๋ายหลี่ฮ่าวท่านชายสามสายตรงแห่งตระกูลป๋ายหลี่ ยังมีหญิงสาวใบหน้ากลมผู้นั้น ลู่ซวงอิงเป็นน้องสาวแท้ของลู่ซวงเจ๋อ คู่หมั้นของป๋ายหลี่ฮ่าว! ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะล่วงเกินนาง เรียกง่ายๆว่าเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ฉียวี่เจียพูดยาวเหยียดต่อเนื่อง ประโยคสุดท้ายตรงเข้าสู่ส่วนที่สำคัญที่สุด:
“ถ้าหากเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว รีบเอายาถอนพิษให้พวกข้าให้พวกข้ารีบไป อย่าเดือดร้อนพวกเรา!”
เย่จายซิงก็คิดขึ้นมาได้เช่นกัน ตระกูลลู่และตระกูลป๋ายหลี่สองตระกูลใหญ่นี้เป็นมิตรกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นอันดับที่สามของตระกูลที่มีอิทธิพลของเซียนเหอ
ภายในความทรงจำค้นหาวิญญาณของผู้อาวุโสจูนอกสำนัก ตระกูลลู่ล้วนแต่ไม่ใช่คนดีอะไร
เดิมทีตระกูลนี้เป็นตระกูลระดับกลางที่ไม่โดดเด่นตระกูลหนึ่ง ภายหลังไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้เป็นเพื่อนกับราชวงศ์ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของอาณาจักรทางเหนือ เบื้องหลังเริ่มมีคนคอยหนุนหลัง หลายปีนี้อาศัยการปล้นชิงอันแข็งแกร่ง จนได้รับทรัพยากรจำนวนมากมาย มิเช่นนั้น จะมีกำลังลำดับถัดต่อจากตระกูลป๋ายหลี่ได้อย่างไร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตระกูลลู่ในวันนี้ เพราะได้รับมาจากการทำลายครอบครัวตระกูลขุนนางทั้งน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน
คนรุ่นหลังของตระกูลลู่ได้รับการสืบทอดประเพณี“อันดีงาม”ของการก่อกรรมทำชั่วของคนรุ่นก่อนมาเป็นอย่างดี ฉะนั้นแม้แต่ฉียวี่เจียกัวเจียงลูกศิษย์ในสำนักใหญ่ประเภทนี้ต่างก็กลัวเกิดความขัดแย้งต่อตระกูลลู่
แต่เย่จายซิงกลับไม่กลัว
ผู้ที่เท้าเปล่าย่อมไม่กลัวการสวมรองเท้า(ผู้ที่ไม่มีอะไรเลยจะทำอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา) ไม่กลัวแม้กระทั่งคำสาปแช่งอันชั่วร้ายประเภทนั้นบนร่างกายของนาง ยังกลัวคนตระกูลลู่จิ๊บจ๊อยแค่นี้?
นางจะไม่ไปเส่หาเรื่องยุ่งยากตามอำเภอใจ แต่ไม่ได้หมายความว่านางกลัวความยุ่งยาก
“เจ้ากำลังฟังข้าพูดอยู่หรือไม่กันแน่!”
ฉียวี่เจียตะโกนกล่าว
เมื่อมองเห็นลักษณะท่าทางที่เรียบเฉยเช่นนี้ของเย่จายซิง นางก็โมโห
นางยังใช้ชีวิตไม่พอ ไม่อยากถูกเย่จายซิงพาเดือดร้อนจนตาย
คนตระกูลลู่ล้วนแต่เป็นหมาบ้าฝูงหนึ่ง ป๋ายหลี่ฮ่าวผู้นั้นสนิทสนมกับคนตระกูลลู่มากถึงเพียงนี้ ทั้งยังใกล้จะกลายเป็นลูกเขยของตระกูลลู่แล้ว ยิ่งจัดการได้ลำบากมากขึ้น เบื้องหลังเขาเป็นทั้งตระกูลป๋ายหลี่
เมื่อได้ยินว่าใกล้จะมีเรื่องที่ดีระหว่างเจ้าบ้านของตระกูลป๋ายหลี่และองค์หญิงหงส์ นี่หมายความว่าสุดยอดสามตระกูลของเซียนเหอกำลังจะร่วมมือกัน
ก่อนอื่นเย่จายซิงนำเรือทิพย์ประกอบให้สมบูรณ์ ทั้งเรือทิพย์แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่นางมีเพลิงพิลึกขั้นแปด สามารถนำจุดที่แตกละเอียดเชื่อมเข้าด้วยกันได้
หลังจากเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรือทิพย์กลายเป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็มีความอัปลักษณ์อยู่บ้าง ทุกแห่งล้วนมี“รอยปะซ่อม”ที่โกโรโกโส
อีกทั้งที่บริเวณหางเสือทิพย์เกิดระเบิดถูกเผาทำลาย ขาดหายไปบางส่วน
นางจึงทำได้แค่เพียงนำดาดฟ้าเรือรื้อออก แล้วติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของหางเสือทิพย์ เริ่มสลักวาดค่ายกลเหาะเหิน
ค่ายกลเหาะเหินค่อนข้างซับซ้อนเข้าใจยาก แต่เย่จายซิงรู้สึกว่าไม่กล้า ก่อนหน้านี้นางอ่านหนังสือสองรอบก็สามารถวาดได้แล้ว แต่ก็ไม่เคยวาดในสถานการณ์จริงๆ
ฉียวี่เจียและกัวเจียงที่ถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกมัดเซียนสบถด่าจนเหนื่อยแล้ว ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่สายตาที่มองไปทางเย่จายซิงเต็มไปด้วยความเหน็บแนม
พวกเขาสองคนต่างก็ไม่เชื่อว่าเย่จายซิงจะสามารถวาดค่ายกลเหาะเหินได้ ค่ายกลเหาะเหินไม่ใช่อาจารย์กลั่นภัณฑ์ทุกคนจะวาดได้ มีเพียงแค่อาจารย์กลั่นภัณฑ์ขั้นห้าขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีความสามารถนี้ มิฉะนั้นราคาสร้างเรือทิพย์ก็คงจะไม่แพงขนาดนี้หรอก
ผลบำเพ็ญตนของเย่จายซิงแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นอาจารย์กลั่นยาระดับเจ็ด ต่างก็เก่งกาจมากถึงเพียงนี้แล้ว นางไม่มีทางเป็นอาจารย์กลั่นภัณฑ์ระดับห้าขึ้นไปได้อย่างเด็ดขาด
อยู่ที่นี่ เพียงแต่เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น
ทันใดนั้นด้านหน้าเรือทิพย์ก็มีลำแสงค่ายกลแสงสีเหลืองเข้มสว่างวาบขึ้นมา ทั้งสองคนจ้องมองตาโต มองดูเหตุการณ์นี้อย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ ตะลึงงันไปแล้ว
นั่นคือ——ลำแสงที่หลังจากค่ายกลเหาะเหินเสร็จสมบูรณ์แล้วถึงจะเปล่งประกายออกมา!
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่แวบเดียว แค่ดวงตาของทั้งสองคนไม่ได้ฝ้าฟาง เป็นไปไม่ได้ที่จะมองผิด!
เย่จายซิงคาดไม่ถึง......คาดไม่ถึงว่ายังเป็นอาจารย์กลั่นภัณฑ์ระดับห้าขึ้นไปท่านหนึ่งด้วย!
“น่าประหลาด ข้ารู้สึกว่า เหมือนกับว่ามีคนเคยสอนข้า......”
เย่จายซิงมองดูค่ายกลเหาะเหินที่เพิ่งวาดเสร็จ พูดกับตนเองงึมงำๆ ฝ่ามือกำลังลูบคลำท้องน้อยโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...