บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 361

“เจ้ามีเรื่องอะไรที่เล่าไม่ได้ใช่หรือไม่? ถ้าหากไม่สะดวกที่จะเล่า ไม่เล่าก็ไม่เป็นไร”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเย่จายซิงมีความลังเล หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจ

“อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เล่าไม่ได้ เพียงแต่เนื่องจากข้าสูญเสียความทรงจำ จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ ฉะนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามอย่างไร”

เย่จายซิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

นางมองดูหว่างคิ้วของหนานกงจิ่นเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว นางไม่ต้องเป็นกังวลว่าหนานกงจิ่นจะหลอกอะไรตนเองเพราะตนเองสูญเสียความทรงจำ

“สูญเสียความทรงจำ? เจ้าจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”

หนานกงจิ่นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่านางจะสูญเสียความทรงจำ มิน่าเล่านางถึงได้มีความอยากรู้อยากเห็นในตัวตนของท่านอาเย่มากถึงเพียงนั้น

บางที ไม่แน่ว่านางและท่านอาเย่อาจจะมีความสัมพันธ์พ่อลูกกันก็ได้

พวกเขาหน้าตาละม้ายคล้ายกันอยู่นิดหน่อย

เย่จายซิงพยักหน้ากล่าว:

“ถูกต้อง ไม่นานก่อนหน้านี้ทันทีที่ข้าฟื้นขึ้นมา ไร้ความทรงจำทั้งหมด แม้แต่ตัวตนของตนเองก็ไม่รู้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะบนชุดที่สวมใส่มีชื่อ ตอนนี้ข้าคงจะเป็นแม้กระทั่งคนไร้ชื่อไร้สกุล ฉะนั้นเมื่อได้ยินท่านบอกว่ามีคนหน้าตาละม้ายคล้ายกันกับข้า อีกทั้งยังสกุลเย่ จิตใจของข้าถึงได้รีบร้อนขึ้นมาอยู่บ้างทันที”

“อย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยสามารถเข้าใจได้ เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะส่งข้อความกลับไป ให้ท่านน้าเล็กของข้าถามท่านอาเย่ดูว่าบุตรสาวมีนามว่าอะไร ถ้าหากเป็นเจ้าละก็ ข้าก็จะพาเจ้ากลับไปที่ราชวงศ์จิงหงด้วยกัน”

เย่จายซิงพยักหน้า กล่าวอย่างซาบซึ้งใจ: “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านยิ่งนัก”

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

เขาหัวเราะเสียงเบา เป็นสัญญาณบอกใบ้ให้เย่จายซิงไม่จำเป็นต้องเกรงใจมากนัก

ถ้าหากนางเป็นบุตรสาวของท่านอาเย่จริงๆ นี่จะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง

เขาส่งข้อความไปให้แก่ท่านน้าเล็กของเขาทันที ก็คือองค์หญิงสามของราชวงศ์จิงหง

มือทั้งสองข้างของเย่จายซิงประสานกันไว้ จับเอาไว้อย่างแน่นหนา ภายในใจมีความตื่นเต้นเล็กน้อย

เดิมทีนางคิดว่าจะต้องรอนานมากถึงจะตอบกลับจดหมายได้ คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ครู่เดียว แผ่นหยกในมือของหนานกงจิ่นก็เปล่งแสงขึ้นมา

เขาเปิดแผ่นหยกออก ด้านในมีเสียงของสตรีที่เบิกบานเสียงหนึ่งลอยออกมา:

“ท่านอาเย่ของเจ้าเก็บตัวฝึกได้สักพักแล้ว ยังไม่ได้ออกจากการฝึก มีอะไร? เจ้าตามหาญาติของเขาเจอแล้วหรือ?”

หนานกงจิ่นมองเย่จายซิงแวบหนึ่ง กล่าวส่งเสียงใส่แผ่นหยก:

“ไม่ใช่ เพียงแต่ข้าเห็นสตรีนางหนึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายกับท่านอาเย่อยู่บ้างนิดหน่อย ฉะนั้นจึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น”

เขาไม่ได้นำเรื่องของเย่จายซิงพูดออกไปโดยตรง ก่อนหน้านี้สีหน้าของนางก็ลังเลเป็นอย่างมาก ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นรู้เรื่องราวของนางมากเกินไป

อีกทั้งนางสูญเสียความทรงจำ จะต้องระมัดระวังตัวต่อเรื่องราวทั้งหมดมากเป็นแน่

เขาจะไม่นำเรื่องราวของเย่จายซิงบอกแก่ผู้อื่น

“ขอบคุณมาก”

เมื่อแผ่นหยกมืดลง เย่จายซิงก็กล่าวขอบคุณกับเขา

“เป็นเรื่องที่สมควร ข้าเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย” หนานกงจิ่นกล่าว: “ข้ากำลังจะกลับไปพอดี เจ้าอยากจะร่วมเดินทางไปกับข้าหรือไม่ ไปดูว่าท่านอาเย่ใช่หรือไม่ใช่บิดาของเจ้า บางทีตอนที่พวกเราไปถึง เขาก็อาจจะออกจากการฝึกแล้วก็ได้”

“นี่......แท้ที่จริงแล้วข้าก็มีความคิดเช่นนี้ แต่ว่าเดินทางด้วยกันกับท่านอาจจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าใด ข้ายังต้องไปเซียนเหอก่อน”

นางกล่าว

“เป็นเพราะลูกศิษย์ของสำนักเสวียนปิงสองคนนั้นใช่หรือไม่?”

หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าวขึ้นมาทันทีทันใด

“ท่านรู้จักพวกเขา?” นางมีความประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉียวี่เจียและกัวเจียงจะถูกเขาจำได้เสียแล้ว

ไม่ผิด จุดประสงค์ที่นางจะไปเซียนเหอ ก็เพื่อแก้ไขปัญหาของเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคน

แน่นอนว่านางไม่มีทางนำพวกเขาปล่อยกลับไปที่สำนักจริงๆ เพียงแค่ต้องการให้ท่านอาจารย์ของพวกเขารู้ว่าพวกเขาตายที่เซียนเหอ อีกทั้งผู้สังหารก็คือนาง ให้เขารู้ว่าอย่าได้คิดโยงไปถึงที่สำนักเฉียนคุนทางนั้นอีก

ถ้าเช่นนั้นต่อไปสำนักเฉียนคุณก็ไม่ต้องแบกรับความโกรธแค้นของอีกฝ่าย สามารถแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างเงียบๆได้อย่างวางใจ

ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รู้ว่าตั้งครรภ์ นางไม่ได้ครุ่นคิดมากมายถึงเพียงนี้ แต่ตลอดทางที่ผ่านมานี้ อันที่จริงนางกำลังจงใจหลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาทและอันตราย ก็เป็นเพราะกำลังคิดถึงเพื่อลูกในท้อง

นางจะต้องนำเด็กทั้งสองคนคลอดออกมาอย่างแคล้วคลาดปลอดภัยสุขภาพแข็งแรง

“เนื้อหาแบบเฉพาะเจาะจงพวกเราสามารถปรึกษาหารือกันอย่างละเอียดอีกครั้ง เจ้าสามารถค่อยๆไตร่ตรองให้ชัดเจน”

“ไม่ต้องไตร่ตรองแล้ว ข้ายอมรับข้อเสนอของท่าน”

เย่จายซิงเอ่ยกล่าว

หนานกงจิ่นเผยให้เห็นสีหน้าที่ปีติยินดีออกมา

เขาเคยเห็นโอสถที่นางกลั่น มองไม่เห็นสิ่งเจือปนเลยสักนิดจริงๆ เจ้านครเสวียนหยวนล้วนไม่อยากจะปล่อยให้หลุดมือไปเช่นนั้น พอที่จะเห็นได้ว่าคุณภาพดีมากเพียงใดแล้ว

บัดนี้ประชากรของตระกูลมีจำนวนมาก จำนวนโอสถขั้นเจ็ดที่ต้องการก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดผู้นั้นของตระกูลก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยพึงพอใจสักเท่าใด คุณสมบัติประจำตัวมีปัญหาไม่กล่าวถึง คุณภาพของโอสถเมื่อเทียบกับของเย่จายซิงแล้วด้อยกว่าเป็นไหนๆ

เย่จายซิงสามารถตอบรับอย่างตรงไปตรงมา เขาก็ไม่มีอะไรน่าดีใจไปกว่านี้แล้ว

“เรื่องของลูกศิษย์สำนักเสวียนปิงของคนนั้น ก็มอบหมายให้ข้าจัดการเถอะ เจ้าสามารถวางใจได้ ข้าจะต้องจัดการอย่างเหมาะสมให้มากที่สุด ไม่มีทางเดือดร้อนไปถึงสำนักเล็กสำนักเล็กแห่งนั้นที่รับเอาเจ้าไว้”

“ดี”

เย่จายซิงเลือกที่จะเชื่อมั่นในความสามารถของเขา

ทั้งสองคนปรึกษาหารือรายละเอียดเรื่องจำนวนโอสถที่ต้องจัดหาให้ในภายหลังที่ด้านในหอสุรา จากนั้นก็ลงนามบนกระดาษสัญญา

ต่อจากนั้นเย่จายซิงก็กลับไปที่โรงเตี๊ยม นำเชือกมัดเซียนที่มัดเอาไว้บนร่างกายของฉียวี่เจียและกัวเจียงเก็บกลับมา ทั้งยังหยิบยาถอนพิษสองสามเม็ดออกมามอบให้แก่พวกเขา

ทั้งสองคนคลานลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยมือเท้าที่แข็งทื่อ มองไปยังเย่จายซิงด้วยความตื่นตระหนก

ไม่อยากจะเชื่อ ไม่นึกเลยว่านางจะปล่อยพวกเขาแล้ว!

“พวกเจ้าไปเถอะ ข้าล่วงเกินตระกูลลู่และตระกูลป๋ายหลี่ ไปเซียนเหอไม่ได้แล้ว ภายหลังมีโอกาส ข้าจะไปขอโทษท่านอาจารย์ของพวกเจ้าด้วยตัวเอง”

เย่จายซิงเอ่ยกล่าวกับทั้งสองคน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา