“พวกเจ้าห้ามไร้มารยาทกับแม่นางเย่ นางเป็นแขกผู้มีเกียรติของข้า”
หนานกงจิ่นขวางอยู่ด้านหน้าของเย่จายซิง ขับไล่สหายรักสองสามคนที่ไม่มีสมบัติผู้ดี
“แขกผู้มีเกียรติของเจ้า ก็คือแขกผู้มีเกียรติของพวกข้า วางใจ พวกข้าจะทำตัวเป็นมิตรที่ดีเป็นอย่างยิ่งต่อแม่นางเย่อย่างแน่นอน!”
หนุ่มน้อยผมดำที่เส้นผมหยักศกเล็กน้อยเอ่ยกล่าว
“โอ๊ย! ข้าตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ ข้าจะตายแล้ว!”
หนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาท่าทางค่อนข้างมีอำนาจอีกคนหนึ่งกุมหน้าอกไว้แล้วเอ่ยกล่าว
“อย่าได้ฟังพวกเขาพูดพล่าม ล้วนแต่ปากไม่ค่อยมีหูรูดทั้งนั้น แต่ว่าพวกเขาไม่ได้มีความมุ่งร้าย”
หนานกงจิ่นกล่าวอธิบายแก่เย่จายซิง
เย่จายซิงยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณ นางมองดูบริเวณหว่างคิ้วของพวกเขาไม่มีเจตนาร้าย ดั่งที่หนานกงจิ่นกล่าวมา พวกเขาต่างก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
โดยเฉพาะคนที่กล่าวว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบผู้นั้น บริเวณหว่างคิ้วมีหมอกสีชมพูจางๆ
“ข้าแนะนำให้เจ้ารู้จักเสียหน่อย นี่คือลูกผู้น้องของข้า หนานกงหยวน หยวนของแม่น้ำหยวน แก่กว่าข้าสองปี”
หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าวกำลังชี้ไปที่หนุ่มน้อยอีกคนที่ไม่ได้พูดอะไร
แต่ว่าถึงแม้ทั้งสองคนจะเป็นลูกผู้พี่ผู้น้องกัน แต่หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าใด หนานกงหยวนค่อนข้างเงียบขรึมขี้อายมากกว่า
หนานกงหยวนหันไปทางเย่จายซิงพยักหน้าด้วยแก้มที่แดงเล็กน้อย
“ท่านนี้คือ......”
หนานกงจิ่นกำลังชี้ไปที่หนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาที่กล่าวว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ ยังไม่ทันกล่าวจบ เขาก็เอ่ยกล่าว:
“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาแนะนำ ข้าแนะนำตนเองกับแม่นางเย่ก็พอแล้ว! แม่นางเย่ ข้าชื่อว่าเสวียนหยวนป๋าย เจ้าเรียกข้าว่าพี่เสวียนหยวนก็ได้”
สกุลเสวียนหยวน?
คงจะไม่ใช่บุตรชายของเจ้านครเสวียนหยวนกระมัง?
ดูเหมือนว่าหน้าตามีความละม้ายคล้ายกันอยู่เล็กน้อย
เย่จายซิงคิดในใจ
“อย่าเรียกเขาว่าพี่ชาย พวกข้าต่างก็เรียกเขาว่าต้าป๋าย! เจ้าเรียกว่าต้าป๋ายตามก็ได้”
หนุ่มน้อยที่เส้นผมหยักศกเอ่ยกล่าว พูดจบก็รีบหันไปแนะนำตัวเขาเองกับเย่จายซิง:
“ข้าน่ะ ชื่อว่าเฮ่อจี้ จี้ที่แปลว่าท้องฟ้าที่สว่างสดใส เจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่จี้ได้!”
“เจ้าไสหัวไปเถอะ!”
หนานกงจิ่นกล่าวอย่างหมดคำจะพูด
เขามองไปทางเย่จายซิงแล้วกล่าว: “เจ้าเรียกชื่อของพวกเขาโดยตรงเลยก็ได้”
เย่จายซิงยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยกล่าว: “ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่าน ข้าชื่อว่าเย่จายซิง จายซิงที่แปลว่าเก็บดวงดาวโอบกอดดวงจันทร์”
“ว้าว! ช่างเป็นชื่อที่ดีจริงๆเลย! ไพเราะยิ่งนัก! ชื่อนี้มีเพียงแค่บนสวรรค์ที่มี โลกมนุษย์จะได้ยินสักกี่ครั้งกันเชียว!”
เสวียนหยวนป๋ายประจบสอพลอเกินจริง
หนานกงจิ่นเตะเข้าไปที่ก้นของเขาทีหนึ่ง “เลิกเล่นมุกนี้ แม่นางเย่ไม่ตกหลุมพรางมุกนี้ของเจ้า เลี่ยนจะตายชัก”
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเตะข้า อยู่ต่อหน้าของแม่นางคนสวยก็จะไม่ไว้หน้าพี่น้องมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
คนทั้งหลายหัวเราะอย่างคึกคักขึ้นมา ดูเหมือนว่ามิตรภาพนั้นดียิ่งนักจริงๆ
เรือทิพย์ที่เสวียนหยวนป๋ายกับอีกสองคนนั่งมาเกิดความขัดข้องรุนแรง ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ พวกเขาก็เจอเข้ากับเรือทิพย์ของหนานกงจิ่นเข้าพอดี คิดอยากจะขอติดรถไปด้วย
เรือทิพย์ขนาดใหญ่โต ก็กลายเป็นคึกคักขึ้นมาทันที
เย่จายซิงพึงพอใจยิ่งนัก อย่างไรเสียการนั่งเรือทิพย์หนึ่งลำกับหนานกงจิ่นสองคน บางครั้งยังคงมีความเขินอายอยู่บ้างเล็กน้อย
อีกทั้งตอนนี้นางชื่นชอบความคึกคักประเภทนี้มาก ไม่ได้รู้สึกว่าวุ่นวาย กลับกันยังค่อนข้างที่จะอิจฉาหนานกงจิ่นที่มีสหายที่ดีที่สุดสองสามคนนี้
ทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะดื่มน้ำชา เสวียนหยวนป๋ายมองเย่จายซิงทันใดนั้นก็ถอนหายใจออกมา:
แน่นอนว่า ก็มีคนกล่าวว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบก็คือเป็นเพราะเห็นว่าหน้าตาดูดี เขายอมรับว่าเขาชื่นชอบใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามที่เหมือนไม่มีอยู่บนโลกมนุษย์นี้ของเย่จายซิง
ผู้ใดใช้ให้พ่อของเขามักจะเลือกหญิงสาวที่หน้าตาดูไม่ได้เหล่านั้นอยากให้มาเป็นภรรยาของเขากันล่ะ!
มนุษย์เป็นสัตว์ที่ใช้จักษุสัมผัส มีผู้ใดไม่ชื่นชอบให้คู่ชีวิตของตนเองมีหน้าตาที่งดงามดั่งได้ชมทิวทัศน์บ้างละ?
คำถามข้อนี้ทำให้เย่จายซิงรู้สึกลำบากใจจริงๆ นางไม่รู้ว่าท่านพ่อของเด็กในท้องหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าเขาน่าหรือไม่น่าสนใจ นางรู้เพียง นางแน่ใจว่ายินดีและเต็มใจที่อยากจะคลอดลูกให้เขา นางเฝ้ารอคอยการมาถึงของเด็กน้อยเป็นอย่างมาก
นางวาดริมฝีปากกล่าว: “ถูกต้อง ข้าชื่นชอบเขามาก ในใจใส่คนอื่นไม่ได้อีกแล้ว”
นางไม่ได้บอกเรื่องที่นางตั้งครรภ์ แม้แต่กับหนานกงจิ่นก็ไม่ได้บอก เนื่องจากชีวิตในท้องเป็นสิ่งที่อ่อนแอที่สุด นางไม่ต้องการนำการมีอยู่ของพวกเขาบอกแก่คนอื่น ทั้งนี้จะได้ไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้น
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เสวียนหยวนป๋ายราวกับมะเขือที่โดนน้ำค้างทันที แห้งเหี่ยวเฉา
“ข้าอกหักแล้ว ข้าจะไปที่ดาดฟ้าเรือตากลมเสียหน่อย!”
พูดจบก็วิ่งออกไป
“ไม่ต้องสนใจเขา เขาจะหายดีในไม่ช้า”
หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าวกับเย่จายซิง
ได้ยินดังนั้น นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางไม่อยากให้เขาทำเรื่องโง่ๆอะไร
เป็นไปตามนั้นวันต่อมา เสวียนหยวนป๋ายก็ฟื้นคืนชีพ เรียกน้องจายซิงอย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่เอ่ยถึงเรื่องรักใคร่ของนางอีก ไม่เห็นหมอกสีชมพูบริเวณหว่างคิ้วด้วยเช่นกัน
เย่จายซิงคิดว่าเขาเป็นคนที่กล้ารักกล้าแค้นคนหนึ่ง น่าสนใจมากเลยทีเดียว
คนเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับการคบเป็นเพื่อน
พรุ่งนี้ก็สามารถเดินทางถึงภายในแดนราชวงศ์จิงหงของอาณาจักรทางเหนือ ไม่รู้ว่าภายในใจของเย่จายซิงเกิดอะไรขึ้น มีความตื่นเต้นเล็กน้อย ความรู้สึกคล้ายกับว่าจิตใจไม่สงบเมื่อได้เข้าใกล้บ้านเก่า
นางยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านอาเย่เย่เจ๋อหยวนที่หนานกงจิ่นเรียก ก็คือท่านพ่อของนาง
ในตอนเย็นวันนั้น แผ่นหยกที่บริเวณเอวหนานกงจิ่นสว่างขึ้นไม่นาน ทันใดนั้นเผชิญหน้ากับทุกคนแล้วเอ่ยกล่าว:
“เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ข้าอาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่ทะเลทรายยู่ซีสักรอบ พวกเจ้าจะไปด้วยกันกับข้าหรือไม่? หรือว่าจะพักหยุดที่นี่ เปลี่ยนเป็นเรือทิพย์อีกลำ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...