บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 373

ใต้ผืนดินของตระกูลวิหคมีชีพจร บริเวณใกล้ๆ ทุกตารางนิ้วล้วนเต็มไปด้วยทองคำ

ตามที่เย่จายซิงรู้ จวนของโจวหยวนจื่อหลังนี้อย่างน้อยก็ราคาหนึ่งร้อยล้านหินทิพย์ สามารถพูดได้ว่าเป็นราคาที่สูงเสียดฟ้า

โจวหยวนจื่อบอกว่าเขาซื้อจวนหลังนี้มาเมื่อหลายร้อยปีก่อนจากมือคนอื่น ราคาตอนนั้นไม่แพงเกินไป

ทันทีที่เดินเข้าไป ก็รู้สึกถึงออร่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังชี่ทิพย์ และต้นไม้ดอกไม้ทิพย์ล้วนมีชีวิตชีวา เจริญและรุ่งเรือง

นอกจากนี้นอกจวนหลังนี้ยังมีค่ายทิพย์ที่ทรงพลัง สามารถต้านทานการโจมตีจากโลกภายนอก และกันเสียงความวุ่นวายไม่ให้เข้ามาภายในจวน ราวกับพื้นที่เงียบสงบท่ามกลางตลาดที่วุ่นวาย

มีชายชราเพียงคนเดียวในจวนที่เชี่ยวชาญในการตัดแต่งต้นไม้ นอกนั้นก็ไม่มีคนใช้คนอื่นเลย

“เฮ้อ วันนี้ไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ลูกศิษย์คงจะหิวแย่แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปทำอาหารมาให้ พวกเจ้าสองผัวเมียไม่ได้เจอกันนาน อยู่รำลึกความหลังกันเถอะ”

โจวหยวนจื่อพูดคุยกันสองคน หลังจากพูดจบก็จากไปด้วยรอยยิ้ม

ทันทีที่เขาจากไป โม่เสิ่นยวนก็จับมือเย่จายซิงแล้วพูดว่า “จายซิง ข้าคิดถึงเจ้ามาก”

เสียงของเขาต่ำลง คล้ายกับแม่เหล็ก ทำให้หูของนางร้อนผ่าว

มือของนางกระตุก แต่ไม่ได้ดึงออก นางก้มศีรษะและกัดริมฝีปากของตน

“ข้าจำอะไรไม่ได้มาก”

หัวใจของโม่เสิ่นยวนจมดิ่งลง เขาเดาถูก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้

เขาเชยคางนางขึ้นมา แล้วมองเข้าไปในดวงตาของนางอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดว่า

“ไม่เป็นไร ข้าจะเล่าเรื่องในอดีตให้เจ้าฟัง ข้าจะค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำของเข้ากลับมาดีหรือไม่?”

เย่จายซิงจมดิ่งเข้าไปในดวงตาลึกของเขา พยักหน้าและพูดว่า “ตกลง”

นางเชื่อในตัวเขาโดยไม่มีเงื่อนไข

นางเชื่อว่าเขาไม่เคยโกหกนาง

“ข้าชื่อโม่เสิ่นยวน เป็นสามีของเจ้า เมื่อก่อนเจ้าชอบเรียกข้าว่าเสด็จอา”

“เสด็จอา?”

นางพึมพำด้วยเสียงต่ำ ทันทีที่พูดคำว่าเสด็จอาออกมา นางก็รู้สึกคุ้นเคยมาก ราวกับว่านางเคยเรียกหลายครั้ง

“งานแต่งงานใหญ่ของเรา คำสาปบนตัวเจ้าได้ปะทุขึ้น ข้าและยู่หยางพาเจ้ามาที่แผ่นดินหลิงเซียว จากนั้นเจ้าก็หายตัวไปพร้อมกับขวดกลืนอัมภร ข้าส่งหลงอีไปตามหาเจ้าตลอด เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?”

ที่แท้ขวดดอกไม้นั่นก็เรียกว่าขวดกลืนอัมภร

ยู่หยาง หลงอี ช่างเป็นชื่อที่คุ้นหูยิ่งนัก

โม่เสิ่นยวนมองนางอย่างงุนงง แล้วอธิบายว่า “ยู่หยางคือน้องชายแท้ๆ ของเจ้า ส่วนหลงอีคือองครักษ์ลับที่ข้ามอบให้เจ้า”

เย่จายซิงถึงได้พยักหน้าแล้วถามก่อนว่า “แล้วน้องชายของข้าล่ะ? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

“ข้าขอให้เขาจับตาดูคนตระกูลป๋ายหลี่ ส่วนสาเหตุ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง ซิงเอ๋อร์ เจ้าบอกข้าก่อนได้หรือไม่ ช่วงเวลานี้เจ้าทำอะไรมาบ้าง ได้เจอความลำบากอะไรหรือไม่?”

นางส่ายหน้า มองดูนัยน์ตาสีดำที่เป็นกังวลของเขาแล้วกล่าวว่า

“ข้าไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ได้กลัวอะไรด้วย แค่สับสนนิดหน่อย แต่ข้าก็ปรับตัวได้เร็วขึ้น”

เสิ่นโม่ยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม สมแล้วที่เป็นซิงเอ๋อร์ของเขา

นางกล่าว “ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็อยู่กับขวดกลืนอัมภรบนบันไดของสำนักเล็กๆ ที่ชื่อว่า สำนักเฉียนคุน จากนั้นข้าก็ถูกคนในสำนักนำตัวกลับเข้าไปในสำนัก พวกเขาทั้งหมดดีต่อข้ามาก พวกเขายอมรับข้า และข้าก็ช่วยพวกเขาแก้ปัญหาด้วย”

“ที่นั่น พลังคำสาปของข้าดูเหมือนจะถูกบางอย่างระงับไว้ และต่อมาข้าก็ได้รู้ว่ามีชีพจรมังกรอยู่ใต้สำนักเฉียนคุน”

นางพูดต่อเนื้อหาก่อนหน้านี้ “ไข่มุกมังกรระงับคำสาปในร่างกายของข้า ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงสบายดี ชีพจรมังกรบนสำนักเฉียนคุนถูกปิดด้วยหินยักษ์ ข้าให้คนในสำนักระมัดระวัง ในช่วงเวลาสั้นๆ อย่าเพิ่งเปิดเผย”

“เมื่อชีพจรมังกรก่อตัวขึ้น มันจะกลายเป็นฮวงจุ้ยของสำนัก ถ้ามีคนที่แข็งแกร่งผ่านที่นั่น พวกเขาจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ซิงเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้หลงอีไปดู อีกอย่าง แค่ตอนนี้ที่เจ้าสบายดีเท่านั้น แต่คำสาปยังจำเป็นต้องแก้ไข ซิงเอ๋อร์ คำสาปบนตัวเจ้าอาจจะมีส่วนกับตระกูลป๋ายหลี่ อีกไม่นานข้าจะทำให้ความจริงกระจ่าง”

โม่เสิ่นยวนเอ่ยเสียงต่ำ

มีพลังคำสาปในร่างกายของซิงเอ๋อร์ ก็เหมือนกับการฝังยันต์สายฟ้าที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ ทำให้เขาไม่สบายใจตลอดเวลา

“ตระกูลป๋ายหลี่? เจ้าไม่ได้บอกว่าพวกเรามาจากแผ่นดินเทียนเหย้าหรอกหรือ เราจะเกี่ยวข้องกับตระกูลป๋ายหลี่ได้อย่างไร?”

เย่จายซิงถามเขาด้วยความประหลาดใจ

เขายังคงจับมือของตนซึ่งทำให้ตนเขินอายไม่น้อย ชักออกก็ไม่ออก

“พ่อของเจ้ามาจากแผ่นดินเทียนเหย้า แต่แม่ของเจ้าคือองค์หญิงหงสาแห่งแผ่นดินหลิงเซียว ประมุขในตระกูลป๋ายหลี่ชอบนางมาหลายปี เรื่องที่นางสูญเสียความทรงจำอาจจะเป็นฝีมือของประมุขตระกูลป๋ายหลี่ก็ได้”

คำพูดนี้ทำให้เย่จจายซิงตกใจจนอ้าปากค้าง

องค์หญิงหงสาคือแม่ของนาง?

มิน่าตอนที่นางได้ยินว่าองค์หญิงหงสาแต่งงานกับประมุขตระกูลป๋ายหลี่ ในใจกลับไม่ดีใจด้วยเสียสักนิด

“แล้วพ่อข้าชื่อเย่เจ๋อหยวนหรือไม่?”

“ใช่ ซิงเอ๋อร์เจ้าจำได้แล้วหรือ?”

“ข้าจำไม่ได้ แต่ตอนที่ข้ามาเซียนเหอ ข้าเจอนายน้อยตระกูลหนานกง เขาคิดว่าเย่เจ๋อหยวนกับข้ามีความคล้ายกัน ดังนั้นข้าจึงได้รู้จักหนานกงจิ่น เดิมทีข้าอยากไปราชวงศ์จิงหงแต่ได้ยินว่าเขาออกมาจากการบำเพ็ญแล้วก็ไปเลย ข้าก็เลยมาที่เซียนเหอ

เมื่อได้ซิงเอ๋อร์พูดถึงผู้ชายคนอื่น โม่เสิ่นยวนก็รู้สึกหึงอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมา แค่จดชื่อหนานกงจิ่นเอาไว้ในสมุดเล่มเล็ก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา