บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 388

เมื่อเย่จายซิงกับโม่เสิ่นยวนปรากฏกาย คนด้านหลังก็หลีกทางให้พวกเขาโดยสัญชาตญาณ

พวกเขามีสง่าราศีเหนือสามัญ รูปโฉมไม่เป็นสองรองใคร ดุจเซียนสวรรค์ชั้นฟ้าจุติลงมายังโลกมนุษย์

"ชายหญิงคู่นี้เป็นใครกัน? แต่ละคนหล่อสวย เลอเลิศเหนือสามัญ เหตุใดถึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน?"

"เดิมนึกว่าเทพธิดากู่หลิงงามอัศจรรย์ใจอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีสตรีที่ทั้งงามสะกดใจและน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าเทพธิดากู่หลิงปรากฏตัวขึ้นมาอีกคน!"

"สองคนนี้หน้าตาไม่คุ้นเคย ประหลาดนัก พวกเขาเป็นใครกันเนี่ย? หญิงผู้นั้นถึงขั้นกล้าพูดคำนั้นออกมา ช่างใจกล้าเกินไปแล้ว"

"ที่หญิงผู้นั้นอุ้มอยู่ เหมือนจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงเลย!"

สายตาของทุกคนจับไปบนร่างของทั้งสองเป็นตาเดียว เมื่อได้ยินว่าที่เย่จายซิงอุ้มอยู่คือจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิง ทันใดนั้น สายตาแต่ละคู่ก็ตวัดหันมองเจ้าจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงที่อยู่ในอ้อมกอดของนางตัวนั้นทันที

หัวของเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ใหญ่มาก ตัวเล็กน่ารัก ขนสีแดงฉานทั่วร่างเปล่งประกายวาววับใสสด ดุจผ้าไหมชั้นเลิศ

บนคอของมันยังมีจี้ห้อยสวมอยู่เส้นหนึ่งอีกด้วย แต่ก็แค่ของเด็กเล่นที่ทำจากไม้ชิ้นหนึ่ง เหมือนรูปทรงของอสูรเทพไป๋เจ๋อ ดูแล้วไม่น่ามีราคาอันใด

ทุกคนไม่รู้ว่า เจ้ารูปสลักไม้นี้ ก็คือดวงจิตของไป๋เจ๋อที่จำแลงกายมา ติดตามเย่จายซิงมาด้วยวิธีนี้ เพื่อเตือนภัย และบันดาลโชคปัดเป่าความชั่วร้ายให้กับนาง

เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไม่ได้หวาดหวั่นต่อการถูกหลายคนจ้องมองเลยสักนิด มันยกหัวขึ้นสะบัดหูแหลมเรียวไปมา นัยน์ตาคมสีแดงเข้มมองทุกคนอย่างรังเกียจเดียดฉันท์

ถึงขั้นถูกจิ้งจอกตัวหนึ่งมองด้วยสายตาดูหมิ่น คนทั้งหลายก็เริ่มไม่พอใจ

"นั่นใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงจริงหรือ? เหตุใดจึงดูไม่เหมือนเลย?"

ผู้อาวุโสสำนักเสวียนปิงเอ่ยเสียงเข้ม:

"มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ ข้าสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายของอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในกายของเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้! ว่ากันว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงคืออสูรล่าสมบัติชั้นดี ดูท่าชายหญิงคู่นี้คงเตรียมการมาเป็นอย่างดี"

"พวกเจ้านี้เอง!"

ผู้อาวุโสห้าตระกูลป๋ายหลี่พลันเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด

เมื่อครู่เขายืนอยู่ไกล แต่รู้สึกเพียงว่าชายหญิงสองคนนี้คุ้นตาเล็กน้อย ตอนนี้พอมาดู นี่มันชายหญิงคู่นั้นที่สังหารป๋ายหลี่ปินกับหลัวเฟิงตอนอยู่ในโรงเหล้าไม่ใช่หรือ?

เหตุใดพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้!

เซียนเหออยู่ไกลจากที่นี่มากโข หากไม่มีค่ายวาร์ป เรือทิพย์ทั่วไปต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนเป็นอย่างต่ำ ทว่านี่เพิ่งได้หกเจ็ดวันเท่านั้น พวกเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่แล้ว!

อย่าบอกนะว่า พวกเขาอาจจะมีเรือทิพย์ภัณฑ์เทพ?

"ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ผู้อาวุโสห้าตระกูลป๋ายหลี่นี่เอง คิดไม่ถึงว่าตระกูลป๋ายหลี่จะมาร่วมสนุกด้วย"

เย่จายซิงลูบเจ้าจิ้งจอกน้อย พลางเอ่ยเนิบนาบ ไม่ได้เห็นเข้าอยู่ในสายตาเลยสักนิด

ที่นี่ไม่ใช่เซียนเหอ ไม่ใช่ฐานที่มั่นของของตระกูลป๋ายหลี่ หากผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่อยากดวล เช่นนั้นก็มาลองดูว่ากำปั้นของใครจะแข็งกว่ากัน

"หึ! เจ้าเด็กไม่รู้จักรักตัวกลัวตาย พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ! ข้าออกมาจากสุสานแล้ว จะมาเอาชีวิตพวกเจ้าทั้งสองคน!"

ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่เอ่ยเสียงสะบัด

หนานกงจิ่นนิ่วหน้า คิดไม่ถึงว่าเย่จายซิงกับโม่เสิ่นยวนจะมีความขัดแข้งกับผู้อาวุโสป๋ายหลี่ด้วย

ขณะที่เขากำลังจะพูด โม่เสิ่นยวนก็เอ่ยนิ่งๆ ว่า:

"รอให้เจ้ามีชีวิตกลับมาได้ก่อนเถิด แล้วค่อยว่ากันเรื่องอื่น"

"ปั้นน้ำเป็นตัว กุเรื่องหลอกชาวบ้าน! หลานหนานกง คนเยี่ยงนี้คงไม่ใช่คนที่เจ้าจงใจเชิญมาก่อกวนหรอกนะ!"

ผู้อาวุโสป๋ายหลี่มองหนานกงจิ่นด้วยสายตาเหลื่อเชื่อ

หนานกงจิ่นเอี้ยวตัวถอยหลังไปสองสามก้าวทันที แล้วชี้ไปยังหลุมลึกมหึมาพร้อมกล่าวว่า:

"พวกท่านอยากลงไปก็ลงไปเลย ข้าน้อยจะไม่เอ่ยห้ามอะไรอีกแม้แต่คำเดียว หากเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ขอรับผิดชอบะ"

"นายน้อยหนานกงไม่ต้องมารับผิดชอบหรอก ทุกคนมากับข้ากันหมด ข้าไม่เหมือนคนจอมปลอม เจ้าเล่ห์เพทุบายบางคน ที่จงใจบอกว่าอันตราย แต่ความจริงแล้วไม่อยากให้คนอื่นลงไปเอาสมบัติหรอกนะ"

เทพธิดากู่หลิงสาวเท้าเดินขึ้นมาด้านหน้า จ้องเย่จายซิงกับโม่เสิ่นยวนด้วยสายตาถากถาง

นางอิจฮาที่เย่จายซิงโฉมงามกว่านาง คำพูดของคนเหล่านั้นเมื่อครู่ ทำนางไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

ซึ่งการลงไปยังสุสานวันนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง

เฮ่อจี้ได้ยินนางพูดหนักแน่นเช่นนี้ ก็อึ้งไปเล็กน้อย ทำไมถึงรู้สึกว่านางเหมือนหมอดูกำมะลอยิ่งกว่าตัวเองอีกเล่า?

ยอดฝีมือมากมายเหล่านี้ ไม่มีปัญหากับการหนีเอาชีวิตรอดออกมาอย่างแน่นอน

หนานกงจิ่นและเสวียนหยวนป๋ายต่างก็คิดเช่นนี้

แต่ไม่นานนัก ใต้ผืนพสุธาก็พลันเกิดเสียงพิณอันไพเราะขึ้นมา ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหวีดร้องโหยหวนขอให้ช่วย จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหาะเหินถอนร่นออกจากสุสานอย่างว่องไว พุ่งทะยานออกมาด้านนอกโดยไม่รีรอแม้แต่น้อย

ผู้อาวุโสตระกูลป๋ายหลี่ ตระกูลลู่ สำนักเสวียนปิง และเทพธิดากู่หลิงเป็นผู้มีวรยุทธขั้นสูงกว่า จึงเอาตัวรอดได้อย่างรวดเร็ว สภาพน่าสังเวชก็ช่างน่าสังเวชจริงๆ แต่ละคนหน้าตาตกตื่นจนเผือดสี

หนากงจิ่นและคนอื่นๆ สีหน้าเปลี่ยนไปอักโข แล้วรีบตะโกนหาคนด้านล่างเสียงดัง:

"รีบออกมาเร็วเข้า ไม่ต้องรีรอแล้ว! เสียงพิณมีปัญหา!"

เส้นเสียงของเขาใส่พลังทิพย์ทรงพลังขั้นสูงเข้าไป เพื่อปลุกพวกที่กำลังถูกเสียงพิณครอบงำ

ต้องขอบคุณเสียงเตือนนี้ของเขา ทำให้ต่อมามีหลายคนวิ่งหนีตามกันออกมาไม่น้อย แต่หลังหมดชาไปถ้วยหนึ่ง ก็ไม่มีใครเหาะขึ้นมาจากข้างล่างอีก

เสียงร้องโหยหวนเหล่านั้นก็หายไปแล้วเช่นกัน กลับมาเงียบสงัดราวกับตายจากอีกครั้ง

คนที่ขึ้นมา หลายคนแขนขาดขาด้วน เลือดอาบไปทั่วร่าง ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ราวกับเมื่อครู่เพิ่งเผชิญกับเรื่องอันตรายสยดสยองที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบได้

"ช่วย...ช่วยข้าด้วย..."

ชายเจ็บหนักคนหนึ่งเพิ่งส่งเสียงออกมา คอก็ตก สิ้นลมไปทันที

"คุณพี่! คุณพี่ ท่านตื่นสิ!"

หญิงที่กำลังโอบกอดชายหนุ่มร่ำไห้โฮอย่างเจ็บปวดรวดร้าว

หลังจากหยุดร้อง หญิงผู้นั้นก็ลุกพรวดขึ้น แล้วชี้ไปยังเทพธิดากู่หลิงด้วยความเคียดแค้นเต็มอก:

"เป็นเพราะเจ้า! เป็นเพราะเจ้าที่หว่านล้อมให้พวกเราลงไปตาย! แต่ตัวเจ้ากลับหนีตายออกมาเป็นคนแรก แล้วผลักไสให้พวกเราเข้าไปในสุสานเป็นเกราะเนื้อกำบังให้เจ้า!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา