"เจ้า! เจ้าอย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ! ข้าไม่ได้ผลักไสพวกเจ้าสักหน่อย!"
เมื่อตั้งรับกับการกล่าวโทษที่คร่ำครวญเป็นสายเลือดของหญิงผู้นั้น แม้เทพธิดากู่หลิงจะลนลานเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ยอมรับแต่อย่างใด
ให้ตายนางก็ไม่ยอมรับเรื่องที่จะมีผลกับชื่อเสียงของนางเช่นนี้
นางกวาดตามองผาดหนึ่ง ผู้ที่นางผลักไสให้เข้าไปเป็นเกราะเนื้อในทางเดินสุสานนอกจากหญิงผู้นี้แล้ว คนอื่นๆ หากไม่ตายก็ไม่ได้กลับขึ้นมา ตราบใดที่นางยืนกรานปฏิเสธ ใครจะมีหลักฐานมาเอาผิดนางได้?
หากไม่รักชีวิตตนเอง ฟ้าดินย่อมลงโทษ สถานการณ์เมื่อครู่ หากนางไม่เอาคนเหล่านั้นมากำบัง คนที่ตายก็คือนาง
"นังหญิงอสรพิษผู้นี้ ไม่คู่ควรกับคำว่าเทพธิดาสองคำนี้แม้แต่น้อย! ข้าขอสาปแช่งเจ้าให้ชีวิตและชื่อเสียงพังพินาศ ไม่ตายดี!"
หญิงนางนั้นโอบกอดสามีที่ล่วงลับ สายตาเคืองแค้นหาใดเปรียบ แล้วจากไปอย่างเคียดแค้นเหลือแสน
ประมาณว่าต่อไปจะต้องมาล้างแค้นเทพธิดากู่หลิงแน่นอน
เทพธิดากู่หลิงสีหน้าไม่แปรผัน ส่งสายตาให้ลูกน้องแวบหนึ่ง ดูท่านางคงไม่อาจปล่อยศัตรูไว้ได้
เย่จายซิงมองฉากนี้ ลูบไล้ขนเจ้าจิ้งจอกทิพย์น้อยอย่างเบื่อหน่าย
คนที่ไม่ฟังคำเตือนเมื่อครู่เหล่านี้ หลายคนต้องเลียเลือดบนคมมีด สละชีวิตได้เพื่อทรัพย์สมบัติ หากไม่ใช่คนลำพองตน ก็เป็นคนเห็นแก่ได้ ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิต
หญิงที่สามีตายผู้นั้นน่าเห็นใจ แต่นางมีไอชั่วร้ายอยู่ทั่วร่าง คนที่เคยฆ่ามาในอดีตต้องมีไม่น้อยแน่
กับเทพธิดากู่หลิง ก็พอๆ กับหมากัดหมานั่นแหละ
ต่อให้ถูกคนที่เทพธิดากู่หลิงส่งไปฆ่าตาย ก็ยังไม่สาสมกับความผิดที่เคยทำ
คนอื่นๆ เอาชีวิตรอดกลับมาไม่ง่าย ล้วนยังมีความหวาดผวาอยู่ แน่นอนว่าไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้เทพธิดากู่หลิงไม่พอใจ แต่ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
เย่จายซิงมองคนทั้งหลายที่อยู่ในสภาพน่าเวทนา แล้วจิปาก เอ่ยว่า:
"ห้ามไม่ให้พวกเจ้าลงไป แต่พวกเจ้าดันไม่ฟัง ตอนนี้ บอกได้เลยว่าทำตัวเองล้วนๆ พอมาคิดๆ ดูก็น่าจะได้บทเรียนเพิ่มขึ้น คราวหน้าจะได้ไม่บุ่มบ่ามเช่นนี้อีก"
"ผู้เยาว์อย่างเจ้าไม่ต้องมาพูดจาสั่งสอนหรอก!"
ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่เอ่ยกระแทกกระทั้นอย่างไม่พอใจ
เย่จายซิงเห็นเขาตั้งใจพูดจาเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อได้ยิน มุมปากก็ยกโค้งขึ้น:
"ข้าเป็นผู้เยาว์ ยืนอยู่ตรงนี้โดยไร้บาดแผล ท่านเป็นผู้อาวุโส หัวคลุกฝุ่นหน้าเปื้อนดิน ท่านเป็นถึงผู้อาวุโส ยังสู้ผู้เยาว์เช่นข้าไม่ได้เลย"
"เจ้าพูดจาพล่อยๆ อันใด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร? ถึงได้กล้ามาพูดจากับเขาเช่นนี้! หากบอกแล้วเจ้าจะตกใจกลัวจนตัวสั่น เขาคือผู้อาวุโสห้าแห่งตระกูลป๋ายหลี่!"
เทพธิดากู่หลิงเอ่ยเสียงขรึม
เย่จายซิงหลุดขำพรืด หันไปสบตากับเสด็จอา แล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า:
"เหตุใดข้าถึงจะไม่รู้เล่า ก็สามีข้าสังหารป๋ายหลี่ปินกับอาจารย์ยันต์ทิพย์หลัวเฟิงจากตระกูลป๋ายหลี่ อ้อจริงสิ ได้ยินมาว่าหลัวเฟิงเหมือนจะเคยสอนเจ้าวาดยันต์มาก่อน ดูท่าเช่นนี้ ฝีมือด้านยันต์ของเทพธิดากู่หลิงคงจะธรรมดามากเลยสินะ"
"อะไรกัน! เจ้า พวกเจ้า!"
เทพธิดากู่หลิงตกใจจนจิตหลุด ที่นี่ห่างไกลจากเซียนเหอมาก นางไม่รู้เลยสักนิดว่าเย่จายซิงกับโม่เสิ่นยวนจะกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นนี้ ถึงขนาดกล้าลงมือกับคนตระกูลป๋ายหลี่
"เทพธิดากู่หลิงเป็นอาจารย์ยันต์ทิพย์อันดับหนึ่งของแคว้นกู่โหมวของพวกเรา ตอนนี้นางเป็นอาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นหกแล้ว นังหญิงน่าด้านผู้นี้ ช่างบังอาจเอาเรื่องวิชายันต์มาพูด เจ้าทำตัวเองขายหน้าแล้ว!"
ผู้ฝึกตนของแคว้นกู่โหมวคนหนึ่งร้องตะโดนเสียงดัง
นางยิ้มสดใส ดุจบุปผายามวสันต์และคิมหันตฤดู
เทพธิดากู่หลิงนิ่วหน้าใส่ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่ อีกฝ่ายจึงเค้นเสียงเอ่ยว่า:
"เจ้าเป็นศิษย์ของโจวหยวนจื่อแล้วอย่างไร เขาชราภาพแล้ว สายตาก็มีปัญหา เจ้านับว่ามีพรสวรรค์อันใด! เทพธิดาสิคือผู้มีพรสวรรค์ด้านยันต์ที่แท้จริง อายุยังน้อยก็เป็นอาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นหกแล้ว! ต่อให้ผ่านไปสิบปีเจ้าก็ตามไม่ทัน!"
โม่เสิ่นยวนเหลือบมองผู้อาวุโสห้ากับเทพธิดากู่หลิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์:
"งั้นรึ? ได้ข่าวว่าอีกไม่กี่วัน แคว้นกู่โหมวจะมีการประลองอาจารย์ยันต์ทิพย์ เมื่อนั้น ภรรยาของข้าจะเข้าร่วมด้วย นางจะร่วมประลอง แล้วเอาชนะผู้ที่ขั้นชื่อว่าเทพธิดานี่ แต่ว่า หากเทพธิดากลัว จะยอมแพ้ล่วงหน้าก็ได้นะ ภรรยาข้าจะได้ไม่รังแกเจ้า"
เย่จายซิงได้ยินก็พึงพอใจ คำพูดนี้ ถือเป็นการดักทางเทพธิดากู่หลิง และเทียบเท่ากับประกาศสงครามกับนาง จากความยโสโอหังของนางแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางยอมแพ้ก่อนแน่
ซ้ำยังคิดว่าการประลองครั้งนี้ คือโอกาสอันดีที่จะทำให้ตนอับอายด้วย เทพธิดากู่หลิงมีความสุขเสียยิ่งกว่าอะไร
แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินคำนี้ เทพธิดากู่หลิงก็เผยรอยยิ้มเหยียดหยามทันที:
"จะให้ข้ายอมแพ้ ข้าโตมาขนาดนี้ เพิ่งได้ยินคำพูดขบขันเช่นนี้เป็นครั้งแรก! เมียเจ้า นอกจากหน้าตาของนางที่เหนือกว่าข้าแล้ว อย่างอื่นเทียบไม่ได้แม้แต่ขนเส้นหนึ่งของข้าเลยด้วยซ้ำ! ยังหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะเอาชนะข้าในการประลองอาจารย์ยันต์ทิพย์ เพ้อเจ้อสิ้นดี!"
คนรอบข้างเองก็ขำขันกับความไม่เจียมตัวของเย่จายซิงกับโม่เสิ่นยวนเช่นกัน
ใครไม่รู้บ้างว่าสิ่งที่เทพธิดากู่หลิงเก่งกาจที่สุดก็คือการวาดยันต์ นางยังเป็นอาจารย์ทิพย์คนพิเศษของราชสำนักอีกต่างหาก คนมีความสามารถเช่นนี้ตอนอายุเท่านี้อย่างนาง ผ่านไปหลายสหัสวรรษยังไม่มีปรากฏมาสักคน
"เช่นนั้นก็รอดูเอาเองแล้วกันนะ"
เย่จายซิงไม่โกรธเลยสักนิด บนใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มเฉื่อยชาเช่นเดิม คล้ายว่าคำพูดของเทพธิดากู่หลิงเมื่อครู่สร้างแรงกระเพื่อมต่อนางไม่ได้แม้แต่น้อย
ท่าทีเช่นนี้ เสมือนว่าเทพธิดากู่หลิงต่อยหมัดกระทบนุ่น นางโกรธจนควันแทบจะพ่นออกมาทางจมูกอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...